มองมากกว่าที่ตาเห็น


คนส่วนใหญ่มองโลกเท่าที่ตาเห็น เชื่อในสายตาของตัวเองมากกว่าอย่างอื่น แต่ใครจะเข้าใจความจริงที่เกิดขึ้นเบื้องหลังนั้น?

หลักการที่เราได้เรียนในวันนี้ คือ Ecology Of Human Performace หรือ EHPที่คือหลักการที่เราต้องเรียนรู้เพื่อที่จะให้เราสามารถสิ่งเกตสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้ดีขึ้น โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับวิชาชีพ ก็คือการที่เราสังเกตสภาพแวดล้อม ตัวของคนไข้ ที่นอกจากเราจะดูและรู้บริบทตรงหน้าแล้ว ยังต้องเข้าใจอีกด้วยอาจารย์ป๊อป หรือ อาจารย์ศุภลักษณ์ เข็มทอง ได้สั่งให้พวกเราเปิดม่านของห้องให้กว้าง และมองออกไปข้างนอก จดบันทึกจำนวนของสิ่งที่ตนเองมองเห็น ซึ่งมันยากมากที่เราจะมองเห็นอะไรในวิวที่เป็นตึกสูงแบบนั้น แต่เมื่ออาจารย์บอกให้เราใช้จินตนาการ เราจึงสามารถหาจำนวนของได้มากพอยังไม่ทันจะโล่งใจ อาจารย์ก็ให้เรามองหาสิ่งมีชีวิต! เยี่ยมเลย นี่แหละคือความท้าทาย

หลังจากที่เราจดบันทีึกสิ่งของครบแล้ว อาจารย์ป๊อปก็ได้สั่งงานที่อย่่างที่เป็นความท้าทายอย่างแท้จริงนั่นคือการแต่งกลอน เขียนบทสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษและแต่งเพลง จากรายการสิ่งที่เรามองเห็น ภายในเวลา 44 นาที! แถมยังต้องทำกับเพื่อนที่เกิดเดือนเดียวกันเท่านั้นด้วยมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำทั้งสามอย่างด้วยสมาชิกเพียง 2 คน แต่โชคดีที่เพื่อนร่วมทีมคนนี้เก่งมาก (เขาเกิดวันเดียวกัน เดือนเดียวกัน ปีเดียวกันด้วยนะ)เราแบ่งกันทำงาน โดยที่เพื่อนแต่งกลอนและเขียนสุนทรพจน์ ส่วนดิฉันเป็นคนแต่งเพลง ซึ่งกลอนของเขาช่างไพเราะจับใจจริงๆ แถมบทสุนทรพจน์ก็ยังน่ารักมากด้วย

มาถึงตรงนี้ก็ขออนุญาตอ้างอิงกับบทเรียนในตอนเริ่มคาบสักเล็กน้อย

LIFE Performance แบ่งออกเป็น

1.Experiences =

-Sensorimotor ซึ่งในที่นี้คือ การรับรู้ การมองเห็น การเคลื่อนไหว ในการสังเกต เขียน และถ่ายทำวิดีโอ

-Cognitive คือการใช้ความคิด ความเข้าใจ ในการสร้างสรรค์ผลงาน

-Psychological คือการที่เราต้องควบคุมไม่ให้ตัวเองรนเมื่อต้องพบกับความกดดันจากการจำกัดเวลาของอาจารย์ ความท้าทายของโจทย์ และความคาดหวังในตัวผลงาน ซึ่งตัวดิฉันเองต้องพยายามอย่างมากที่จะไม่เครียดจนทำให้ทำงานไม่สำเร็จ

2.Contexts =

-Temporal

-Physical

-Social

-Culture

3.Capacities

Task

4.Health Promotion + Prevention

= ‘‘Performace’’ Ranges

เนื่องจากดิฉันเป็นคนแต่งเพลงจึงอยากจะนำเสนอบทเพลงที่ดิฉันพยายามเปลี่ยนเนื้อร้อง จากเพลง ‘รักเธอคนนี้ 24 ชม.’ ในบทความนี้

“ ฉันลืมตาขึ้นมาในเวลาเช้า

มองกำแพงสีขาวแล้วก็เศร้าใจ

ภาพเงาสะท้อนอยู่ไม่ไกล

จ้องเหม่อมองท้องฟ้าตั้งคำถามกับสิ่งที่ผ่านมา

ลุกขึ้นมาจากเตียงยากจนต้องร้อง

ต้องมองก้อนเมฆผ่านทางหน้าต่างเห็นคนที่อยู่ตึกข้างๆ

แค่มองเห็นรอยยิ้มนั้นก็อิจฉาจนสุดหัวใจ

ขอลองลุกออกไปข้างนอก อีกครั้งสักทีเผื่อจะรู้สึกดีขึ้นกว่านี้

ภาพนกบินสูงลอยขึ้นไปข้างบนฟ้าเสียงลมแผ่วเบาทำให้ Feel so good

ลองปลูกต้นไม้ มองคนผ่านไปแล้วปล่อยวางทุกอย่าง

เหมือนให้ฉันกลายเป็นดั่งมดตัวน้อย

แล้วค่อยๆ เรียนรู้โลกภายนอกที่กว้างใหญ่

ไม่ว่ายังไง จะเจออะไรก็ผ่านพ้นไปได้เสมอ “

เราส่งคลิปช้ากว่าเวลาที่กำหนดนิดหน่อย เพราะแบตโทรศัพท์ของเพื่อนดันหมดเสียก่อน แต่ดิฉันอยากให้ทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านบทความนี้ได้ประโยชน์บ้าง

การที่เรามองเห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่ภายในนอก ได้รับรู้ สิ่งเหล่านั้น เรามักจะไม่พยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เราพบเจอ ตัวอย่างเช่น เราหงุดหงิดที่ต้องพบเจอเรื่องราวที่ไม่ดีในชีวิต เราโทษผู้คน โทษตัวเอง แต่เราไม่ทำความเข้าใจว่าทำไมมันถึงเกิดเช่นนั้นขึ้น มันมีปัจจัยอะไรยังไงบ้างการมองรอบด้านและมองให้กว้างขึ้น จะทำให้เราสามารถหยิบเรื่องราวที่ทั้งดีและไม่ดีในชีวิต มาเป็นบทเรียนให้กับตัวเองได้มากขึ้น

หมายเลขบันทึก: 672993เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2019 12:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2019 20:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท