บันทึกชุด ความฉลาดรวมหมู่ตีความ (และสรุปความ) จากหนังสือ Big Mind : How Collective Intelligence Can Change Our World (2018) เขียนโดย Geoff Mulgan ศาสตราจารย์ด้าน collective intelligence, public policy & social innovation แห่ง UCL และเป็น CEO ของ NESTA โดยในตอนที่ ๑๘ ซึ่งเป็นตอนจบ ตีความจาก Summary of the Argument
สาระสำคัญทั้งหมดของหนังสือ อยู่ในบทสรุปนี้
ความฉลาดรวมหมู่ เป็นขีดความสามารถของกลุ่ม ในการตัดสินใจที่ดี คือตัดสินใจว่าจะทำอะไร และทำอย่างไร โดยอาศัยความฉลาดของมนุษย์ผสมกับความฉลาดของเครื่องกล
ความฉลาดนี้จัดระบบเป็นหน่วยที่มีลักษณะซ้ำๆ (fractal) มี pattern คล้ายคลึงกัน ในหลายขนาดและหลายระดับ ตั้งแต่กลุ่มเพื่อนใกล้ชิด ไปถึงองค์กร และสังคมภาพใหญ่
ในแต่ละขนาด คุณลักษณะสำคัญของความฉลาดรวมหมู่ได้แก่
ความเป็นจริงในองค์กร และในสังคมคือ มีผลประโยชน์ขัดกัน มีแรงผลักไปคนละทิศละทาง ทำให้ความฉลาดรวมหมู่มีน้อย
กลุ่มและองค์กร มีความฉลาดรวมหมู่ที่ดีเมื่อมีองค์ประกอบทั้ง ๕ ครบ และทำหน้าที่อย่างสมดุล รวมทั้งมีการอุทิศทรัพยากรเพื่อการคิดอย่างเป็นระบบ และมีความสามารถใช้ความฉลาดที่อยู่นอกปริมณฑลของตน โดยมีสติอยู่กับเป้าหมายและวิธีการ
แต่ในความเป็นจริง กลุ่มและองค์กรต่างๆ มีองค์ประกอบสำคัญไม่ครบ จึงมักลงเอยด้วยความเขลารวมหมู่ แทนที่จะมีความฉลาดรวมหมู่
ในยุคที่มี อินเทอร์เน็ต และเครื่องมือ ไอที ช่วยการค้น วิเคราะห์ และจำ ช่วยเพิ่มศักยภาพของโลกอย่างมากมายในการพัฒนาความฉลาดรวมหมู่ แต่เครื่องมือเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกใช้เพื่อประโยชน์ในการแข่งขัน แทนที่จะใช้เพื่อความร่วมมือ รวมทั้งความฉลาดทั้งของมนุษย์และของเครื่องกล ถูกจัดสรรออกไปอย่างผิดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สู่การทำลายล้าง มากกว่าสู่การสร้างสรรค์
“สมัชชา” (assembly – การชุมนุม) ขององค์ประกอบต่างๆ ของความฉลาดรวมหมู่ เป็นตัวอย่างความสำเร็จในการประกอบชิ้นส่วนของความฉลาดรวมหมู่ แต่ธรรมชาติของความฉลาดรวมหมู่นี้ไม่ได้คงที่ มีการเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทของสังคม หรือสภาพแวดล้อม จึงควรมีการทดลองเปลี่ยนชิ้นส่วนเพื่อค้นหาสมัชชาที่ทำหน้าที่ได้ดีที่สุด แต่ในความเป็นจริง ระบบที่สำคัญยิ่งต่อสังคมและต่อโลก เช่น การเมือง มหาวิทยาลัย การเงิน ขาดความสามารถในการทดลองเปลี่ยนชิ้นส่วนนี้ ทำให้กลายเป็นระบบที่แข็งตัว และล้าหลัง
ยิ่งในระดับโลก เรายิ่งต้องการสมัชชา ความฉลาดรวมหมู่ในรูปแบบใหม่ๆ ดังจะเห็นว่า ยุควิกฤติโควิด ๑๙ ได้สะท้อนภาพความอ่อนแอดังกล่าว
แต่หนังสือบอกว่า สมัชชาความฉลาดรวมหมู่ด้านสุขภาพ และด้านสิ่งแวดล้อม เป็นตัวอย่างที่ดี มีการริเริ่มสร้างเครื่องมือใหม่ที่ทรงพลัง โดยการสังเกตหรือเก็บข้อมูล สร้างโมเดล ทำนาย และดำเนินการ โลกในศตวรรษที่ ๒๑ ต้องการการสร้างเครื่องมือในทำนองนั้นต่อความท้าทายใหญ่ๆ และต้องการการสร้างนักวิชาการที่มีทักษะด้าน “การออกแบบความฉลาด” (intelligence design)
วิจารณ์ พานิช
๓ มิ.ย. ๖๓
ไม่มีความเห็น