เจ้าหน้าที่กำลังใช้โคโรนาไวรัสเพื่อกระชับอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


จากฟิลิปปินส์สู่กัมพูชา นักการเมืองรวบอำนาจและการเงินเพื่อสู้กับการระบาด

เนื่องจากการระบาดของโควิท 19 ที่ทำลายชาติทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายประเทศ ดังนั้นผู้นำทางการเมืองก็อาศัยเหตุนี้รวบอำนาจและหยุดนักวิจารณ์จากการพูด ในบรรยากาสของความกลัวและความไม่แน่นอน นักการเมืองที่มีแนวโน้มว่าจะใช้อำนาจจากฟิลิปปินส์, ประเทศไทย, ประเทศกัมพูชาและมาเลเซีย ที่ต้องการการเป็นเอกภาพในการบรรลุอำนาจขั้นสูงสุดและทำให้นักวิจารณ์เงียบเสียง

วิกฤตการณ์ทางสาธารณสุข ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความถดถอยทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดการล่มสลายที่เป็นระบบต่ออิสรภาพขั้นพื้นฐานและสถาบันประชาธิปไตยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมมันจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่ออำนาจที่เพิ่มขึ้นของนักการเมืองที่ส่งผลต่อการควบคุมแบบสุดโต่งและการหยุดของรัฐธรรมนูญ

การคุกคามของการกลับมาแบบอำนาจนิยมเกิดขึ้นในหมู่ที่ประชาธิปไตยที่มีลักษณะคล้ายกับลูกนกที่เพิ่มเริ่มมีขน ในตอนนั้นที่การตรวจสอบและความสมดุลมีความอ่อนเพลียไม่มีแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตแห่งชาติ ในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นที่ที่มีผู้ติดเชื้อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประธานาธิบดีประชานิยมและเป็นพวกขวา ชื่อดูเตอร์เต้พยายามรักษาอำนาจและมีโครงการเงินสมทบเป็นหลายพันล้านดอลลาร์ที่มาจากสภานิติบัญญัติที่สั่งได้ง่าย

ระหว่างการปิดเมืองในเขตทุนนิยมมา 6 อาทิตย์ ดูเตอร์เต้ใช้อำนาจ (ที่จริงมีมากกว่านี้) ในการนำองค์กรเอกชนขึ้น และสั่งปิดสิ่งที่รัฐบาลเชื่อว่า “เป็นข้อมูลที่ผิด” นักนิตรสารและนายกฯของเมืองที่ไม่ต้องพึ่งใครได้ตั้งคำถามกับลักษณะการปิดเมืองของเขาโดยการให้หมายเรียกจากหน่วยงานบังคับทางกฎหมายหลักจากที่ดูเตอร์เต้มีการรวบอำนาจ

นักการเมืองที่มีอำนาจในประเทศไทยและกัมพูชาต่างก็ใช้อำนาจในทางฉุกเฉินเพื่อรวบอำนาจ ภายใต้พรก.ฉุกเฉิน นายกฯประยุทธ์ จันทโอชาของประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านั้นเป็นหัวหน้ารัฐบาลทหาร ได้รวบอำนาจในการปิดพรมแดน ห้ามการรวมตัว และควบคุมข้อมูลในช่วงการระบาด

อำนาจทางกฎหมายแบบใหม่สามารถทำลายความพยายามที่ใช้โดยพรรคฝ่ายค้านในการแย่งอำนาจจากทหารในช่วงรัฐธรรมนูญแบบใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นจะทำให้เอื้อมมือของประยุทธ์ในสังคมไทยได้กระชับมากขึ้น ด้วยการมีโครงการเชิงกระตุ้นจำนวน 58 พันล้านดอลลาร์ นายกฯไทยจะได้ให้ความปลอดภัยแก่ประชาชนจำนวนสิบล้านที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและการห้ามการเดินทาง โดยผ่านการแจกเงินและเงินสำรองที่ให้ไปเป็นกลุ่มๆ

สำหรับกัมพูชา นายกฯฮุน เซน ที่ปกครองโดยไม่มีพรรคฝ่ายค้าน ได้รับอำนาจในการจับจ้องทั้งสื่อสังคมยุคใหม่และสื่อแบบประเพณี และยังควบคุมการกระจายการสื่อสารด้วยความปลอดภัยของชาติ

