โมโหงั้นเหรอ? การตั้งชื่อและความเข้าใจของความโกรธต่างชนิดกันอาจช่วยคุณได้


ตั้งแต่ 3 ปีกว่าเป็นต้นมา ฉันพยายามทำจุดมุ่งหมายหนึ่งในชีวิตฉันให้สำเร็จ นั่นคือ หยุดความโกรธ

ความโกรธมีแนวโน้มว่าจะเกิดในชีวิตฉัน ฉันเคยโมโหที่บ้าน การปิดประตูดังปัง และการเขวี่ยงโทรศัพท์เป็นสิ่งพื้นฐานในการสื่อสารของฉัน

ฉันนำการสื่อสารอันนั้นมาที่แฟนของฉันที่แต่งงานกันมา 20 ปี “ทำไมเธอถึงแผดเสียงด้วย?” สามีของฉันถาม

“ฉันไม่ได้แผดเสียง ฉันเพียงแต่ยอกย้อน”  เดี๋ยวรอก่อน ในความคิดที่สอง “ใช่ เธอถูกต้อง ฉันตะโกน”

3 ปีผ่านไป แผ่นดินไหวได้บังเกิดที่บ้านของฉัน ฉันมีลูกสาวตัวน้อย ทั้งหมดที่ฉันทำคือสิ่งตรงกันข้าม ฉันต้องการให้หล่อนเกิดมาในบรรยากาศที่สันติสงบ นั่นคือฉันเรียนรู้วิธีการอื่นๆในการจัดการกับปัญหาที่ไม่พึงประสงค์เหล่านั้น

ดังนั้นฉันเลยไปบำบัด ฉันได้รับใบงานเรื่องการบำบัดเชิงพฤติกรรมแบบรู้คิด (cognitive behavioral therapy worksheet) ฉันถอนหายใจยาวขึ้น นับหนึ่งถึงสิบ และเดินออกจากห้อง ฉันทำสมาธิด้วย

ยุทธวิธีเหล่านี้คาดว่าจะช่วยฉันในการระงับความโกรธ แต่พวกมันไม่ได้ลดความโกรธลงเลย มันคล้ายๆกับเอาม้าที่ดุร้ายไว้ในโรงนา ฉันพยายามต่อไป แต่ไม่เคยประสบผลสำเร็จเลย

อีก 6 เดือนต่อมา ฉันคุยกับ Lisa Feldman Barrett  ที่เป็นนักจิตวิทยาในมหาวิทยาลัย Northeastern หลังจากจบการสัมภาษณ์อันยาวนาน หล่อนได้เสนอคำแนะนำเอาไว้ “เธอสามารถเพิ่มความสามารถในการแยกแยะอารมณ์ต่างๆได้ (emotional granularity)”

สภาวะทางอารมณ์คืออะไร?

หล่อนเสริมว่า “จงไปเรียนรู้คำที่แสดงอารมณ์ และสังกัปของอารมณ์นั้นในวัฒนธรรมของเธอและต่างวัฒนธรรม”

เป็นเวลาเกือบ 30 ปี ที่ Feldman Barrett พบหลักฐานว่าความโกรธไม่ใช่อารมณ์ แต่เกิดจากอารมณ์ของทั้งที่เป็นหนึ่งของครอบครัว และการเรียนรู้ที่จะบ่งชี้สมาชิกที่แตกต่างกันในแต่ละครอบครัวคอเครื่องมืออันทรงอานุภาพอันหนึ่งในการควบคุมความโกรธ มีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้แล้ว

ฉันควรจะไปและสร้างกลุ่มของความโกรธ และเริ่มใช้พวกมัน

ความโกรธคืออะไร?

มีทฤษฎีพื้นๆเกี่ยวกับความโกรธ เธอสามารถพบมันในตำราเรียน, บทความเชิงวิทยาศาสตร์, รายงานข่าว และ Feldman Barrett กล่าวว่ามีนักวิทยาศาสตร์สนับสนุนมันด้วย

Feldman Barrett กล่าวว่า “ความคิดเรื่องความโกรธเป็นหนึ่งในอารมณ์ขั้นพื้นฐานของมนุษย์ มันคล้ายๆจะเป็นแรงสะท้อน (reflex) เมื่อมีบางสิ่งที่ไม่ยุติธรรม หรือดูแล้วไม่เข้าท่าสำหรับคุณ ความดันเลือดจะขึ้นสูง อัตราการเต้นของหัวใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะ บางครั้งคุณอาจหายใจอย่างเร็วและแรง หรือคุณอาจกำลังทำให้ผิวหนังกลายเป็นสีแดง ต่อมาคุณจะมีความโกรธ ในการต่อหรือแผดเสียงกับใครบางคน นี่เป็นลักษณะโดยทั่วไปของความโกรธ”

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องทั้งหมด

ความโกรธรอบๆโลก

เมื่อใดก็ตามที่คุณจะโกรธย่อมขึ้นกับสถานการณ์ อดีตของคุณคืออะไร และกลไกทางวัฒนธรรมของตนเองในการโต้ตอบ

