ทุกคนมีชื่อเล่น หลายคนมีมากกว่าชื่อเล่น คือมีชื่อพิเศษสอดแทรกเข้ามา เอาไว้เรียกเล่นๆเพื่อการหยอกล้อ พอพูดถึงบ่อยๆก็เลยกลับกลายเป็นความเคยชิน สมัยก่อนผู้ใหญ่ชอบตั้งชื่อเด็กตามบุคลิกที่โดดเด่น เช่นสูงต่ำดำขาว หรือลักษณะพิเศษที่ชัดเจน
ผมเกือบลืมไปแล้วว่าผมมีนิคเนมกับเขาหรือไม่อย่างไร เพราะในกลุ่มเพื่อนๆผมจะเด่นกว่าทุกคน คือตัวเล็กที่สุด มานึกขึ้นได้ก็เมื่อวันวานนี้เอง...
รุ่นพี่ที่เคยเป็นเพื่อนบ้านกันมา สมัยเมื่อ ๔๐ กว่าปี เข้ามาทักทายในเฟส ถามผมว่า “รินโซ่...จำพี่ได้หรือป่าว?” “พ่อกับแม่ และพี่ๆน้องๆเป็นอย่างไรกันบ้าง”
ผมก็ตอบไปว่า..”แม่กับน้องสบายดี พ่อกับพี่เสียไปนานหลายปีแล้ว”
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาผมก็ยิง คำถามต่อเลย..”พี่เป็นใครรึ..ผมจำไม่ได้”
เท่านั้นเองก็รู้เรื่อง..พี่คนนั้น..คุณพ่อทำงานชลประทานปากเกร็ดเหมือนกับครอบครัวของผม แต่ฐานะทางเศรษฐกิจครัวเรือนของเราต่างกัน พี่เขามีที่พักอยู่บนบก ผมมีบ้านอยู่ในน้ำ(แพ) ไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง..
ช่วงเวลานั้นจำได้ติดตาว่าเจียมเนื้อเจียมตัวมาก อันเป็นจุดเริ่มต้นของที่มาว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีเพื่อน..แต่ก็เพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้ว การที่มีเพื่อนน้อยมิได้เกิดจากความจน มันเกิดจากการคิดเยอะต่างหาก..
รู้สึกขอบคุณพี่ที่เข้ามาทักทาย ทำให้ผมนึกได้ว่าผมมีชื่อเล่นที่สอง ที่เพื่อนชาวประถม ป.๒ – ป.๗ เรียกว่า “รินโซ่”ผู้ที่ประกาศชื่อนี้อย่างเป็นทางการชื่อคุณครูปลิว ก่องแก้ว (หรือแก้วกอง..ผมไม่แน่ใจ)
คุณครูปลิว...คุณครูวัดท่าเกวียน เป็นครูประจำชั้น ป.๒ เรียกผมว่ารินโซ่..ตลอดทั้งปี ผมคิดว่าตอนนั้นผมคงเด็กเกินไป ที่จะมีความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งกับชื่อใหม่ที่ครูเรียกบ่อยๆ จนทำให้เพื่อนๆเรียกตาม...
รินโซ่..จริงๆเป็นชื่อของอะไร เด็กรุ่นใหม่คงไม่รู้จัก เด็กรุ่นกลางๆยิ่งจำไม่ได้ ส่วนผู้สูงวัยก็อาจลืมไปแล้ว เพราะมันนานมาก...
รินโซ่ เป็นชื่อผงซักฟอก..กาลต่อมาชื่อนี้หายเงียบไป พร้อมๆกับช่วงวัยที่ผมเป็นหนุ่มขึ้น ผมคิดว่ารินโซ่ ไม่น่าจะหายไปไหน เขาอาจเปลี่ยนชื่อเป็น บรีสหรือแฟ๊บก็เป็นได้..
ทำไมคุณครูต้องเรียกผมว่า..รินโซ่..ผมอธิบายได้ เพราะเสื้อนักเรียนผมขาวมาก ขาวกว่าเพื่อนอีกหลายคน..แม้ว่าจะซักด้วยน้ำคลองเหมือนกันก็ตาม
ตอนนั้น..แม่ใช้ผงซักฟอกอะไรผมก็จำไม่ได้ แต่รินโซ่ก็โฆษณาอยู่ ณ เวลานั้น ผมว่าเสื้อผ้าขาวสดใสมิได้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อรินโซ่หรอก..
เพราะผมจำได้ดี แม่ผมมีวิธีซักผ้าแบบโบราณ แม่จะเอาเสื้อผ้าสีขาวไปใส่ในหม้อต้ม ที่ใช้เตาถ่าน ไฟไม่ต้องแรงมากนัก ใส่ผงซักฟอกลงไปแล้วคนให้เข้ากัน พอน้ำเดือดปุดๆ แม่ก็จะยกลงมา รอให้น้ำอุ่นๆเสียก่อน
จากนั้นแม่ก็เอาผ้าลงกาละมังแล้วใช้ไม้แบนๆวางพาดลงไป ใช้แปรงถูผ้ากดอย่างแรงแล้วลากยาวๆ เพื่อลบรอยกระดำกระดำกระด่าง จึงช่วยให้เสื้อนักเรียนขาวมากขึ้น
แม่ผมเป็นแม่บ้าน จึงมีเวลาพิถีพิถันกับเรื่องเสื้อผ้า ผมรู้สึกสงสารแม่ที่แม่ต้องลงทุนลงแรงเพื่อเสื้อนักเรียนของผม ทั้งที่ผมก็ไม่ใช่เด็กซุกซน เสื้อผ้าจึงไม่เลอะมาก..
ผมเพิ่งมาเข้าใจทีหลัง มันเป็นอุบายของแม่ ให้มองว่าเรามีเสื้อนักเรียนหลายตัว ดูใหม่เสมอ ทั้งที่ความจริง..ผมมีเสื้อนักเรียนที่ค่อนข้างจำกัดมาก..
เพราะชื่อรินโซ่..นักเรียนตัวเล็กแต่เสื้อขาวก็เป็นได้ ที่ทำให้รู้สึกมั่นใจตนเองบ้าง ทำให้ตั้งใจเรียนมาโดยตลอด และรอดมาจนถึงฝั่งฝัน ได้เป็นข้าราชการครูอย่างภาคภูมิใจ
ทุกวันนี้..จะคอยเตือนนักเรียน อย่าทำให้เสื้อผ้าสกปรกมากนัก พ่อแม่ผู้ปกครองจะลำบาก ผมลืมไปว่าแทบทุกบ้านมีความก้าวหน้ามีเครื่องซักผ้ากันหมดแล้ว
รินโซ่..ก็เติบโตเหมือนกัน เป็นคนโตแต่ก็ตัวเล็กเหมือนเดิม คนโตที่นั่งหัวโต๊ะเวลาประชุม..ถ้าไม่มีรินโซ่..ก็อาจไม่มีวันนี้..วันที่มาไกลเกินฝันแล้ว
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒
ไม่มีความเห็น