ในมาเลเซีย นักวิจารณ์กลัวว่านายกฯ มุฮ์ยิดดิน ยัซซิน ที่เคยเป็นสมาชิกของการ์ดเก่า และเป็นที่รู้จักกันสำหรับนโยบายฝ่ายขวาหรือเชิงอนุรักษ์ของเขา สามารถได้รับอำนาจอันใหม่เพื่อการย้อนกลับไปถึงการจำกัดพรรคฝ่ายค้านที่ปรากฎขึ้นใน 2-3 ปีนี้ ผู้นำฝ่ายค้านคืออันวาร์ อิบรอฮีม ได้เรียกร้องถึงสภามาเลเซียให้ตรวจสอบกับทรัพยากรอันใหม่ และอำนาจที่ให้กับระบบราชการเพื่อให้เกิดความโปร่งใสของประชาธิปไตยได้

สิ่งที่เราเห็นตลอดภูมิภาคคือการจำกัดของข้อมูล หรือการปราบปรามเสียงของผู้คน รวมทั้งการทำให้พรรคฝ่ายค้านและพลังทางประชาธิปไตยอยู่ในสภาวะชายขอบ ในขณะเดียวกัน ผู้นำประชานิยมและมีอำนาจทางราชการจะควบคุมโครงการเชิงกระตุ้นที่ก่อให้เกิดความมีอุปถัมภ์ทางการเมืองและเอาใจประชากรทางการเมืองของเขาอันเกิดจากความทุกข์ทางเศรษฐกิจและความไม่นอนทางการเมืองที่กำลังเติบโตขึ้น

นักวิจารณ์ เช่น Brad Adams ซึ่งเป็นผู้จัดการของเอเชียในองค์กรสิทธิมนุษยชน ได้กล่าวว่าความไม่ชัดเจนในมาตรการใหม่ๆของประเทศอย่างกัมพูชา ที่พรรคที่ได้รับอำนาจในการปกครองควบคุมทุกๆส่วนในรัฐชาติ อาจทำให้นายกฯ ใช้อำนาจสูงสุดไปทุกๆส่วนของพลเมือง, การเมือง, สังคม, เศรษฐกิจ ซึ่งทั้งหมดไม่มีเวลา หรือการตรวจสอบอำนาจสูงสุด

ผู้นำที่มีอำนาจทางการเมืองไม่ควรให้อิสระที่จะทำอะไรก็ได้เพราะเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉิน จริงๆแล้วอำนาจฉุกเฉินอันใหม่ควรเป็นหัวข้อของการตรวจสอบและการทำให้มีความสมดุลเชิงประชาธิปไตย เช่นรัฐบาลควรพูดว่าทรัพยากรใหม่ๆ หรืออำนาจในการต่อสู้กับการระบาดที่ต้องรายงานเป็นประจำ และควรปล่อยให้องค์กรต่างๆในรัฐชาติ, กลุ่มประชาสังคม, และสื่อที่เป็นอิสระมาตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย

กลุ่มประชาสังคมและพรรคฝ่ายค้านควรรวมตัวกันเป็นการทำงานร่วมกันเชิงตรวจสอบ และร่วมกับการรัฐบาลในการตรวจสอบการทำงานเกินหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ดูไม่เป็นมิตร

โมเดลที่ประสบผลสำเร็จจากไต้หวันและเกาหลีใต้ได้แสดงให้เห็น เช่น การร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน, รัฐบาลที่โปร่งใส, ระดับความเชื่อมันระหว่างพลเมืองและผู้ปกครอง เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความยั่งยืนของสถาบัน และมาตรการที่อยู่ภายในประเทศเพื่อต่อต้านการระบาด

นอกเหนือจากนี้ หากรัฐยังคงเลี้ยงระบาดเอาไว้ อำนาจฉุกเฉินที่ให้แก่ผู้นำที่มีอำนาจเด็ดขาดอาจเปลี่ยนนโยบายแห่งชาติเพื่ออนาคตที่สามารถเดาได้กับค่าใช้จ่ายเพื่ออิสรภาพที่ต้องต่อสู้ให้ได้มา

แปลและเรียบเรียงจาก

Richard Heydarian. Authoritarians are using coronavirus for power grabs in Southeast Asia.

https://asia.nikkei.com/Opinion/Authoritarians-are-using-coronavirus-for-power-grabs-in-Southeast-Asia

หมายเลขบันทึก: 677681เขียนเมื่อ 28 พฤษภาคม 2020 09:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2020 09:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท