สวัสดีค่ะ ดิฉันในฐานะนักศึกษาสาขากิจกรรมบำบัด ขอเสนองานของกิจกรรมบำบัดให้ผู้สนใจได้ทราบว่างานของกิจกรรมบำบัดสามารถขับเคลื่อนสุขภาวะคนไทยได้อย่างไรบ้าง
นักกิจกรรมบำบัดได้นำหลักการและเทคนิคมากมายมาใช้ในการบำบัดและรักษา ในที่นี้ขอกล่าวถึง 2 หลักการสำคัญที่นักกิจกรรมบำบัดคำนึงถึงเป็นอย่างมากคือ
1. Client - centred practice การบำบัดแบบยึดผู้รับบริการเป็นศูนย์กลางไม่มีการชี้นำ เกิดจากความต้องการของผู้รับบริการ ซึ่งเป้าหมายของหลักการนี้ เพื่อส่งเสริมการเข้าใจตนเองดียิ่งขึ้น ลดความรู้สึกผิด ความไม่มั่นคงในใจ การมีสัมพันธภาพกับผู้อื่นดีขึ้น รวมไปถึงแรงจูงใจในการบำบัด ความภาคภูมิใจในตนเอง
2. Holistic approach เป็นการมองผู้รับบริการแบบไม่แยกส่วนทั้ง จิตใจ ร่างกาย และ จิตวิญญาณ ซึ่งก็คือ ร่างกายแข็งแรง จิตใจก็ต้องแข็งแรงด้วยนั่นเอง
Model of Human Occupation (MoHo) เป็นกิจกรรมบำบัดอย่างหนึ่งที่เน้นการประกอบอาชีพ มีจุดมุ่งหมายเพื่ออธิบายแง่มุมการมีส่วนร่วมในการประกอบอาชีพและปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บป่วยและความพิการโดยเน้นที่ผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง มองว่า บุคคลมีความแตกต่างกัน และการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตที่เกิดขึ้นได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายในตัวบุคคลและสิ่งแวดล้อม โดยถือว่าบุคคลเป็นระบบเปิดที่พัฒนาและดำเนินไปในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านการปฏิสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องกับสภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งส่วนประกอบทั้งหมดภายในนั้นเป็นแบบไดนามิก เมื่อส่วนใดส่วนหนึ่งเปลี่ยนไป (ทักษะ ค่านิยม บทบาท นิสัย สิ่งแวดล้อม) พลวัตทั้งหมดอาจเปลี่ยนไปในทางที่ดีต่อสุขภาพหรือไม่ดีต่อสุขภาพของแต่ละบุคคล ส่วนประกอบภายในตัวบุคคลที่สำคัญและมีความสัมพันธ์กัน 3 ส่วน คือ เจตจำนง (volition) อุปนิสัย (habituation) และความสามารถในการประกอบกิจกรรม(performance capacity) โดยมีการพัฒนาแบบประเมินขึ้น ซึ่งรูปแบบของการประเมิน เป็นการให้ผู้รับบริการประเมินตนเอง ที่แสดงถึงการรับรู้ความสามารถของตนเองในการทำกิจกรรม และการให้คุณค่าหรือความสำคัญของกิจกรรมที่ตนเองทำ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการรับรู้ต่อความสามารถในการทำกิจกรรมและการให้ความสำคัญหรือคุณค่าต่อกิจกรรมนั้นๆ นำไปสู่การวางแผนและให้การบำบัดรักษา และใช้ผลของการประเมินเพื่อแสดงถึงประสิทธิภาพของการบำบัดรักษาได้
ประโยชน์ของ MoHo ต่อการพัฒนาตนเอง (ในฐานะนักกิจกรรมบำบัด)
1. MoHo เป็นกรอบในการทำความเข้าใจความต้องการของบุคคลว่าต้องการอะไร เพื่อวางแผนการบำบัดให้เหมาะสม
2. MoHo ช่วยทำให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบ การมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ของบุคคล ทำให้ได้รายละเอียดที่มากขึ้น
3. MoHo ช่วยให้การประเมินบุคคลมีความแม่นยำมากขึ้น สามารถเข้าใจความซับซ้อนในความต้องการการประกอบอาชีพของบุคคลนำไปสู่การวางแผน การให้การบำบัดรักษา การติดตามและสรุปผลการบำบัดรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ของผู้รับบริการ
4. MoHo เน้นการมีส่วนร่วมของผู้รับบริการในกระบวนการบำบัดรักษา ซึ่งการมีส่วนร่วมของผู้รับบริการทำให้ทราบถึงการรับรู้ และความต้องการในมุมมองของผู้รับบริการต่อการให้บริการของนักกิจกรรมบำบัด อันจะนำไปสู่ ความร่วมมือระหว่างผู้รับบริการและนักกิจกรรมบำบัด และในที่สุดจะส่งผลดีต่อความก้าวหน้าในการบำบัดรักษา
5. MoHo ช่วยให้สามารถค้นลึกถึงสาเหตุและวิธีการที่ผู้รับบริการใช้ชีวิตในการทำงานและมีสภาพแวดล้อมอย่างไรทำให้นักกิจกรรมบำบัดสามารถเข้าใจได้ดีขึ้นว่าอะไรสำคัญสำหรับพวกเขา (เช่นอาชีพของพวกเขา) และนำสิ่งที่ได้มาผสมผสานในการปฏิบัติงานของนักกิจกรรมบำบัด
6. MoHo ทำให้เข้าใจความสามารถในการประกอบอาชีพและอัตลักษณ์ของผู้รับบริการทั้งในอดีตและในสภาพแวดล้อมปัจจุบันของพวกเขา ซึ่งข้อมูลที่ได้ทำให้นักกิจกรรมบำบัดกับผู้รับบริการสามารถพัฒนาโปรแกรมการบำบัดที่มีความหมายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตของผู้รับบริการ
สำหรับวันนี้ดิฉันขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาวะที่ดีด้วย MoHo เพียงเท่านี้ก่อนค่ะ
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ
แหล่งอ้างอิง :
https://occupationaltherapyot.com/model-of-human-occupation-moho-frame-of-reference/
ไม่มีความเห็น