สถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น



สถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (๑)  (๒)  ได้รับการจัดตั้งเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๐   และมีการปนะชุมคณะกรรมการอำนวยการไป ๑ ครั้งเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐   โดยทาง มข. แต่งตั้งผมเป็นกรรมการอำนวยการด้วย   แต่คราวนั้นผมไม่ได้เข้าประชุม    ที่ประชุมได้แต่งตั้ง รศ. ดร. ณรงค์ ขันตีแก้ว เป็นผู้อำนวยการสถาบัน    โดยที่สถาบันนี้มีฐานะต่ำกว่าคณะ    และอยู่ใต้การกำกับของอธิการบดีโดยตรง    มีการบริหารจัดการแบบคล่องตัว

วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ จึงมีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการครั้งที่ ๒  ซึ่งนับเป็นครั้งที่ ๑/๒๕๖๒    โดยที่สถาบันฯ ดำเนินการต่อเนื่องจากศูนย์วิจัยพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๕  

ผมขอจารึกข้อความเชิงคุณค่าของสถาบันไว้ โดยคัดจากเอกสารโครงการจัดตั้งสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดีที่เสนอต่อมหาวิทยาลัยขอนแก่นในปี พ.ศ. ๒๕๖๐

ปณิธาน  การวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีอย่างยั่งยืน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

วิสัยทัศน์   เป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการในด้านโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีของโลก

พันธกิจ  ประสานความร่วมมือทั้งในระดับชาติ และนานาชาติ เพื่อดำเนินการวิจัย สร้างองค์ความรู้ และถ่ายทอดเทคโนโลยีในการป้องกัน วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งท่อน้ำดีในประชาชน  

วัตถุประสงค์  เป็นสถาบันหลักที่ทำหน้าที่ประสานความร่วมมือทั้งในระดับชาติและนานาชาติ เพื่อดำเนินการวิจัย สร้างองค์ความรู้ และถ่ายทอดเทคโนโลยีในการป้องกัน วินิจฉัย และรักษาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในประชาชน    โดยมีวัตถุประสงค์หลัก ๔ ข้อคือ

  1. 1. พัฒนางานวิจัยเพื่อป้องกันและลดอุบัติการณ์ของโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในประชาชน
  2. 2. พัฒนางานวิจัยเพื่อกำหนดมาตรฐานในการคัดกรอง เฝ้าระวัง วินิจฉัย และรักษา รวมทั้งเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดี
  3. 3. พัฒนารูปแบบการจัดการองค์ความรู้ แสวงหาความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ   เพื่อถ่ายทอดความรู้จากการวิจัยสู่แนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืนในชุมชน
  4. 4. พัฒนาสถาบันให้มีความเป็นเลิศทางวิชาการ และเสริมสร้างความเข้มแข็งของนักวิจัยรุ่นใหม่ และบัณฑิตศึกษา 

เอกสารโครงการจัดตั้งสถาบันระบุกิจกรรม ๓ ด้าน คือ วิจัย  บริการ  และการฝึกอบรม    ผมเสนอในที่ประชุมให้เพิ่มอีก ๒ ด้านคือ ด้านความร่วมมือกับต่างประเทศ  และด้านการสื่อสารสังคม   และแนะนำว่างานบริการนั้น ให้เปลี่ยนแนวทางดำเนินการเป็นการทำงานร่วมกับหุ้นส่วน หรือพันธกิจสัมพันธ์กับสังคม (social engagement)    ดังได้พูดในปาฐกถาเกียรติยศที่ลง บล็อก ไว้เมื่อวานนี้

คำแนะนำที่ผมให้อย่างหนักแน่นคือ ต้องจัดสำนักงานให้มีเจ้าหน้าที่สนับสนุนที่เข้มแข็ง    หัวหน้าสำนักงานควรมีวุฒิระดับปริญญาโท และมีความสามารถสูง    ซึ่งหมายความว่าต้องให้ค่าตอบแทนสูงพอที่จะดึงดูดคนเก่งมาทำงาน 

ผมลืมเสนอแนะเรื่องการจัดระบบการเงินที่คล่องตัว  มีกฎระเบียบให้ยึดถือ  และมีการตรวจสอบที่เป็นระบบ    

วิจารณ์ พานิช

๖ ส.ค. ๖๒


หมายเลขบันทึก: 667387เขียนเมื่อ 3 กันยายน 2019 19:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 กันยายน 2019 19:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท