แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาการพัฒนาที่ใช้ได้ตั้งแต่การพัฒนาตน ครอบครัว ชุมชน ไปจนถึงประเทศ และจักก่อผลดีต่อการปฏิบัติในทุกระดับ ดิฉันได้ตัดตอนพระราชดำรัสที่เป็นแนวทางการปฏิบัติตนตามแนวคิดเศษรฐกิจพอเพียงมาเผยแพร่ จึงขอนำมาให้อ่านเพื่อพิจารณาน้อมนำไปปฏิบัติให้เกิดความดีงามแก่ชีวิตได้นะคะ
1. การดำรงชีวิตด้วยความประหยัด อดออม ลดละความฟุ่มเฟือยต่าง ๆ
……….ความเป็นอยู่ที่ต้องไม่ฟุ้งเฟ้อ ต้องประหยัดไปในทางที่ถูกต้อง….
2. การประพฤติชอบและทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
……….ความเจริญของคนทั้งหลายย่อมเกิดมาจากการประพฤติชอบและการหาเลี้ยงชีพของตนเป็นหลักสำคัญ………
3. การแสวงหาได้ด้วยความเป็นธรรมทั้งเจตนาและการกระทำ และเลิกการแก่งแย่งเบียดบังผลประโยชน์จากผู้อื่น
…………ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึง ความสุขความเจิรญที่บุคคลแสวงหามาได้ ด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนาและการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น………
4. ความขยันขันแข็ง ในการทำงานหาเลี้ยงชีพ ขวนขวายใฝ่รู้จนสามารถมีความเป็นอยู่ที่พอเพียงพึ่งตนเองได้
………การที่ต้องการให้ทุกคนพยายามที่จะหาความรู้ และสร้างตนเองให้มั่นคงนี้เพื่อพึ่งตนเอง เพื่อที่จะให้ตัวเองมีความเป็นอยู่ที่ก้าวหน้า ที่มีความสุข พอมีพอกินเป็นขั้นหนึ่ง และขั้นต่อไปก็คือ ให้มีเกียรติว่ายืนได้ด้วยตัวเอง………..
5. การดำรงตนในแนวทางที่ดี ไม่ทำในสิ่งที่ก่อผลทำลายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
………พยายามไม่ก่อความชั่วให้เป็นเครื่องทำลายตัวทำลายผู้อื่น พยายามลดพยายามละความชั่วที่ตัวเองมีอยู่ พยายามก่อความดีให้แก่ตัวเองอยู่เสมอ พยายามรักษาและเพิ่มพูนความดีที่มีอยู่นั้นให้งอกงามสมบูรณ์ขึ้น………
6. คำสำคัญที่สุดคือ คำว่า “พอ” ต้องสร้างความพอที่สมเหตุสมผลให้กับตัวเองให้ได้ และเราก็จะพบกับความสุข
แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่เป็นปรัชญาการพัฒนาแนวทางปฏิบัติที่จักนำไปสู่การพัฒนาบนพื้นฐานวัฒนธรรมของเรา หรือการพัฒนาในแนววิถีไทย และจะก่อเกื้อความอยู่ดีมีสุข ความสถาพร รวมทั้งความยั่งยืนแก่สังคมไทยโดยรวม
ก้าวเข้าไปเรื่อยๆนะครับ