วัตถุประสงค์ของบทความนี้คือ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์และผลงานที่ประสบความสำเร็จขององค์กรที่ได้รับรางวัล Baldrige ซึ่ง “มีการจัดการคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้มีการปรับปรุงคุณภาพสินค้าและบริการอย่างมีนัยสำคัญ”
การมุ่งเน้นบุคลากร
Workforce Focus: Learning from Role Models
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
[email protected]
9 พฤษภาคม 2563
บทความเรื่องการมุ่งเน้นบุคลากร (Workforce Focus: Learning from Role Models ) ดัดแปลงมาจากบทความเรื่อง Learning from Role Models: Category 5: Workforce โดย Dawn Bailey เมื่อ May 7, 2020 ในเว็บไซต์ https://www.nist.gov/blogs/blogrige/learning-role-models-category-5-workforce
ผู้ที่สนใจเอกสารนี้แบบ PowerPoint (PDF file) สามารถ Download ได้ที่ https://www.slideshare.net/maruay/workforce-from-role-models
หมวด 5 ของ Baldrige Criteria ครอบคลุมบุคลากรขององค์กร
หมวด 5 บุคลากร
หมวดการมุ่งเน้นบุคลากร กล่าวถึงวิธีปฏิบัติที่สำคัญด้านบุคลากร เพื่อมุ่งสร้างและรักษาให้องค์กรมีสภาพแวดล้อมที่มีผลการดำเนินการดีอยู่เสมอ และทำให้บุคลากรมีความผูกพันกับองค์กรและมุ่งปฏิบัติงานสู่เป้าหมาย อีกทั้งเพื่อทำให้องค์กรสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงและประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ ในการสนับสนุนให้การจัดการทรัพยากรบุคคลสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันกับกลยุทธ์โดยรวม เกณฑ์จึงครอบคลุมการวางแผนด้านบุคลากรไว้เป็นส่วนหนึ่งในหมวดการวางแผนกลยุทธ์ (หมวด 2) ด้วย
หมวด 5 บุคลากร (Workforce) แบ่งเป็น 2 หัวข้อคือ
5.1 สภาพแวดล้อมของบุคลากร ( Workforce Environment)
5.2 ความผูกพันของบุคลากร ( Workforce Engagement)
5.1 สภาพแวดล้อมของบุคลากร
เจตจำนง
หัวข้อนี้ถามถึงความต้องการด้านขีดความสามารถและอัตรากำลังบุคลากร วิธีตอบสนองความต้องการเหล่านั้นเพื่อให้งานขององค์กรบรรลุผล รวมทั้งถามถึงวิธีการที่ทำให้องค์กรมั่นใจได้ว่า บรรยากาศในการทำงานเกื้อหนุนการปฏิบัติงาน
จุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่มีประสิทธิผล ที่ส่งผลให้การทำงานขององค์กรบรรลุผลสำเร็จ และสามารถเกื้อหนุนบุคลากรได้
ขีดความสามารถและอัตรากำลังของบุคลากร
มีองค์กรเป็นจำนวนมากสับสนกับแนวคิดเรื่องขีดความสามารถและอัตรากำลัง ด้วยการเพิ่มจำนวนคนที่มีทักษะไม่เหมาะสมเพื่อชดเชยการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ หรือตั้งสมมติฐานว่า คนงานจำนวนน้อยแต่ทักษะสูงกว่า สามารถทดแทนความจำเป็นด้านอัตรากำลังสำหรับกระบวนการที่ต้องการทักษะน้อย หรือทักษะที่แตกต่างกันแต่ต้องการคนจำนวนมาก เพื่อการทำงานให้สำเร็จ
การมีจำนวนคนที่เหมาะสมและทักษะที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จ
การมองไปข้างหน้าเพื่อคาดการณ์ความจำเป็นด้านขีดความสามารถและอัตรากำลังในอนาคต จะทำให้องค์กรมีเวลาเพียงพอสำหรับการฝึกอบรม การว่าจ้าง การปรับเปลี่ยนตำแหน่งของบุคลากร และการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงระบบงาน
การจัดการการเปลี่ยนแปลง
การจัดการการเปลี่ยนแปลงเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมในระดับองค์กรซึ่งผู้นำเป็นผู้ควบคุมและทำให้ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงนี้ต้องการความทุ่มเท การมีส่วนร่วมของบุคลากรทุกระดับ และการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง
การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ และเกิดจากผู้นำระดับสูงขององค์กร สิ่งนี้ต้องการการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของทั้งองค์กร และอาจต้องกำหนดจุดเริ่มต้นภายในองค์กร
การสนับสนุนบุคลากร
องค์กรส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะขนาดใดก็ตาม มีโอกาสมากมายในการสนับสนุนบุคลากร
ตัวอย่างของการให้บริการ สิ่งอำนวยความสะดวก กิจกรรม และโอกาสอื่น ๆ ได้แก่ การให้คำปรึกษาทั้งในเรื่องส่วนตัวและอาชีพการงาน การพัฒนาความก้าวหน้าในอาชีพการงาน และการช่วยบุคลากรมีความพร้อมในการปฏิบัติงานในหน้าที่ใหม่ กิจกรรมสันทนาการหรืองานประเพณี การดูแลสุขภาพ ณ สถานที่ทำงาน และการให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ การยกย่องชมเชยทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ การให้การศึกษานอกเหนือจากงานในหน้าที่ การดูแลเด็กและผู้สูงอายุ การอนุญาตให้ลาหยุดกรณีพิเศษเพื่อรับผิดชอบครอบครัวและเพื่อบริการชุมชน ชั่วโมงการทำงานแบบยืดหยุ่นและโปรแกรมผลประโยชน์ การช่วยให้หางานใหม่เมื่อถูกเลิกจ้าง ผลประโยชน์เมื่อเกษียณอายุ รวมถึงการขยายเวลาให้บุคลากรสามารถใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
5.2 ความผูกพันของบุคลากร
เจตจำนง
หัวข้อนี้ถามถึงระบบขององค์กรในเรื่องการจัดการผลการปฏิบัติงานของบุคลากร การพัฒนาบุคลากร เพื่อสร้างความสามารถและกระตุ้นให้บุคลากรทุกคนปฏิบัติงานให้องค์กรได้อย่างมีประสิทธิผลและเต็มความสามารถ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนผลการดำเนินการที่ดีขององค์กร เพื่อนำสมรรถนะหลักขององค์กรมาใช้ และเพื่อส่งเสริมให้องค์กรบรรลุแผนปฏิบัติการ และทำให้มั่นใจว่ามีความสำเร็จในปัจจุบันและในอนาคต ผลการดำเนินการที่ดี
จุดมุ่งหมายของหัวข้อนี้ เพื่อให้บุคลากรสามารถทำงานให้บรรลุผลการดำเนินการที่ดี
ความเข้าใจลักษณะของสภาพแวดล้อม ที่ทำให้เกิดการทำงานที่ให้ผลการดำเนินการที่ดี ซึ่งทำให้บุคลากรทำงานอย่างดีที่สุด เพื่อผลประโยชน์ของลูกค้าและความสำเร็จขององค์กร ถือเป็นสิ่งสำคัญในการเข้าใจและสร้างความผูกพันของบุคลากร
ทั้งนี้ การทำงานที่ให้ผลการดำเนินการที่ดีประกอบด้วยลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ ความยืดหยุ่น การสร้างนวัตกรรม การเอื้ออำนาจในการตัดสินใจ และภาระความรับผิดชอบส่วนบุคคล การแบ่งปันความรู้และทักษะ การสื่อสาร และการถ่ายทอดสารสนเทศที่ดี ความสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกันกับวัตถุประสงค์ขององค์กร การมุ่งเน้นลูกค้า และการตอบสนองที่รวดเร็วต่อความต้องการของธุรกิจและข้อกำหนดของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
