[review] รีวิว The Discovery (2017)



[review] รีวิว The Discovery (2017) หนังปรัชญาจาก Netflix เป็นหนังที่ตั้งคำถามกับคนรู้ว่า "โลกปัจจุบันหรือโลกแห่งความตายโลกไหนดีกว่ากัน" อีกทั้งยังบอกป็นไงว่า ท้ายที่สุดแล้วความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิตแต่เป็นการเดินทางที่ไม่มีวันจบ

เรื่องราวว่าด้วยนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ได้ค้นพบว่าโลกหลังความตายนั้นมีจริง เขาได้ประกาศการค้นพบนั้น แต่กลับกลายเป็นว่า ผู้คนหลายพันหลายหมื่นคนได้ฆ่าตัวตายเพื่อเดินทางไปหาลูกหลังความตายนั้น วันหนึ่งเขาได้ไปสัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์ หลังจากสัมภาษณ์จบ ทีมงานโทรทัศน์ก็ตัวตายต่อหน้าต่อตาเขา เขาจึงตัดสินใจไม่ออกสื่อใดๆทั้งสิ้น ไปซ่อนตัวอย่างซึ่งอาจหลังบนในเกาะหนึ่ง แล้วส้มทำการทดลองของเขาต่อไป

ลูกชายของนักวิทยาศาสตร์หลังจากที่ไม่เจอหน้าพ่อของตนเองนานหลายปีก็จะถึงใจเดินทางมาบนเกาะนี้ในระหว่างขึ้นเรือข้ามฟากเข้าพบหญิงสาวคนหนึ่ง เขารู้สึกว่าผูกพันกับหญิงสาวคนนี้มาเนิ่นนาน เมื่อเขาเดินทางมาถึงคฤหาสน์ของพ่อทบว่าที่แห่งนี้มีคนเข้ามาอยู่จำนวนมาก และมีหลุมศพอยู่ในพื้นที่แห่งจำนวนมากเช่นกัน เขาไม่พอใจที่พ่อยังทำการทดลองนี้อยู่ ในวันที่เขาตัดสินใจเดินหันหลังหนีจากที่แห่งนี้เขาพบว่าหญิงสาวที่เขาพบบนเรือข้ามฟากกำลังฆ่าตัวตายในทะเล เขาลงไปช่วยเธอ แล้วนำเธอกลับมาไว้ที่คฤหาสน์ ระหว่างที่อยู่ คฤหาสน์เขาได้เรียนรู้ ขั้นตอนและวิธีการทำงานการทดลองของพ่อ เรียนรู้สิ่งที่ผู้คนที่มาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ว่ามีจุดประสงค์อะไร ได้เรียนรู้กับการตั้งคำถามเรื่องโลกหลังความตายของทุกคน มีการทดลองจำนวนมาก และที่สำคัญที่สุดวันหนึ่ง พ่อของเขาได้ทำการทดลองกับศพต่อเครื่องอุปกรณ์จำนวนมาก และในการทดลองนั้นเอง เขาพบว่าโลกหลังความตายมีจริง

จากที่สังเกตเห็นในหนังทำให้เรารู้ถึงจินตนาการของคนเขียนบทและผู้กำกับ แสดงว่าโลกหลังความตายนั้นมีจริง แต่โลกหลังความตายในหนังไม่เหมือนกับโลกหลังความตายที่เราเคยเห็นในหนังเรื่องอื่นก่อนหน้านี้อย่าง What Dreams May Come หรือ The Lovely Bones ซึ่ง The Discovery ให้ความหมายในโลกหลังความตายที่เรียกง่ายกว่านั้นแต่มีความหมายที่ค่อนข้างลึกซึ้ง เจ้าคือโลกหลังความตายของเราทุกคนนั้นล้วนแต่มีวัตถุประสงค์ คือเกี่ยวพันกับการแก้ไขบางสิ่งบางอย่างในอดีต

และไอ้เรื่องการแก้ไขบางสิ่งบางอย่างในอดีตนั้นเองจึงกลายเป็นหัวใจหนึ่งที่สำคัญของหนังต้องการสื่อคือ ในขณะที่คนเรายังมีชีวิตอยู่ ควรทำบางสิ่งบางอย่างหรือให้ความสำคัญกับคนที่เรารัก ไม่ใช่ว่าเมื่อถึงเวลาที่สายเกินไปจะย้อนกลับไปแก้ไข เพราะมันไม่สามารถทำได้แล้ว ทุกอย่างที่สูญเสีย เซ็นเซอร์ความผิดพลาดไปแล้วนั้น ไม่จะไม่มีหวนกลับไปได้

หนังยังสะท้อนให้เห็นถึงคติเรื่องชาติภพ กรรม การผูกพันในชาติที่แล้วจนเกิดพันธเกี่ยวพันไปในหลายชาติ ซึ่งแม้หนังจะพูดน้อยแต่ก็พอจะรับสารจากหนังได้อยู่ อีกทั้งยังผูกติดคติความเชื่อไปทางศาสนาฝั่งตะวันออกอย่างพราหมณ์และพุทธอีกด้วยนะ

หนังดำเนินเรื่องเรียบช้าออกไปทางง่วงนอน หากดูยามดึกอาจเผลอหลับได้ หนังไม่ได้มีความหวือหวานัก การขมวดปมก็ออกไปทางรวบรัดและ "มัดมือชก" คนดูมากไปนิด แม้จะมีการแอบบอก keyword ใก้กับคนดูเป็นระยะก็ตาม ระหว่างทางสถานการณ์ก็ไม่ได้นำพาไปถึงจุดเฉลยเท่าที่ควร

6/10

วาทิน ศานต์ สันติ

#สถานีหนัง #MovieStation

@หนังปรัชญา #หนังดรามา

หมายเลขบันทึก: 670810เขียนเมื่อ 14 ตุลาคม 2019 20:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม 2019 20:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท