โปรแกรมรักษาคนดี


ก่อนหน้านี้ ผมได้นำงาน Mind Job นำเสนอออกสื่อประกอบกับกระแสหนัง It's OK, not to be OK กับกิจกรรมบำบัด คลิกชื่นชมที่นี่ 

และพบว่า 

Gen BB (55 ปีขึ้นไป) LEARN how to Lean Self-help
Gen X (40-55 ปี) LEARN how to Learn Self-esteem
Gen Y (24-39 ปี) LEARN how to Live Self-value
Gen Z (8-23 ปี) LEARN how to Lead Self-confident
Gen Alpha (ต่ำกว่า 8 ปี) LEARN how to Love Self-conscious
All Gens (แรกเกิดขึ้นไป) LEARN how to Leave Selfish

 

จากการวิจัยโปรแกรมสุนทรียการเปลี่ยนแปลงตนเองใน 15 สัปดาห์ คลิกอ่านบทความวิจัยจากทีมอาจารย์นักกิจกรรมบำบัดในหน้า 86 

ทำให้เราพัฒนานวัตกรรม Mind Job Startup นำพาการเรียนรู้ธุรกิจบริการสังคมมากขึ้น 

เมื่อทบทวนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญสหวิทยาการทำให้ผมลองร่างโปรแกรมรักษาคนดี ดังรูป

ไอเดียคือ นักกิจกรรมบำบัดเรามีสื่อการรักษาที่เรียกว่า Therapeutic Use of Self-Conscious ผสมผสานกับ Cognitive Therapy ที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสื่อสารบำบัดสร้างสัมพันธภาพเพื่อการรู้คิดด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะการรับประทานอาหารอย่างมีสติ (Mindful eating) และการออกกำลังกายใจให้มีอารมณ์มั่นคงอย่างมีสัมปชัญญะ (รู้จริง) ซึ่งจากประสบการณ์ทางคลินิกกิจกรรมบำบัดทำให้เห็นความกล้าหาญ (Have the guts to do it) ของผู้ที่มีจิตมุ่งมั่นฝึกฝนจากความรู้สึกได้ยินเสียงภายใน (Gut feeling) แบบสังหรณ์ใจให้อ่านใจคน รู้ทันคน ปิ๊งแว๊ปตัดสินใจ และเข้าใจลึกอย่างรู้แจ้ง ซึ่งใช้เวลาตั้งแต่ 7 วัน 7 เดือน และ 7  ปี ขึ้นอยู่กับว่า "ใครจะมีความเพียรสร้างคนดีมากกว่าคนเก่ง ตามพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 และมีความรักความเข้าใจในการลดตัวกูของกู ตามคำสอนของท่านพุทธทาส"

เมื่อทบทวนวรรณกรรมบนโลกใบนี้ ทำให้ผมประทับใจในงานของ Dr. Dario Nardi ผู้ที่สนใจการแก้ไขปัญหาชีวิตจากการปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพที่สัมพันธ์กับการวัดแผนที่สมอง ซึ่งใช้แบบตัวชี้วัด MBTI หรือ The Myers-Briggs Type Indicator  เชิญชวนทุกท่านทดสอบด้วยตนเอง ที่นี่ [ขอบคุณเวปไซด์จากทีมงาน ©2011-2020 NERIS Analytics Limited] 

คุณเคยได้ยินคำว่า "โมโหหิว" ไหมครับ? ถ้าได้อ่าน "เคล็ดลับอายุยืนจากลำไส้ (Gut) ที่หมอไม่เคยบอกคุณ ของ Dr. Giulia Engers [ขอบพระคุณ TedTalk จาก Youtube.com]" 

ผมประทับใจในข้อความหน้า 139-154 ที่ว่า "...ความกลัวอยู่ตรงกลางสมอง ... ระหว่างหูทั้งสองข้าง ... สัญญาณจากลำไส้สามารถไปถึง ... สมองกลีบอินซูลา ระบบลิมบิก เปลือกสมองกลีบหน้าผากส่วนหน้า อะมิกดาลา ฮิปโปแคมปัส และเปลือกสมองซิงกูเลตส่วนหน้า ... มีหน้าที่ตามลำดับดังนี้ การรู้จักตนเอง อารมณ์ ศีลธรรม ความกลัว ความจำ และแรงจูงใจ ... เส้นประะสาทเวกัสเป็นเส้นทางที่เร็วที่สุดและสำคัญที่สุดในการส่งสัญญาณจากลำไส้ไปยังสมอง ... คนที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนมักมีอาการแน่นท้อง ... มักวิตกกังวลหรือมีแน่วโน้มเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่า ... ในช่วงเวลาที่เราเครียด สมองจะยืมพลังงานจากลำไส้มาใช้ก่อน ... ส่งผลให้ลำไส้มีชีวิตรอดมากกว่าช่วงที่ไม่ค่อยเครียด ... การรักษาด้วยวิธีจิตบำบัดที่ดี ... มันช่วยลดความเครียด ... มีวิธีออกกำลังกายที่สร้างสรรค์มากกว่าเวลาออกกำลังกล้ามเนื้อ ... ความยืดหยุ่นของเส้นประสาทคือความสามารถในการเปลี่ยนแปลงของเส้นประสาท ... ลำไส้ที่ไม่มีความสุขอาจทำให้จิตใจเป็นทุกข์ได้ ... "

