สำนักพิมพ์ คนบ้าหนังสือ กรุณาส่งหนังสือมาให้ ๓ เล่ม ผมเลือกเล่มหนาที่สุดมาอ่านก่อน ชื่อเรื่อง ชีวิตกับกาลเวลาของ อเล็กซิส ซอร์บา (๑) ที่อ่านแล้วผมบอกตัวเองว่า นี่คือ “วรรณกรรมคลาสสิค” โดยที่นิยามคำว่า วรรณกรรม ของผมคือ ข้อเขียนที่ผู้อ่านร้อยคนตีความได้ร้อยแบบ หรืออย่างน้อยก็นับสิบแบบ
อ่านแล้วได้ความรู้เชิงประวัติศาสตร์ของชีวิตผู้คนในยุโรปตะวันออก และได้สัมผัสแก่นแท้ของมนุษย์ ที่ลงท้ายสรุปได้ว่า ไร้แก่นสาร
แต่หากจะไม่ด่วนสรุปภาพรวม อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะเห็นภาพที่หลากหลายของความเป็นมนุษย์ และแม้แต่ความเป็นพระ (ในศาสนาคริสต์) ก็มีความหลากหลาย มีทั้งพระที่แสนเลว อยู่ในหมู่พระ นักเขียนที่ยิ่งใหญ่สะท้อนภาพความจริงในสังคมที่คนไม่กล้าพูดกันอย่างเปิดเผยผ่านนวนิยาย เป็นการบอกความจริงอย่างเป็นกลาง ไม่กล่าวหาหรือตำหนิติเตียน
ผมอ่านนวนิยายแปลจากต้นฉบับที่อายุอ่อนกว่าผม ๔ ปี ที่หนา ๕๕๐ หน้าเล่มนี้แบบอ่านๆ หยุดๆ คืออ่านยามว่าง ใช้เวลา ๑๐ วันจึงจบ และได้ข้อสะท้อนคิดตามบันทึกข้างบน
ในความเป็นจริง หนังสือเล่มนี้มีความงาม มีสาระอยู่ในทุกหน้า ทุกคำพูดโต้ตอบ เพราะผู้เขียนเขียนแบบวรรณกรรม คือให้ผู้อ่านตีความเอาเอง ผ่านตัวละครที่มีบุคลิกสุดบ้าและสุดดีอยู่ในตัวคนคนเดียวกัน คือ อเล็กซิส ซอร์บา
นวนิยายสะท้อนความเป็นปุถุชนของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ในมิติที่ลึก รวมทั้งมีความคิดเชิงอุดมคติ และเชิงคุณธรรม เต็มเปี่ยม
จากสาระในหนังสือ สะท้อนว่าผู้เขียน (นิคอส คาซานต์ซาคิส) ชาวกรีก เกิดที่เกาะครีต ปลายศตวรรษที่ ๑๙ สนใจพุทธศาสนา และดูจะเข้าใจเรื่อง “ความหลุดพ้น” ด้วย แต่เขาไม่เอ่ยถึงหลักพุทธศาสนาตรงๆ ซึ่งเป็นธรรมชาติของนักเขียนวรรณกรรม
ที่ได้แน่ๆ จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ คือได้เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของคนยุโรปตะวันออกในช่วงประมาณหนึ่งศตวรรษมาแล้ว
ผมขอขอบคุณสำนักพิมพ์คนบ้าหนังสือ ที่กรุณาส่งหนังสือมาให้เป็นบรรณาการ
วิจารณ์ พานิช
๒๑ ก.ค. ๖๒
ไม่มีความเห็น