การสร้างความผูกพันกับบุคลากรและผลการดำเนินการ
ผลจากการศึกษาจำนวนมากแสดงว่า เมื่อบุคลากรมีความผูกพันกับองค์กรสูง จะทำให้ผลการดำเนินการดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า องค์ประกอบสำคัญในการสร้างความผูกพันกับองค์กร ได้แก่ การทำงานที่มีคุณค่า รู้ทิศทางขององค์กรชัดเจนและมีสำนึกในภาระความรับผิดชอบต่อผลการดำเนินการ มีสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย มีความไว้เนื้อเชื่อใจ มีประสิทธิผล และให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน
ในหลาย ๆ องค์กร บุคลากรและอาสาสมัครมีแรงจูงใจและรู้สึกถึงคุณค่าของงานที่ตนทำอยู่ เนื่องจากงานนั้นสอดคล้องกับค่านิยมของตนเอง
ปัจจัยขับเคลื่อนความผูกพันของบุคลากร
ถึงแม้ว่าความพึงพอใจกับค่าตอบแทน และการขึ้นค่าตอบแทนจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่สองปัจจัยนี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้มั่นใจว่าบุคลากรจะมีความผูกพันและผลการดำเนินการที่ดี
ตัวอย่างของปัจจัยอื่นที่ควรนำมาพิจารณา เช่น การแก้ไขปัญหาและคำร้องทุกข์ของบุคลากรอย่างมีประสิทธิผล โอกาสสำหรับการพัฒนาและความก้าวหน้าในอาชีพการงานของบุคลากร สภาพแวดล้อมในการทำงานและการสนับสนุนของฝ่ายบริหาร ความปลอดภัยและการป้องกันภัยของสถานที่ทำงาน ปริมาณงานที่รับผิดชอบ การสื่อสารที่มีประสิทธิผล ความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม ระดับของการได้รับมอบอำนาจ ความมั่นคงในงาน รวมถึงความเข้าใจลึกซึ้งถึงความจำเป็นที่แตกต่างกันของกลุ่มบุคลากรที่หลากหลาย ตลอดจนการสนับสนุนขององค์กรในการให้บริการลูกค้า
ปัจจัยบั่นทอนความผูกพัน
ประเด็นสำคัญที่องค์กรควรให้ความใส่ใจเท่าเทียมกับเรื่องความผูกพันของบุคลากร คือการทำความเข้าใจกับปัจจัยที่บั่นทอนความผูกพัน
ได้แก่ ปัจจัยที่ได้จากการสำรวจความคิดเห็นของบุคลากร การสอบถามกลุ่มตัวอย่าง การสำรวจความคิดเห็นจากบล็อก หรือการสัมภาษณ์บุคลากรที่ลาออก จะช่วยให้องค์กรเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น
ค่าตอบแทนและการยกย่องชมเชย
ระบบการบริหารค่าตอบแทนและการยกย่องชมเชยควรเหมาะสมกับระบบงานขององค์กร
การยกย่องชมเชย อาจเป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงิน เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ตลอดทั้งเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่ม เพื่อให้เกิดประสิทธิผลการให้ค่าตอบแทนและการยกย่องชมเชย อาจรวมถึงการเลื่อนตำแหน่งและโบนัสที่เชื่อมโยงกับผลการปฏิบัติงาน ทักษะที่แสดงให้เห็นของบุคลากร ทักษะที่จำเป็น การปรับตัวให้เข้ากับระบบงานและวัฒนธรรมใหม่ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ
แนวทางการบริหารค่าตอบแทนและการยกย่องชมเชยอาจรวมถึงการแบ่งปันผลกำไร กลไกในการแสดงความ “ขอบคุณ” อย่างง่าย ๆ การให้รางวัลแก่ทีมงานหรือหน่วยงานที่มีผลการดำเนินการดีเยี่ยม และเชื่อมโยงกับตัววัดความผูกพันของลูกค้า การบรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ขององค์กร หรือวัตถุประสงค์อื่นที่สำคัญขององค์กร
ตัวชี้วัดอื่นด้านความผูกพันของบุคลากร
นอกเหนือจากตัววัดความผูกพันของบุคลากรโดยตรงด้วยการสำรวจอย่างเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการแล้ว ยังมีตัวชี้วัดอื่น ๆ เช่น การขาดงาน การลาออก การร้องทุกข์ และการนัดหยุดงาน การพัฒนาผลการปฏิบัติงาน
องค์กรในปัจจุบันต้องการบุคลากรที่มีความสามารถหลายด้าน และสามารถยกระดับทักษะการทำงานของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง
องค์กรที่มีประสิทธิภาพสูงตอบสนองความต้องการนี้ โดยการตอบสนองความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นของบุคลากรในด้านการเรียนรู้และการพัฒนา ที่เกี่ยวข้องกับอาชีพการงาน
ในการพัฒนาผลการปฏิบัติงาน บุคลากรจะแสวงหาการเติบโตส่วนบุคคลของตนและการเติบโตในองค์กร โดยผ่านการเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอก
การเรียนรู้นี้เกี่ยวข้องกับการมอบหมายงาน โอกาส และการเรียนรู้ส่วนบุคคลเพื่อให้บรรลุถึงระดับต่อไปขององค์กร และผลการปฏิบัติงานส่วนบุคคล
ความจำเป็นในการพัฒนาผลการปฏิบัติงาน
ความจำเป็นในการพัฒนาผลการปฏิบัติงานอาจมีความแตกต่างกันมาก ขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน ความรับผิดชอบของบุคลากร และระดับการพัฒนาขององค์กรและแต่ละบุคคล
ความต้องการนี้ อาจครอบคลุมถึงการเพิ่มทักษะในการแบ่งปันความรู้ การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม และการแก้ปัญหาในการตีความและการใช้ข้อมูล การทำให้เหนือกว่าความต้องการของลูกค้า การวิเคราะห์กระบวนการและลดความซับซ้อนของกระบวนการ การลดความสูญเสียและรอบเวลา การทำงานกับอาสาสมัครและการสร้างแรงจูงใจให้อาสาสมัคร รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญตามความสอดคล้องเชิงกลยุทธ์ หรือการวิเคราะห์ต้นทุนเทียบกับประโยชน์
ความจำเป็นในการศึกษา อาจรวมถึงทักษะระดับสูงในเทคโนโลยีใหม่หรือทักษะพื้นฐาน เช่น การอ่าน การเขียน ภาษา คณิตศาสตร์ และทักษะด้านคอมพิวเตอร์
สถานที่และรูปแบบการเรียนรู้และพัฒนา
โอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา อาจทำได้ทั้งภายในหรือภายนอกองค์กร และอาจทำโดยการสอนงานในขณะปฏิบัติงาน การเรียนในห้องเรียน การเรียนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ( E-learning) หรือ การเรียนทางไกล ( distance learning) รวมทั้งการมอบหมายงานที่จะทำให้เกิดการพัฒนา การสอนงาน หรือการเป็นพี่เลี้ยง ความจำเป็นในการเรียนรู้และพัฒนาส่วนบุคคล
เพื่อช่วยให้บุคลากรตระหนักถึงศักยภาพสูงสุดของตนเอง หลายองค์กรจัดทำแผนพัฒนาบุคลากรของแต่ละบุคคลที่จัดทำร่วมกับแต่ละคน โดยพิจารณาร่วมกับวัตถุประสงค์ของแต่ละบุคคลด้านอาชีพการงานและการเรียนรู้ การฝึกอบรมบุคลากรที่ติดต่อกับลูกค้า
แม้ว่าหัวข้อนี้ไม่ได้ถามเป็นพิเศษเกี่ยวกับการฝึกอบรมบุคลากรที่ติดต่อกับลูกค้า แต่การฝึกอบรมดังกล่าวมีความสำคัญและปฏิบัติกันโดยทั่วไป