เมื่อศึกษาจิตใต้สำนึกถึงเสียงภายใน ก็มีตัวอย่างที่ดี [ขอบพระคุณ Psycho2Go] ได้แก่ ฉันรู้สึกแย่ มันจะไม่ดีในระยะยาว เป็นต้น และบนโลกใบนี้มีเพียง 2% ของประชากรโลกที่มีความสามารถอ่านใจคนได้ดีคือ มีบุคลิกภาพแบบ INFJ 
 

I มาจาก Introvert คือ คนที่ชอบเก็บตัว เพื่อพัฒนาศักยภาพสมองส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีสมาธิ ได้แก่ 

N มาจาก Intuition คือ คนที่ชอบมองภาพกว้าง ตรงกับแผนที่สมอง O1 จินตนาภาพดี 

F มาจาก Feeling คือ การยอมรับผู้อื่น ตรงกับแผนที่สมอง F8 ให้คุณค่าคน และ T3 รับฟังคำพูดคนอื่น 

J มาจาก Judging คือ การทำตามแผน ตรงกับแผนที่สมอง Fp2 คิดเป็นกระบวนการ 

ศักยภาพสมองของคนที่มีบุคลิกภาพแบบ INFJ คือ มีความสามารถเป็นนักเขียน ชอบช่วยเหลือผู้อื่นโดยคำนึงถึงความเชื่อมั่นของแต่ละคน และมีความรักความเข้าใจในการทำจิตบำบัดผ่อนคลายแก่ตัวเองและผู้อื่นได้รวดเร็ว ด้วยการตั้งคำถามว่า "How & Why" 

อุปสรรคของกลุ่มคน INFJ ที่เราควรรักษาคนดีมีน้ำใจเช่นนี้ไว้ คือ ป้องกันความคิดสมบูรณ์แบบที่มาจากระบบการทำงานที่เต็มไปด้วยการตัดสินถูกผิดและความขัดเแย้งที่มีแต่คำตำหนิคิดลบ ส่งผลให้กลุ่มคนดีนี้เก็บตัว ผลัดวันประกันพรุ่ง แล้วมาเริ่มต้นใหม่ได้อย่างเป็นธรรมชาติปราศจากการยึดติดกรอบของเวลาใด ๆ เพราะความดีงามของคน INFJ คือ มองไปข้างหน้าและเกิดมาเพื่อแก้ปัญหาคนทั้งโลก 

ดังนั้นกระบวนการตั้งตำถามเพื่อให้ ผู้ที่กำลังเผชิญความตึงเครียดทางอารมณ์ จะสอดคล้องกับการสื่อสารเพิ่มแรงจูงใจให้ก้าวสู่เจตจำนงด้วยการคิดเป็นระบบเปิดของกิจกรรมการดำเนินชีวิตของมนุษย์ดังภาพ 

เมื่อผู้ที่กำลังเผชิญความตึงเครียดทางอารมณ์ได้กำหนดเป้าหมายการรู้คิดจิตมุ่งมั่นทำความดีแล้ว ก็ให้ต่อยอดกระบวนการจัดการสุขภาวะทางอารมณ์กับบทบาทการใช้ชีวิต ตามความหมายในหนังสือ Work It Out ของ Sandra Krebs Hirsh & Jane A.G. Kise เช่น 

  • ทำความเข้าใจเรื่องพลังความสามารถของ INFJ คือ การรู้วิธีการล่วงหน้าในเรื่องที่สำคัญต่อคน ๆ นั้น แล้วค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างระบบกับบุคลากร โดยเน้นคุณธรรมนำพาให้บุคลากรมีความหวังเบิกบานใจและคิดวางแผนพัฒนาอนาคตของบุคลากรกับองค์กร
  • ลดอัตตาว่า คุณไม่ได้รู้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้อื่น โดยรับฟังผู้อื่นอธิบายจนจบแล้วถามตัวคุณเองว่า "มันหมายถึงอะไร ถ้าพวกเขาพูดถูก" โปรดตั้งสติว่า "ความคิดของคุณเร็วเกินกว่าที่ผู้อื่นจะเข้าใจให้ตกลงร่วมงานกับคุณได้ทันที"
  • คอยเตือนตัวคุณเองว่า "ลองได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่นบ้างจะทำให้คุณผ่อนคลายและเกิดความคิดสร้างสรรค์เพิ่มมากขึ้น"
  • คอยระวังการคิดแผนอนาคตล่วงหน้าเยอะเกินไป จงกลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ ตั้งใจวางแผนใช้เวลาว่างและการทำงานให้สมดุล
  • หยุดคิดว่า "คนอื่นจะคาดเดาความคิดภายในใจของคุณ อะไรที่สำคัญ จงลงมือทำนำพาความดีมีน้ำใจให้คนอื่นทันที"
  • จงบอกตัวเองอย่างมั่นใจว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ...โปรดแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานเป็นทีมอยู่เสมอ"



เชิญชวนกัลยาณมิตรคิดบวกอ่านตำราเล่มแรกของผมด้วยความขอบพระคุณยิ่งครับ ดาวน์โหลดฟรีที่ https://drive.google.com/file/d/1U-XyFVPHmS9S8L5A-cLNB76QWffzUcWj/view?usp=drivesdk ขอบพระคุณกองทุนรวมคนไทยใจดีที่สนับสนุนการพิมพ์ครั้งนี้ครับ

 

หมายเลขบันทึก: 681735เขียนเมื่อ 6 กันยายน 2020 11:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 สิงหาคม 2021 17:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท