อดีตหรือจะสู้ปัจจุบัน


พร้อมหรือยังที่จะสู้ปัญหาไปพร้อมๆกับตัวคุณ

          ความเป็นเด็กใครๆก็ปรารถนาอยากเล่นอยากมีอยากเป็นซึ่งนั้นเป็นเรื่องธรรมดาแต่ทุกการเล่นการมีหรือการเป็นนั้นมีข้อจำกัดทำให้ตอนเด็กเราไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจที่หวังความสามารถที่มีทั้งทายกายภาพและปัญญานั้นไม่เพียงพอที่จะเป็นแรงผลักจนไปถึงฝันได้หากเรามีมนต์วิเศษให้ตัวเราย้อนเวลากลับไป7ปีก่อนคุณจำได้อยู่หรือไม่ในสิ่งที่คุณฝันในครั้งวัยเยาว์

          ตัวฉันเมื่อ7 ปีก่อนมีอายุแค่11ปีสมัยนั้นคือวัยเด็กชุดคอซองหูกระต่ายผมสั้นเสมอติ่งหู ฉันเป็นนักเรียนที่ได้รับการแข่งขันวิ่งเอกชนระดับอำเภอมาตั้งแต่ยังอยู่ป.3 แต่แล้วฉันได้เกิดอุบัติเหตุที่กระดูกหลังทำให้ว่าเคลื่อนที่นั้นลำบาดและเจ็บฉันต้องรักษาอยู่นานถึงหายแต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะกลับไปวิ่งหรือออกกำลังกายหนักๆได้อีกไอดอลที่ทำให้ฉันรักในการวิ่งสมัยเด็ก Eliud Kipchoge ชาวเคนย่าเขามีความมุมานะจากเด็กที่วิ่งส่งนมทุกวันๆจนกลายเป็นนักวิ่งที่ทำลายสถิติโลกฉันยังมีสิ่งที่ฉันทำแต่ไม่สำเร็จอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นการที่ฉันอยากกลับมาเล่นดนตรีได้อีก ฉันได้เรียนเปียโนตั้งแต่เล็กๆ แต่แล้วเมื่อระดับความยากของเนื้อเพลงมากขึ้นทำให้ตัวฉันล้า เบลอ และเครียดเนื่องจากฉันไม่ชอบเสียงของ Metronome เมื่อครูผู้สอนเอาสิ่งนี้มาวางบนเปียโนของฉัน ฉันจะเริ่มรู้สึกเครียดทันทีเพราะกลัวว่าจะไม่ตรงจังหวะ มือเหงื่อไหล ตามัว ทำให้ตั้งแต่นั้นมา ฉันไม่สามาถเล่นเปียโนได้อย่างสำเร็จ ไอดอลในการเล่นเปียโนของฉันสมัยเด็กคือ หนุ่มหล่อน่ารัก อ่อนโยน  พี่โต๋ นายศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร เขาเป็นนักเล่นเปียโนอัจฉริยะ ที่มีความสามารถตั้งแต่ยังตัวเล็กๆเขาได้แต่งเพลง คนไม่พิเศษ นั้นเป็นเพลงที่ทำให้ฉันอยากเรียนเปียโนให้เก่งเท่าเขา ถัดมาตัวฉันว่ายน้ำเคยว่ายน้ำได้ แต่ด้วยการที่เคยจมน้ำมา ทำให้ฉันไม่คิดจะเรียนว่ายน้ำอีก ฉันกลัวที่จะต้องว่ายโดยกลั้นหายใจ แต่ฉันมีไอดอลคือเพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่ประถม อันอัน ปรีชญา ไทรน้อย เขาเป็นคนมีความสามารถในการว่ายน้ำ เขามีงานเสริมตั้งแต่เด็กๆ โดยการสอนเด็กเล็กให้ว่ายน้ำ ฉันก็เป็น1ในเด็กที่ยังใจเล็กอยู่ ที่พยายามจะเรียนว่ายน้ำให้เป็นให้ได้ ต่อมาความฝันของฉันคือการอยากเป็นนักเรียนเพชรยอดมงกุฏ ฉันมั่นใจในความสามารถด้านภาษาไทย แต่คะแนนของฉันเมื่อออกมาทำให้ต้องเศร้าใจเนื่องจากไม่มีลายชื่อของฉันบนกระดาษสีขาวที่ติดตรงบอร์ดประกาศ แต่เมื่อตั้งใจเริ่มใหม่ความเศร้าหายไป แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่ฉันทำไม่สำเร็จอยู่ดี แต่ฉันมีครูสอนภาษาไทย ที่เป็นดั่งแม่ และ ไอดอลของฉันครูไก่ นางอังคณา สมแก้ว ท่านเป็นคนทำให้ฉันรักในการเรียนภาษาไทย สนุกสนานท่องโลกกับภาษาไทยได้อย่างไม่น่าเบื่อ ต่อมาฉันใฝ่ฝันที่จะเป็นสัตวแพทย์ที่ดี นั้นคือความฝันที่ฉันปรารถนา ฉันได้รับการฝึกฝนต่างต่างนานา ไม่ว่าจะผ่าตัด เตรียมห้องผ่าตัด แต่แล้วความฝันนี้ฉันก็ทำไม่สำเร็จฉันสอบเข้าไม่ผ่าน ไอดอลของฉันได้บอกว่า บางทีเราไม่ได้เหมาะกับอะไรอย่างเดียว หากเราเปิดใจ เปิดความคิดเราอาจทำสิ่งอื่นได้ดีกว่าสิ่งที่เราฝัน ไอดอลของฉันเป็นดังปะป๊าอีกคน นายสัตวแพทย์ กิตติ บัวเพชรท่านเป็นคนที่ทำให้ฉันมีความมุ่งมั่นในการตั้งใจเรียนมากขึ้น ทำให้ฉันรู้ข้อผิดพลาด และนำสิ่งที่ผิดพลาดมาปรับใช้ในชีวิต เปิดใจต่อทุกๆสิ่งที่เข้ามา รับผิดชอบต่อตัวเอง ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันเหมาะกับการที่ฉันเข้าเรียนกิจกรรมบำบัดในขณะนี้ นับตั้งแต่เปิดเทอมฉัน/ด้เรียนคาบคณะครั้งแรกรู้สึกประทับใจ ไม่เคยพบเจอห้องเรียนสร้างสรรค์ที่ไม่รู้เลยว่าอาจารย์จะนำความรู้มาสอนในลักษณะใด ไอดอลของฉันท่านนี้คือ ผศ.ดร.กบ.ศุภลักษณ์ เข็มทอง เขาได้สร้างห้องเรียนสร้างสรรค์ขึ้น สร้างความสุขให้นักศึกษาระหว่างเรียน และด้วยบุคลิกที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา และมีการใช้น้ำเสียงที่ทนอมต่อการฟัง ทำให้ฉันรู้สึกว่านี้แหละแบบอย่างของฉัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นฉันมีไอดอลที่เป็นแบบอย่างตั้งแต่เกิด ไอดอลของฉันคือ นางเสาวนีย์ และ นายวิษณุ อินทรปาน ท่านคือพ่อแม่ของฉัน ฉันชื่นชมที่เขาสามารถเลี้ยงดูไม่ว่าจะเป็นพี่ๆ ญาติๆ และสามารถดูแลครอบครัวอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มีความขยันขันแข็ง ดูแลเอาใจใส่ อบรมสั่งสอนลูกสาว 2 คนอย่างดีที่สุด แต่ใครจะรู้ละว่าไอดอลของฉันอีกคนคือ พี่สาวของฉัน นางสาววิภวา อินทรปาน เขาเป็นคนที่อบรมสั่งสอนฉันเหมือนดั่งแม่อีกคน เป็นคนเตือนสติหากเวลาฉันทำผิด เขาเป็นที่น่ามหัศจรรย์ ที่สามารถทำทุกอย่างได้โดยที่ผู้อื่นพึงพอใจ ประทับใจ และงานออกมาได้อย่างดี มีความรับผิดชอบที่สูง และทำประโยชน์ให้สังคมอย่างมากมาย นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันจะนำหลัก OA(Occupational Adaptation)ที่ฉันได้ศึกษามาปรับใช้ในชีวิตทั้งหมดของฉัน นำสิ่งนี้มาเปลี่ยนข้อผิดพลาด พัฒนาให้ดีขึ้น โดยมีตัวฉันเป็น Person ผู้อื่นเป็น Environment ตัวฉันเองมีความตั้งใจ ความท้าทาย(Occupational Challenge) ที่จะทำสิ่งต่างๆให้ประสบความสำเร็จ สิ่งนี้จะส่งผลต่อไปที่ บทบาท(Occupational Role Expectations) บทบาทของฉันในตอนนี้คือนักศึกษาที่ต้องรับผิดชอบต่อตัวเอง ตั้งใจเล่าเรียน และบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ทำด้วยความรู้สึกที่เรามีคุณค่าต่อผู้อื่น แต่อุปสรรคของฉันในตอนนี้เนื่องจากมีการเข้าสแตนด์เชียร์ในช่วงนี้ ฉันมีการพักผ่อนไม่เพียงพอ ฉันมีเวลาอ่านหนังสือน้อยลง ไม่สามารถเต็มที่ แต่หลัก OA สอนให้ฉันรู้จักการแก้ไขปัญหาอย่างไร(Occupational Response) ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันควรศึกษาเล่าเรียนในห้องให้เต็มที่ วันเสาร์อาทิตย์ฉันควรจัดสรรเวลาพักผ่อนและเวลาทำกิจกรรมให้เหมาะสมกัน เมื่อฉันลองทำตามที่วางแผน ฉันรู้สึกฉันมีเวลาพักผ่อนดีขึ้น เต็มที่กับทุกๆสิ่ง ที่ต้องการจะทำให้สำเร็จลุล่วง และวิธีการนี้จะสอนให้ฉันผ่านปัญหาไปได้ทั้งในตอนนี้และอนาคต แต่สมมติว่าการแก้ไข้ปัญหาโดยวิธีที่นำเสนอนั้นไม่ผ่าน ตัวของเราเองต้องวิธีแก้ไขให้ดีขึ้น และปรับตามสิ่งแวดล้อม และย้อนไปเป็นความท้าทายใหม่ทำต่อไปเรื่อยๆจน สามารถหาสิธีแก้ไขที่เข้ากับตัวเรามากขึ้น

           คุณคิดหรือว่าทุกอย่างจะประสบความสำเร็จถ้าหากคุณมีพร้อมทุกอย่าง แต่ถ้าหากใจของคุณไม่กล้าพอที่จะเผชิญปัญหา มันก็ไม่สำเร็จได้ตามที่ใจหวัง แต่วันนี้ตัวฉันพร้อมที่จะสู้กับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า แล้วคุณพร้อมหรือยัง ที่จะสู้ปัญหาไปพร้อมๆกับตัวของคุณ

หมายเลขบันทึก: 667914เขียนเมื่อ 10 กันยายน 2019 12:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 กันยายน 2019 12:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท