ชีวิตท่ามกลาง COVID-19


เมื่อ COVID-19 เข้ามาในไทย

ตอนปลายเดือนพฤศจิกายน หรือประมาณช่วงต้นธันวาคม2019เราได้ยินข่าวการติดเชื้อไข้หวัดจาก เมืองอู่ฮันของประเทศจีนได้รับข่าวครั้งแรกก็ไม่รู้สึกอะไร ต่อมาข่าวการติดเชื้อและการตายของจีน ก็เยอะขึ้นจนน่ากลัวจนถึงประมาณต้นปี 2020 เดือนมกราคมข่าวการติดเชื้อจากประเทศอื่นๆใกล้เคียงเริ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นไต้หวัน ไทเปฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่นจนกระทั่้งต้น กุมภาพันธ์เริ่มเข้าไปญี่ปุ่นเยอะขึ้นด้วยเรือสำราญไดมอนพริ้นเซสซึ่งตรงกับที่เราต้องไปญี่ปุ่นพอดี17-22กุมภาพันธ์2520เป็นประสบการณ์ที่สำคัญมากเป็นความโชคดีมากๆ ของเราเพราะหลังจากที่เรากลับมาประเทศไทยสั่งห้ามไปญี่ปุ่นเลยค่ะ

เราต้องไปพาร็อฟฟาไปเที่ยวกลางทุ่งนา ลพบุรีราเมศวร์ มัสยิดกลาง เนื่องจากสวนธารณะปิดหมด

เรากลับมาทางกระทรวงฯและมหาวิทยาลัยยังไม่มีคำสั่งให้กักตัวแต่คณะวิทย์ อยากให้เรากักตัวจึงต้องลากิจเพื่อเฝ้าระวัง14วันที่บ้านเป็นครั้งแรกที่ได้อยู่บ้านจริงๆเพราะในชีวิต ไม่เคยต้องลางานเพื่ออยู่บ้านเลยชีวิตที่ต้องอยู่กับครอบครัวกับมะ เจะ และเด็กน้อยร็อฟฟาต้องทำกับข้าว กวาดบ้านถูบ้าน ปลูกต้นไม้ พูดง่ายๆว่า เป็นการใช้ชีวิตอีกด้านนึงของเราที่เราบอกตัวเองตลอดว่าไม่มีเวลาทำด้วยความโชคดีที่เราอยู่บ้านนอกหรือพูดง่ายๆ ว่า เป็นชนบทชานเมืองบ้านเราอยู่บนเนื้อที่ 10ไร่อยู่ในสวน เลยไม่เหงา ไม่เครียดไม่รู้สึกอะไรเลยแต่เราต้องเฝ้าระวังการเป็นอยู่การใช้ชีวิตกับคนที่เรารักมากๆทั้งนั้นเลย ถา่มว่าเครียดไหมตอบได้เลยค่ะ ว่าไม่เครียด

ถามว่าดูแล ตัวเองอย่างไร

1.ต้องรู้ก่อนว่าเชื้อจะติดคนอื่นได้อย่างไรจากการหาความรู้ทั้งหมดทุกหมอบอกว่า ติดจากสารคัดหลั่งคือน้ำลาย ไอหรือจาม ดังนั้นสิ่งที่เราต้องระวังคือการกินอาหาร ผลไม้ น้ำเราต้องกินไม่พร้อมกับคนอื่นล้างแก้ว ล้างจานทุกครั้งที่กินเสร็จไม่ปนกับใคร

2.ต้องสังเกตตัวเองอย่างดีแบบสำรวจ ทุกวัน เช่นรู้สึกเหมือนไม่สบายไหม?ครั่นเนื้อครั่นตัวไหม?ต้องวัดไข้ทุกวันแต่วัดไข้ก็ไม่สำคัญเท่าการเช็คความรู้สึกการไม่สบายของตัวเอง

3.ออกกำลังกายทุกวันตอนเช้าโดยการเดิน ปั่นจักรยาน วิ่งกายบริหาร ตามความสะดวกของวันนั้นๆบางครั้งก็ตอนเย็นด้วย

4.อ่านหนังสืออ่านกุรอ่าน ทำกับข้าวทำกิจกรรมทุกอย่างในบ้านอย่างเป็นปกติค่ะ

5.ทำจิตใจให้สบายมีความสุข ไม่เครียด ไม่วิตกกังวลเพราะภูมิคุ้มกันที่ดีมากๆคือ ความสุขกับดุอา

6.ที่สำคัญที่สุดคือสัมผัสใกล้ชิดกับคนอื่นให้น้อยที่สุด

ละหมาดรอยออีฎิลฟิตรี 30 พฤษภาคม 2563 มัสยิดกลางสงขลา 

ละหมาดรายอ เว้นระยะห่าง 1.5 เมตร

 ผลกระทบจากโควิด-19

บอกได้เลยค่ะว่าอัลฮัมดูลิลละ ขอบคุณอัลเลาะห์ที่สุดค่ะครอบครัวเราได้รับผลกระทบจากโควิด-19น้อยมากไม่ว่าจะเป็นการทำงานการใช้ชีวิตประจำ เรามาทำงานทุกวันเป็นพนักงานของรัฐ มีเงินเดือนประจำเลยไม่ค่อยมีผลกระทบเท่าไร

เรื่องการกินเราก็มีผลกระทบน้อยเช่นกันเพราะเราอยู่ชนบท มีตลาดนัดซื้อของสดสัปดาห์ละ 2ครั้งเป็นเรื่องปกติและที่บ้านก็ทำอาหารกินเองทุกวันตลอดมาอยู่แล้วและเอาอาหารมากินที่ทำงานเป็นประจำอยู่แล้วเช่นกัน

โดยนิสัยส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบเดินห้างสรรพค้าอยู่แล้วชอบใช้ชีวิตสงบๆ อยู่บ้านเลยได้รับผลกระทบน้อยจากชีวิตประจำวัน

เรื่องการทำงานเนื่องจากเราทำงานประจำที่เป็นงานบริการรับตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างเลยต้องไปทำงานทุกวันในขณะที่งานอื่นๆ ใช้วิธีWorkfrom home คือทำงานที่บ้านทำงานออนไลน์ เรียนหนังสือออนไลน์นี่อีกอย่างของการเปลี่ยนแปลงหนักสุดหักมุมชีวิตของผู้คนอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็นนักเรียนตั้งแต่อนุบาลถึงมหาวิทยาลัยนอกจากนี้ยังต้องใช้ชีวิตอย่างมีระยะห่างในสังคมอีกด้วย

ที่ได้รับผลกระทบมากสุดก็คงเป็นเรื่องการที่ต้องแยกกันอยู่กับสามีเพราะทำงานคนละจังหวัดพอเค้าปิดจังหวัดเลยไม่สะดวกในการเดินทางบอกได้เลยว่า ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา15ปีครั้งนี้คือการแยกกันอยู่ที่นานที่สุดค่ะ(แยกกันอยู่3สัปดาห์)แต่บอกได้เลยว่าเหมือนได้สามีใหม่เพราะได้ทั้งความเย็น ความสงบได้คำตอบสำหรับการเลือกใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุราชการของสามีโดยจะเลือกเส้นทางการเรียนรู้ศาสนา

ผลกระทบครั้งยิ่งใหญ่ในศาสนาอิสลามเพราะต้องอยุดละหมาดญุมอัตวันศุกร์มากกว่า 1เดือนบางจังหวัด 2เดือนเลยนะค่ะเช่น ปัตตานี ยะลา และนราธิวาสที่สำคัญเป็นช่วงของเดือนรอมฎอลและต้องถือศีลอดเป็นครั้งแรกที่งดการละหมาดตารอแวะความรู้สึกเงียบ เหงา เศร้าแปลกๆ ทั้งเดือน แต่ก็เป็นผลดีคือ ได้ละหมาดเองที่บ้านความสุข สงบในใจ ก็จะเกิดกับเรามากขึ้น

บังเอ็บและครอบครัวมาเยี่ยมจากเกาะลันตาวันรายอ

ได้อะไรบ้างจากโควิด-19

1.อย่างแรกเลยคือพระเจ้าดึงชีวิตมนุษย์ที่ติดหรูหราฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักเก็บออมกิน-เที่ยวเพื่อโชว์ลงเฟสกลับสู่ความเป็นชีวิตพื้นฐานของมนุษย์ที่ควรจะเป็น

2.ความมีวินัยเพราะมนุษย์อยู่ตามใจตัวเองไร้ระเบียบวินัยในชีวิตต้องมีฝึกวินัยกันใหม่ทุกคนและต้องรักษากฏระห่างทางสังคมสำหรับการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างเคร่งครัด

3.เป็นยุคที่คนทั่วไปลำบากมากๆเพราะต้องปิดเมือง ปิดจังหวัดล็อคดาวหลายกิจการ ซึ่งประชาชนได้รับความลำบากทั่วทุกแห่งคนที่อยู่รอดในสังคม คือผู้ที่มีสภาพจิตใจที่ผูกติดกับศาสนามีธรรมในหัวใจซึ่งเราจะเห็นคนฆ่าตัวตายในอัตราที่สูงมากสูงกว่าคนที่ตายเพราะเป็นโควิดอีก

4.ทำให้รู้ว่าการใช้ชีวิตทุกวัน ไม่ควรประมาทเพราะในความเป็นจริงเราใกล้กับความตายมากๆไม่ว่าเป็นคนจนหรือคนรวยมีโอกาสได้ทำบุญก็ทำช่วยเหลือใครได้ก็ช่วยเพราะโอกาสบางโอกาสมันไม่ได้เข้ามาในชีวิตเราง่ายๆ

5.ทำให้เรารู้ว่าชีวิตทุกวันให้เราทำแต่ความดีทำบุญ แล้วฝากทุกอย่างไว้กับอัลเลาะห์เชื่อเถอะค่ะว่า พระองค์จะปกป้องดูแลเราเอง โดยเราไม่ต้องกังวลกับการถูกเอาเปรียบกำไร ขาดทุน แล้วเราจะตัวเบาสบายค่ะ

เป็นรายอที่มีคนละหมาดที่มัสยิดกลางสงขลาเยอะมากค่ะ

การใช้ชีวิตท่ามกลา่งความเสี่ยงต่อเชื้อไวรัสนี้ที่เรามองไม่เห็นความกังวลและความกลัวมันเกิดกับมนุษย์ทุกคนเป็นธรรมดาขอแค่เรามีความเชื่อว่าและศรัทธาว่าทุกอย่างมันถูกกำหนดมาแล้วและเป็นไปตามครรลองของมันโดยเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือหนีได้อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดแค่นี้เราก็ใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขได้แล้วค่ะ

กรกฎาคม2563




หมายเลขบันทึก: 679100เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2020 11:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 กรกฎาคม 2020 11:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท