สมดุลสมองและจิตใจ ขึ้นกับตัวบุคคลในสิ่งแวดล้อมและการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตประจำวันในสิ่งแวดล้อม
สมองและจิตใจมีการทำงานเกี่ยวข้องกัน
สมองส่วน Limbic มีผลต่อความมั่นคงทางจิตใจและอารมณ์ เช่น กลัว เศร้า โกรธ หากเกิดอารมณ์เหล่านี้ขึ้น ในทางกิจกรรมบำบัดสามารถตรวจสอบได้ด้วยการถามความรู้สึกตึงบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย โดยให้คะแนนจากน้อยไปมากคือ 0 - 10 หากมีมากว่า 3 ขึ้นไป ควรมีการผ่อนคลายอารมณ์เหล่านี้ ซึ่งทำได้โดยการเคาะอารมณ์ ในส่วนที่รู้สึกตึง
สมองส่วนหน้า (Frontal Brain) มีผลต่อความคิดความเข้าใจทั้งในระดับพื้นฐานที่ส่งผลต่อเจตจำนงค์ พฤตินิสัย การแสดงออก และในระดับสูง เช่น การตัดสินใจ การคิดวิธีแก้ปัญหา หากเกิดความผิดปกติคือมีความคิดผิดพลาด (Thinking errors) ในทางกิจกรรมบำบัดตรวจสอบและบำบัดได้โดย การถามอย่างลึกซึ้ง (5 why) ถาม “ทำไม” หรือ “อย่างไร” อย่างน้อย 5 ชั้น เพื่อให้ผู้รับการบำบัดเกิดการคิดไตร่ตรองถึง Thinking errors นั้น ๆ , Motivational Interview ; MI เป็นการสัมภาษณ์และวางแผนการแก้ปัญหาร่วมกัน เน้นให้ผู้รับการบำบัดเป็นผู้คิดวิธีการด้วยตนเองโดยผู้บำบัดคอยชี้แนะแนวทาง , Cognitve Behavior Therapy ; CBT เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยเน้นไปที่การปรับมุมมองความคิดของผู้รับการบำบัด
สมองส่วนที่เกี่ยวกับ Sensorimotor (การรับความรู้สึกต่าง ๆ ที่มีผลต่อการทำงานของร่างกาย) รวมทั้งส่วนที่เกี่ยวกับการสื่อสาร ความจำระยะสั้น ในทางกิจกรรมบำบัด สมองส่วนที่กล่าวมามีผลต่อบุคคล ในเรื่องของการมีปฏิสัมพันธ์ต่อสังคม ซึ่งมีระดับต่าง ๆ ดังนี้
การทำกิจกรรมบำบัดต่าง ๆ ที่กล่าวข้างต้น ย่อมต้องผ่านการคิดด้วยสมอง หัวใจ และลองลงมือปฏิบัติจริง ผ่านการมีสังคม มีอารมณ์ร่วมกัน เรียนรู้ร่วมกัน เพื่อความไหลลื่นในการทำกิจกรรม นำไปสู่การมีภาวะทางจิตสังคมที่ดีของบุคคล ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการมีปฏิสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกลมเกลียวกันภายในครอบครัว เป็นต้น
ไม่มีความเห็น