วิธีเอาชนะโรคเอ็นไอเอ็ช
โรค NIH เป็นโรคของผ้บริหารระดับสูงหรือนักการเมือง เป็นโรคที่ระบาดในประเทศไทยรุนแรงกว่าโรคหวัดนก ที่จริงก็ระบาดไปทั่วโลก เพราะชื่อก็เป็นชื่อฝรั่ง เห็นอยู่ชัดๆ คือย่อมาจากคำว่า Not Initiated Here Syndrome หมายความว่า เมื่อมีรัฐมนตรีใหม่ อธิบดีใหม่ ผู้อำนวยการใหม่ หรือซีอีโอใหม่ ก็จะไม่ดำเนินการต่อจากโครงการที่มีอยู่แล้ว เพราะไม่ได้คิดขึ้นโดยตนเอง โครงการหรือกิจการที่ไม่ได้เริ่มต้นจากความคิดของตนเองถือว่าใช้ไม่ได้ หรือไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการต่อ ดังนั้นซีอีโอคนใหม่ก็จะคิดโครงการหรือนโยบายใหม่ขึ้นมา สำหรับมอบนโยบายให้ลูกน้องไปดำเนินการ ลูกน้องก็จะต้องรู้ว่าเมื่อมีนายใหม่ก็จะต้องทำโครงการใหม่ หรืออาจเป็นโครงการเก่านั่นเอง แต่เปลี่ยนชื่อใหม่ให้เป็นตราของนาย เพื่อว่าเมื่อเกิดผล หรือเมื่อประชาสัมพันธ์ ผู้ได้รับชื่อเสียงคือนาย (คนใหม่)
ถ้าเราเป็นคนชอบทำงานให้นาย ลัทธิเอ็นไอเอ็ช ก็ไม่ใช่เรื่องที่ก่อความเดือดร้อนใจ อาจถือเป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำ แต่ถ้าเราเป็นคนที่ชอบทำงานให้องค์กร ให้สังคม หรือบ้านเมือง ลัทธิเอ็นไอเอ็ชก็ต้องถือเป็นโรคอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่บั่นทอนโอกาสทำงานให้เกิดประโยชน์แก่สังคมอย่างแท้จริง
วิธีเอาชนะโรคเอ็นไอเอ็ช ไม่ใช่โดยการต่อต้าน เพราะจะสู้ไม่ไหว คนไทยส่วนใหญ่ยอมรับลัทธินี้ โรคนี้เอาชนะได้ด้วย “ปลาทู” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หัวปลา” ซึ่งหมายถึงเป้าหมายใหญ่ขององค์กร ถ้าเราจับเป้าใหญ่ให้แม่น ใครจะไป ใครจะมา จะมีนโยบายส่วนตัวที่เราชอบหรือไม่ชอบอย่างไร “หัวปลา” ก็จะเหมือนเดิม ที่สำคัญคือตัวเราเองหา “หัวปลา” ใหญ่เป็นหรือไม่ หรือไปมัวหลงกอด “หัวปลา” เล็กกระจิ๋วหลิวนิดเดียว
ผมมีเพื่อนร่วมงานเก่าที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สองคน ที่เอ่ยเรื่องทำนองนี้อยู่เสมอ ว่าไม่ว่าจะมีโครงการ วิธีการ หรือวิธีวัด ใหม่ๆ เกี่ยวกับเรื่องคุณภาพของงาน หรือผลสัมฤทธิ์ของงาน ก็ไม่มีปัญหา ไม่ต้องเปลี่ยนวิธีทำงานใหม่ เพราะเราทำเรื่องนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่เรียบเรียงรายงานขึ้นใหม่ให้เป็นไปตามรูปแบบของโครงการใหม่ ก็ใช้ได้ สองคนนี้คือคุณเนาวนิตย์ ทฤษฎิคุณ หัวหน้างานเภสัชกรรม กับคุณราศรี แก้วนพรัตน์ พยาบาลชำนาญการระดับ ๙ อดีตหัวหน้าฝ่ายการพยาบาล แนวคิดทำนองนี้ คุณหมอพิเชฐ บัญญัติ ผอ. รพ. บ้านตาก ก็เคยกล่าวไว้
คนที่จะทำอย่างนี้ได้ ต้องเป็นคนที่มอง “หัวปลา” ใหญ่ออก คิดใหญ่เป็น และสามารถทำงานตาม “หัวปลา ใหญ่” ให้สนองงานได้ทุกกระบวนท่า โดยได้ผลทั้งผลจริง และผลที่นายต้องการ ซึ่งในบางกรณีก็ตรงกัน แต่ในบางกรณีก็ต้องใช้วิธีตีความ
วิจารณ์ พานิช
๕ มิ.ย. ๔๘