ซึ่งส่วนใหญ่ครอบคลุมถึงทักษะและความรู้่ที่สำคัญในเรื่องผลิตภัณฑ์และลูกค้า วิธีการรับฟังลูกค้า วิธีการแก้ไขปัญหาและข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า และวิธีการจัดการหรือการตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าอย่างมีประสิทธิผล
ประสิทธิผลของการเรียนรู้และพัฒนา
ตัววัดที่ใช้ในการประเมินประสิทธิผลและประสิทธิภาพของระบบการเรียนรู้และการพัฒนาบุคลากรและผู้นำ อาจดูได้จากผลกระทบต่อผลการดำเนินการของแต่ละบุคคล หน่วยงาน และองค์กร รวมทั้งผลกระทบต่อผลการดำเนินการที่เกี่ยวกับลูกค้า และการวิเคราะห์ต้นทุนเทียบกับผลประโยชน์ การปฏิบัติที่เป็นเลิศ ของผู้ได้รับรางวัล Baldrige
ต่อไปนี้ เป็นแนวทางปฏิบัติด้านบุคลากรของผู้รับรางวัล Baldrige ได้แก่ Adventist Health White Memorial, Howard Community College และ Illinois Municipal Retirement Fund ในขอบเขตของขีดความสามารถและอัตรากำลัง การสนับสนุน ความผูกพัน การพัฒนาผลประกอบการ และการเรียนรู้ ของบุคลากร Adventist Health White Memorial (AHWM)
Adventist Health White Memorial (AHWM) เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เน้นความศรัทธาและไม่แสวงหาผลกำไร ให้บริการเต็มรูปแบบของผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยฉุกเฉิน และให้บริการการแพทย์ทั่วไป หัวใจและหลอดเลือด การผ่าตัด ศัลยกรรมกระดูก สูตินรีเวช และบริการฉุกเฉิน
AHWM มีความมุ่งมั่นต่อชุมชนEast Los Angeles และเป็นโรงพยาบาล"เครือข่ายความปลอดภัย (safety-net)" แห่งเดียว ที่ให้บริการประชาชนมากกว่า 2 ล้านคนในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น ซึ่งผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ อยู่ในระดับต่ำกว่าความยากจนของรัฐบาลกลาง
พื้นที่ให้บริการของ AHWM เป็นเขตการแพทย์ที่ได้รับการคัดสรรจากรัฐบาลกลาง ที่มีผู้จ่ายเงิน 97% เป็น Medicaid และ Medicare
Adventist Health White Memorial: 2019 Baldrige Award Recipient, Health Care
เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ด้านชุมชน Adventist Health White Memorial (AHWM) ได้สร้างความมั่นใจในด้านสุขภาพ ความเป็นทั้งหมด และความหวัง โดยมุ่งเน้นที่ผู้คน
ตัวอย่างเช่น นอกเหนือจากโปรแกรมเพื่อสนับสนุนสมาชิกในชุมชน (เช่น จ้างอดีตสมาชิกแก๊งเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง สวัสดิการเพิ่มมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ให้กับบุคลากรประจำปี และเสนอโครงการ showers of hope สำหรับสมาชิกผู้ไร้บ้าน)AHWM รับรองว่า เจ้าหน้าที่ทางคลินิกจะได้รับการสนับสนุนและจะยังคงอยู่กับองค์กร
ฝ่ายการพยาบาล
เกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา AHWM ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรในชุมชนส่วนใหญ่ที่พูดภาษาสเปน เพื่อฝึกอบรมคนในพื้นที่ด้านการพยาบาลผู้ป่วย ให้ความร่วมมือเส้นทางอาชีพด้านสุขภาพกับโรงเรียนมัธยมและวิทยาลัยในท้องถิ่น กิจกรรมเชิงปฏิบัติ โครงการพัฒนาความเป็นผู้นำ และโครงการบริการชุมชน
เกือบครึ่งหนึ่งของผู้รับทุนการศึกษาการพยาบาล ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018 เป็นผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ยากจน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่พยาบาลสะท้อนถึงกลุ่มประชากร (รวมถึงวัฒนธรรมและภาษา) ของชุมชน
จากผู้ฝึกอบรมท้องถิ่นมากกว่า 224 คน มีบุคลากร 100% ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพพยาบาล 70% ได้เรียนต่อระดับขั้นสูง และ 90% อยู่ที่ AHWM นานกว่าสามปี
ด้านแพทย์
การคงอยู่ของแพทย์ผู้ร่วมงาน เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลักห้าปี ที่เรียกว่าการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ ( Business Transformation)
เพื่อสนับสนุนการคงอยู่ของบุคลากร มีการเก็บข้อมูลต่อเนื่องโดย Engagement Council ในเรื่อง การวัดขีดความสามารถและอัตรากำลัง และแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระหว่างแผนกต่าง ๆ
นอกจากนี้ ยังรวมถึงวัฒนธรรมการเสริมอำนาจ ที่ส่งเสริมการกำกับดูแลร่วมกัน การปฏิบัติตามหลักฐาน ที่ส่งเสริมความรับผิดชอบร่วมกัน และความรับผิดชอบในการตัดสินใจ ที่ส่งผลต่อการทำงานรวมถึงผลลัพธ์ของการดูแลรักษาผู้ป่วย
ผลลัพธ์
จากผลของการมุ่งเน้นไปที่การคงอยู่และวัฒนธรรม ผลลัพธ์แสดงอยู่ที่หรือใกล้กับ top quartile ของประเทศสำหรับปัจจัยความผูกพันของแพทย์ รวมถึงผู้ป่วยที่มีความพึงพอใจสูง จากผลการสำรวจภายนอก
นอกจากนี้ อัตราการคงอยู่ของแพทย์ของ AHWM นั้น เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระดับที่ดีกว่าโรงพยาบาลระดับภูมิภาค ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 จาก 6% เป็นมากกว่า 40% ในปี ค.ศ. 2019
Howard Community College (HCC)
Howard Community College (HCC) เป็นวิทยาลัยชุมชนสาธารณะแบบเปิด ที่เปิดสอนหลักสูตรอนุปริญญาและประกาศนียบัตร รวมถึงการฝึกอบรมการพัฒนาบุคลากร และชั้นเรียนการศึกษาต่อเนื่อง ที่ช่วยให้นักเรียนบรรลุทักษะใหม่ และเตรียมความพร้อมสำหรับการประกอบอาชีพ หรือย้ายไปเรียนต่อยังสถาบันอื่นอีกสี่ปี
ด้วยบุคลากร 2,724 คน วิทยาลัยให้การศึกษาแก่นักศึกษาประมาณ 30,000 คนต่อปี ผ่านทางวิทยาเขตหลักในเมือง Columbia และ Laurel College Center ในเมืองLaurel รวมถึง Ecker Business Training Center ในเมือง Columbia มลรัฐแมรี่แลนด์
Howard Community College: 2019 Baldrige Award Recipient, Education
เป็นเวลา 11 ปีติดต่อกันที่ Howard Community College (HCC) ได้รับการขนานนามว่า" Great College To Work For" (GCTWF) โดย Chronicle of Higher Education จากการจัดอันดับของบุคลากร เรื่องการกำกับดูแล การชดเชยและผลประโยชน์ ความมั่นใจในผู้นำระดับสูง ความหลากหลาย สิ่งอำนวยความสะดวก การรักษาความปลอดภัย การพัฒนาวิชาชีพ การเคารพ/ชื่นชม และความสมดุลระหว่างการทำงาน/ชีวิต
นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจาก HCC เป็นหนึ่งในสองวิทยาลัยชุมชนในประเทศ ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น GCTWF ในทุกปีที่เป็นไปได้
ปัจจัยความสำเร็จ
HCC กล่าวว่า การได้รับเกียรตินี้ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยการกำหนดและดูแลบุคลากรผ่านทาง
§ การวางแผนขีดความสามารถและอัตรากำลัง (เช่น ผ่านแผนบุคลากรหลายปี ทีมข้ามสายงาน และแบบสำรวจที่มีประสิทธิภาพ)
§ การสรรหา (เช่น ผ่านการค้นหาในท้องถิ่น ภูมิภาค และระดับประเทศ)
§ การว่าจ้าง (เช่น ผ่านการให้ข้อมูลกับบุคลากรใหม่ ระบบคู่หู และโปรแกรมการพัฒนาสามปีสำหรับบุคคลใหม่)
§ มุ่งเน้นไปที่ปัจจัยความผูกพัน (เช่น ผ่านระบบข้อเสนอแนะ แบบประเมิน 360 องศา และ MAP ของแผนก)
§ การปรับแต่งและปรับปรุงปัจจัยความผูกพัน (เช่น ผ่านการพัฒนาวิชาชีพ การให้คำปรึกษาของแผนก และชุมชนการเรียนรู้ระดับมืออาชีพ)
การดูแลบุคลากร
เพื่อให้สอดคล้องกับการดูแลบุคลากร กระบวนการต่าง ๆ จะได้รับการทบทวนเพื่อการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้วิทยาลัยได้เพิ่มการฝึกอบรมการสัมภาษณ์เชิงพฤติกรรมสำหรับหัวหน้างาน ความคิดริเริ่มใหม่ในการวัดผลเรื่องการมีส่วนร่วมของบุคลากรชนกลุ่มน้อย และหน้าเว็บบุคลากรใหม่
เป็นผลให้อัตราการหมุนเวียนโดยรวมของ HCC ที่กำหนดเป็นจำนวนบุคลากรเต็มเวลาที่ออกจากวิทยาลัยเนื่องจากการลาออก การเกษียณอายุ การปลดออก หรือการปรับโครงสร้างองค์กรดีขึ้น 6% ในปีที่ได้รับรางวัลBaldrige ดีกว่าอัตราของBureau of National Affairs annualized national rate
ความหลากหลายของบุคลากร
นอกจากนี้ ความพยายามของวิทยาลัยในการเพิ่มความหลากหลายในกลุ่มบุคลากรโดยการกำหนดเป้าหมายโฆษณา และประกาศไปยังกลุ่มเฉพาะชนกลุ่มน้อยนั้น ส่งผลให้มีอัตราของชนกลุ่มน้อยเพิ่ม 3% สูงกว่าประชากรกลุ่มน้อยในพื้นที่ที่ให้บริการ
ในฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 2018 เปอร์เซ็นต์ของอาจารย์เต็มเวลาที่เป็นชนกลุ่มน้อยคือ 28.4% และในบุคลากรธุรการ/บริหารคือ 31.9% เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกไว้
Illinois Municipal Retirement Fund (IMRF)
Illinois Municipal Retirement Fund (IMRF) เป็นโครงการบำเหน็จบำนาญสาธารณะ ที่ให้บริการแก่บุคลากรของหน่วยราชการ ส่วนท้องถิ่น และเขตการศึกษาทั่วมลรัฐอิลลินอยส์ (ยกเว้นเมือง Chicago และ Cook County ) มีบุคลากรปัจจุบัน 210 คน มีสำนักงานใหญ่ในเมือง Oak Brook และสาขาในเมืองSpringfield กับอีกแปดตัวแทนเขตที่มีสำนักงานอยู่ในบ้าน
ผลิตภัณฑ์หลักของ IMRF คือ การจ่ายเงินให้กับสมาชิกเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ เช่นการตกงาน ความพิการ การเสียชีวิต หรือการเกษียณอายุ
IMRF ให้บริการกับนายจ้าง 3,010 ราย และมีสินทรัพย์อยู่ที่ 42.7 พันล้านดอลลาร์IMRF มี active members อยู่ 176,517 คน (ทำงานในตำแหน่งที่มีคุณสมบัติครบของ IMRF และยังมีส่วนร่วม)inactive members 119,939 คน (ไม่ได้มีส่วนร่วมอีกต่อไป แต่มีส่วนร่วมในการฝากเงินเพื่อผลประโยชน์ในอนาคต) และผู้รับผลประโยชน์ 133,261 คน
Illinois Municipal Retirement Fund: 2019 Baldrige Award Recipient, Nonprofit
การจัดการผลประกอบการ เป็นเพียงหนึ่งใน 10 ปัจจัยขับเคลื่อนของความผูกพันของบุคลากร ซึ่งกองทุนเพื่อการเกษียณอายุแห่งรัฐอิลลินอยส์ ( IMRF) ทำได้เท่ากับหรือสูงกว่าtop 25% จากการสำรวจระดับชาติ ปัจจัยอื่น ๆ ที่ความเป็นเลิศของ IMRF คือ การเสริมพลัง วัฒนธรรม การมุ่งเน้นลูกค้า รางวัลและการยอมรับ ความสัมพันธ์เพื่อนร่วมงาน ความสัมพันธ์ระหว่างแผนก ศักยภาพของบริษัท ความสัมพันธ์ของผู้จัดการ และความสัมพันธ์ของผู้จัดการอาวุโส ระบบการจัดการผลงานหกขั้นตอน ซึ่งใช้ประโยชน์จากการจ่ายผลตอบแทน รางวัล การยอมรับ และการสร้างแรงจูงใจได้แก่
1. ชี้แจงความคาดหวัง ( Clarify expectations): การคาดหวังผลการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพสูง จะสื่อสารผ่านมาตรฐานการปฏิบัติงาน มาตรฐานนี้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและธุรกิจ เช่นความถูกต้องและทันเวลา
2. ประเมินผลการปฏิบัติงาน ( Evaluate performance): ส่วนหนึ่งของการทบทวนกลางปีและประจำปีคือ การบรรลุเป้าหมายซึ่งสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการ และกำหนดให้บรรลุผลการปฏิบัติงานที่ดีที่top-decile performance
3. ให้ข้อเสนอแนะ ( Provide feedback): คำติชมสอดคล้องกับภาวะผู้นำและดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพแผนปฏิบัติการ แบบสำรวจความเห็นจากลูกค้าเป็นแหล่งความคิดเห็นอื่นให้แก่โค้ช บุคลากรเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอแนะและเพื่อเสริมสร้างการรับความเสี่ยงอย่างชาญฉลาด ข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุง และมีส่วนร่วมในการวิเคราะห์จุดแข็ง - จุดอ่อน - โอกาส – ภัยคุกคาม
4. การชื่นชมผลงาน ( Recognize performance): รับรู้ผ่านรางวัล “ Kudos” เช่นเดียวกับในการประชุมใหญ่ การเฉลิมฉลองครบรอบปี การส่งอีเมล์ให้บุคลากร และในจดหมายข่าว
5. การประเมินผลการปฏิบัติงาน ( Appraise performance): บุคลากรทุกคนได้รับการประเมินผลงานเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งรวมถึงการประเมินผลการปฏิบัติงานสำหรับปีที่ผ่านมาและเป้าหมายสำหรับปีถัดไป บุคลากรใหม่จะได้รับการประเมินราคาเป็นลายลักษณ์อักษรที่สามเดือน กลางปี และรายปี แบบฟอร์มการประเมินจะสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์และดัชนีชี้วัดภาวะผู้นำ
6. การชดเชย ( Compensation): ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 IMRF ใช้วิธีการประเมินระดับค่าตอบแทนของบุคลากรรายปีในบทบาทที่สัมพันธ์ที่จุดกึ่งกลาง การประเมินผลนี้จัดทำเป็นประจำทุกปี เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับช่วงเงินเดือนและช่วยในการรักษาส่วนทุน
สรุป
วัตถุประสงค์ของบทความนี้คือ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์และผลงานที่ประสบความสำเร็จขององค์กรที่ได้รับรางวัล Baldrige ซึ่ง “มีการจัดการคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้มีการปรับปรุงคุณภาพสินค้าและบริการอย่างมีนัยสำคัญ”
********************************