HBsAg เป็นการตรวจหาเชื้อไวรัส ตับอักเสบชนิด B ว่ามีในเลือดหรือไม่
๑.ถ้ารายงานว่า HBsAg-ve ก็คือปกติ หรือไม่มีเชื้อนี้ในเลือดนี้
๒.ถ้ารายงานว่า HBsAg+ve ก็คือพบว่า มีเชื้อนี้ในเลือด ซึ่งต้องดูว่าจะเป็นประเภทไหนดังต่อไปนี้
- พวกที่มีเชื้อ และมีการอักเสบฉับพลันของตับชัดเจน (เช่นมีไข้ท้องอืด ตาเหลือง ตัวเหลือง และมีค่าเอ็นไซม์ต่าง ๆ ของตับผิดปกติ) รวมทั้งอาจจะมีประวัติเพิ่งสัมผัสโรคมา ก็จัดเป็นพวกที่ กำลังเป็นไวรัสตับอักเสบ บี พวกนี้ถ้าได้รับการรักษา ด้วยการพักผ่อนให้พอเพียง ส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติ และ จะมีภูมิต้านทาน(HBsAb)เกิดขึ้นมาแทน และจะไม่เป็นโรคนี้อีกต่อไป แต่ถ้าหกเดือนแล้วยังไม่หาย ก็จะกลายเป็นพวกพาหะ หรือพวกตับอักเสบเรื้อรังต่อไป
- พวกที่มีเชื้อ แต่ไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งผลการตรวจเอ็นไซม์ของตับปกติ พวกนี้เรียกเป็นพาหะ(Carrier)พวกนี้ไม่มีอันตราย แต่ต้องระวังเชื้อจะติดต่อไปยัง คู่สมรสได้หรือ ถ้าเป็นหญิงก็จะมีเชื้อผ่านไปลูกได้ และถ้าดื่มเหล้า หรือตรากตรำจะเกิดตับอักเสบขึ้นมาภายหลังได้ แต่ก่อนพวก พาหะตับอักเสบบีนี้ จะไม่มีการรักษาเฉพาะนี้หายไปได้มากขึ้น ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป (หมายเหตุ - กรณีที่เป็นพาหะ ที่เจาะเลือดเป้นครั้งแรก โดยเฉพาะมีประวัติ คล้ายตับอักเสบมาก่อนไม่เกินหกเดือนอาจจะ ไม่ใช่พาหะก็ได้ อาจจะเป็นพวกตับอักเสบ ที่กำลังหายแต่เชื่อยังไม่หมดไป ควรรอจนครบหกเดือนแล้วเจาะซ้ำอีกครั้ง ถ้ายังพบเชื้ออยู่ จึงจัดเป็นพาหะนำเชื้อตับอักเสบ)
- พวกที่มีเชื้อ และยังไม่มีอาการอะไร แต่อาจจะพบมีค่าเอ็นไซม์ของตับสูงผิดปกติ หรือ มีประวัติเคยเป็นตับอักเสบเป็นๆหายๆเรื้อรัง พวกนี้จะจัดเป็นพวกที่เป็นตับเอกเรื้อรังพวกนี้มีความเสี่ยงอย่างรุนแรงกลับขึ้นมาอีก หรือ เกิดภาวะตับแข็ง ตลอดจนมะเร็งตับได้ง่ายกว่าคนปกติมาก พวกนี้ถ้าจำเป็นอาจจะต้องได้รับการวินิจฉัยด้วยการเจาะเอาเนื้อตับมาตรวจ (liver biopsy) และพิจารณาให้ Interferon เพื่อการรักษา (ราคาแพง มั๊ก มั๊ก)
สำหรับ ผู้ที่มีอาการเบื้องต้นนะคะ
ควรนอนพักผ่อนให้เยอะ ๆ นะคะ
แต่ถ้ามีอาการเบื่ออาหารและละก็ ควรไปพบแพทย์ จะดีกว่านะคะ
โรคนี้ดีอยู่อย่างนึงคือว่า ตับสามารถฟื้นตัวได้เร็ว ถ้าได้พักผ่อนและดูแลสุขภาพอาหารการกินให้เพียงพอนะคะ
กำลังสนใจผู้ป่วยในกลุ่มไวรัสตับอักเสบอยู่พอดีค่ะเนื่องจากว่าต้องการทำวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมสุขภาพในผู้ป่วยกลุ่มนี้ แต่ยังหาหัวข้อไม่ได้เลย อยากหั้ยช่วยแนะนำด้วยค่ะ...
อยากทราบไวรัสตับอักเสบบี สามารถติดต่อกันได้หรือไม่ หากจะป้องกันไม่ให้เป็นโรคนี้จะวิธีการป้องกันอย่างไรบ้าง แนะนำด้วยค่ะ
สวัสดีคะคุณสมทรง
ไวรัสตบอักเสบบี สามารถติดต่อ กันได้ทางสารคัดหลั่งต่าง ๆ คะ
ไม่ว่าจะเป็นเลือดหรือว่าน้ำเหลือ คะ แต่ยกเว้นน้ำลายคะ
ไม่ได้ติดต่อกันทางรับประทานอาหารคะ
สำหรับการป้องกันนั้น คำแนะนำนะคะ ควรตรวจเลือดหาว่ามีภูมิคุ้มกันหรือปล่าวคะ
จากนั้น ถ้าตรวจแล้วว่ายังไม่มีภูมิ ก็จะมีวัคซีนสำหรับฉีดคะ จะฉีดทั้งหมด 3 เข็มคะ
แค่นี้ก็ป้องกันได้แล้ว
แต่ เอจะบอกอีกนะคะ ว่า ไวรัสตับอักเสบมีหลายชนิดคะ
มีชนิด A B C E ค่ะ
ไวรัสตับอักเสบ ชนิด Aกับ E จะติดต่อกันทางรับประทานคะ
ส่วนไวรัสตับอักเสบชนิด B กับ C จะติดต่อกันทางสารคัดหลั่งคะ
แอบบอกอีกนิดคะ ชนิด B กับ C จะสามารถ นำไปสู่การเป็นมะเร็งตับได้นะ คะ น่ากัวล์
ขอบคุณที่กรุณาตอบ..ขอถามต่อนะค่ะ..
ตอนนี้มีคนที่รู้จักกัน กำลังป่วยเป็นมะเร็งตับ ระยะที่ 2 ทำการผ่าตัดแล้ว แสดงว่าก่อนจะเป็นมะเร็งอาจเป็นไวรัสตับอักบี อย่างนี้คู่สมรสของเขาจะติดได้หรือไม่
และทำการผ่าตัดแล้วระยะที่ 2 มีโอกาสหาย หรือ จะมีโอกาสเกิดขึ้นใหม่หรือไม่ และผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวเช่นไรค่ะ..
ตรวจสุขภาพประจำปีมาค่ะ ตรวจเลือดพบว่ามี HBsAg+ve แต่ไม่เคยมีประวัติเปนโรคนี้นี้หรือเป็นโรคเกี่ยวกับตับเลย ควรทำอย่างไรต่อไปค่ะ แล้วดิฉันเป็นไวรัสตับอับเสบ บีหรือเปล่า
อยากทราบราคาของยาฉีดไวรัสตับอับเสบ บีค่ะ
แล้วราคายาทานราคาเท่าไรค่ะ
อยากรักษาแต่เงินไม่ค่อยมี
ช่วยให้คำปรึกษาด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
แล้ว HbeAg และ HbcAg มันคือการแปลผลของอะไร หมายความว่าอะไรคะ