ดังนั้น มันจึงมีความโกรธมากมายในสหรัฐอเมริกา เช่น ความโกรธในเชิงร่าเริงเบิกบาน เมื่อเธอกำลังเร่งเพื่อเอาชนะในการแข่งกีฬา หรือความโกรธเชิงเศร้าโศก เมื่อคู่รักหรือเจ้านายไม่ปลามปลื้มในตัวคุณ

เมื่อเธอดูที่วัฒนธรรมอื่นๆ ตัวอย่างจะมากมายกว่านี้อีก

พวกเยอรมันมีคำที่แปลอย่างหยาบๆว่า “หน้ากวนตีน” หรือ backpfeifengesicht มันคล้ายๆกับว่าเธอกำลังโมโหใครบางคน เมื่อคุณดูที่หน้า แต่หน้านั้นดูกวนตีนจนอยากจะชกหน้ามัน Feldman Barrett กล่าวว่า “มันเป็นอารมณ์ที่สุดโมโห”

พวกกรีกโบราณแยกแยะระหว่างความโกรธชั่วคราว กับความโกรธถาวร

จีนแมนดารินมีคำที่เรียกความโกรธแบบเฉพาะ กล่าวคือโกรธตนเอง Yao Yao ที่เป็นนักภาษาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยสารพัดช่างฮ่องกงกล่าวว่ามันเป็นทั้งความเสียใจและความเกลียด เธอเสียใจกับบางสิ่งจนหันมาโกรธตนเอง

Yupaphann Hoochamlong ที่เป็นนักภาษาศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาวาย กล่าวว่าคนไทยจะมีความโกรธอยู่ 7 ระดับ “เราไม่เที่ยวเดินไปและพูดว่ากำลังโมโห นั่นมันไม่ใช่วิถี เราอาจเริ่มด้วยความไม่พอใจ และผิดหวัง ต่อมาก็เพิ่มระดับขึ้น”

Abhijeet Paul ที่สอนวิชาวรรณกรรมตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “มีความโกรธที่คล้ายๆกับมะเขือยาวมาพบกับน้ำมันร้อน เธออาจพบกับความโกรธเมื่อได้ยินบางสิ่งที่น่าตระหนก หรือเรียนรู้บางสิ่งที่ไม่ชอบ”

พวกอินเดียยังมีการแยกแยะระหว่างความโกรธเชิงการเมือง ที่ไว้สำหรับชนชั้นปกครองหรือพวกเจ้านายกับความโกรธส่วนบุคคล ที่ไว้สำหรับเพื่อน, ครอบครัว, หรือเพื่อนบ้าน เธอไม่สามารถผสมความโกรธเชิงการเมืองกับความโกรธส่วนบุคคลได้

Paul ยังกล่าวว่า “มีความโกรธที่น่าสนใจ ที่เราเรียกว่าความโกรธเชิงน่ารัก เธอแสดงอารมณ์นี้กับคู่รัก ที่คู่รักทำให้คุณโมโห แต่คุณยังรักพวกเขาต่อไป มันเป็นผสมกันระหว่างความรัก, ความเศร้าโศก, ความเสียใจ, และความโมโห

ความโกรธส่วนบุคคลเพื่อควบคุมมัน

ในวิถีทางที่เหมือนกัน ความโกรธก็เป็นดั่งไวน์ (wine) จะมี 3 ขั้นตอนหลัก เช่น พันธุ์องุ่นทำไวน์ขาว (chardonnay) และ พันธุ์องุ่นทำไวน์แดง (pinot noir) แต่ละขั้นตอนจะมีการผสมผสานกันของทั้งกลิ่น, รสชาติ, และความแข็งแรง ยิ่งเธอสังเกตลักษณะแบบนี้มากเท่าไร (คือการตั้งชื่อ) เธอก็ยิ่งรู้จักไวน์ดีเท่านั้น

และหากเธอเรียนรู้การสังเกตรสชาติและความแตกต่างของความโกรธ และตั้งชื่อมันได้มากเท่าไร  เธอก็ยิ่งจัดการมันได้มากขึ้นเท่านั้น Maria Gendron นักจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยเยลกล่าว

Gendron ยังกล่าวอีกว่า “มีหลักฐานอันน่าเชื่อถือว่าการระบุชื่อความรู้สึกเป็นอาวุธที่ทรงอำนาจในการควบคุมมัน” มันสามารถควบคุมไม่ให้ความโกรธครอบคลุมคุณ มันสามารถให้ตัวแนะในการโต้ตอบกับความโกรธ และในบางครั้งมันอาจทำให้ความโกรธหมดไป

ความคิดคือการที่เรายกประโยคที่กว้างและเป็นเรื่องทั่วไป เช่น “ฉันโมโหสุดขีด” และทำให้มมันเฉพาะเจาะจงมากขึ้น หรือจะเอาอย่างคนไทย เช่น “ฉันไม่พอใจ” หรือแบบเยอรมัน “backpfeifengesicht”

นักจิตวิทยาเรียกเทคนิคนี้ว่า ความสามารถในการแยกแยะอารมณ์ต่างๆได้ (emotional granularity)” มีงานวิจัยเสนอว่า ยิ่งเราแยกแยะอารมณ์ได้มากเท่าใด ก็ยิ่งจะตะโกนหรือทำร้ายคนที่ทำแบบนั้นกลับเราได้น้อยขึ้นเท่านั้น มันไม่คล้ายกับการกินแบบหัวราน้ำ เมื่อมีความเครียด ในทางตรงกันข้าม คนจะวินิจฉัยความผิดปกติเชิงความเครียดหลักจะมีการแยกแยะอารมณ์ได้น้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี

Gendron กล่าวว่า “มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการที่คนสามารถแยะแยะอารมณ์ได้สามารถทำงานกับคนอื่นๆได้”

การแยกแยะอารมณ์ก็เหมือนกับการดู HDTV เทียบกับการดูโทรทัศน์โดยทั่วไป มันจะทำให้คุณเห็นความโกรธพร้อมกับการแก้ไข “มันทำให้คุณเห็นว่าความโกรธหมายถึงอะไร ไม่ว่าคุณจะให้คุณค่าแก่ประสบการณ์นั้น หรือทางเลือกที่จะทำต่อในอนาคต”

ส่วนสุดท้ายคือข้อสำคัญ: การแยกแยะอารมณ์กับความโกรธช่วยให้เธอคิดหาทางออกถึงทางที่ดีที่สุดในการจัดการกับสถานการณ์ หรือคุณอาจไม่ทำอะไรกับสถานการณ์นั้นเลย

เช่น หากเธอโกรธเร็ว หายเร็ว บางครั้งเธออาจไม่ทำอะไรกับสถานการณ์นั้น

Gendron ยังพูดอีกว่า หากเธอไม่จำกัดตนเองในการตั้งชื่อ สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จงสร้างสรรค์ วิเคราะห์อะไรที่ทำให้เธอโกรธ ตั้งชื่อให้กับพวกมัน และใช้ชื่อนั้นกับครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน

หล่อนพูดอีกว่า หากเธอใช้คำนั้นกับครอบครัว และใช้คำนั้นด้วยกัน ก็น่าจะลดหรือควบคุมสิ่งที่เกิดกับร่างกายได้ นั่นเป็นสิ่งที่แก้ปัญหาความคลุมเครือในสถานการณ์”

ในทางส่วนตัว ฉันพบว่ายุทธวิธีเหล่านี้มีประสิทธิภาพมาก ฉันเริ่มให้ความสนใจกับสิ่งที่จะทำให้ฉันโมโหทั้งที่บ้านและที่ทำงาน และฉันตั้งชื่อความโกรธได้ 3 ประเภท

ความโกรธกับคนที่ไม่มีเหตุผล: ความโกรธนี้เกิดขึ้นเมื่อคนที่ทำงานตัดสินใจบางอย่างอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อฉันตั้งชื่อ และดูผลที่จะเกิดต่อไป ฉันเลยรู้ว่าการทำให้คนไม่มีเหตุผลมามีเหตุผลเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ และเสียเวลา

ความโกรธกับคนทำงานช้า: ความโกรธนี้เกิดขึ้นเมื่อเจอใครบางคนทำสิ่งต่างๆได้ไม่รวดเร็ว เมื่อฉันตั้งชื่อนี้ ฉันเลยตระหนักว่ารถยนต์, คน, และคนเดินเตาะแตะล้วนแต่เคลื่อนที่ทั้งนั้น การโกรธไม่ได้ช่วยอะไรเลย

ความโกรธแบบ disonophous: นี่เป็นความโกรธที่ฉันชอบ และส่งผลกระทบต่อชีวิตของฉัน

ฉันต้องการที่จะลดการแผดเสียงที่บ้าน เมื่อฉันเริ่มให้ความสนใจกับสาเหตุก่อนการแผดเสียง มันชัดเสียยิ่งกว่าชัด นั่นคือ หมากำลังเห่า และเด็กเพิ่งหัดเดินกำลังร้องไห้ แล้วผสมผสานกัน

ดังนั้นสามีและฉันสร้างความโกรธแบบ disonophous ที่มาจากภาษาลาตินว่า เป็นเสียง 2 เสียง

ตอนนี้เมื่อสามีพูดว่า ความโกรธแบบ disonophous เราเลยรู้ว่าจะทำอะไรต่อไปนั่นคือ พาหมาไปที่เฉลียง และอุ้มเด็กขึ้นมา

และฉันรู้ว่าเขาไม่โมโหฉัน เขาอยู่อย่างสงบและเงียบเชียบ

แปลและเรียบเรียงจาก

Michaeleen Doucleff. Angry? How Naming and Understanding the Different Kind of Anger Can Help.

 https://www.kqed.org/mindshift/52946/angry-how-naming-and-understanding-the-different-kinds-of-anger-can-help

หมายเลขบันทึก: 671230เขียนเมื่อ 18 ตุลาคม 2019 13:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 ตุลาคม 2019 13:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท