mini-UKM-MSU: ครูมืออาชีพ (๕) การประเมินผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรมจริยธรรม


mini-UKM ให้ความสำคัญกับการวัดผลประเมินผลด้านคุณธรรมจริยธรรมมากๆ ถึงกับตั้งเป็นประเด็น "หัวปลา" ให้ช่วยกันพัฒนามาอย่างต่อเนื่องมาหลายปี

ผมอาสาเป็นตัวแทนของ มมส. (มหาวิทยาลัยมหาสารคาม) ไปร่วมเวที Mini-UKM#18 ที่ มรภ.สวนสุนันทา (ผมกลับมาบันทึกการเรียนรู้ไว้ที่นี่) โจทย์ปัญหาอันเป็นเหมือน "ก้าง กระดูกปลา" ที่ชัดเจนมากว่า คุณธรรมอะไรที่วัดได้  วัดอย่างไร และเครื่องมือวัดคืออะไร ในการแลกเปลี่ยนกลุ่มย่อยนี้ที่ Mini-UKM#19 ที่ มมส.ได้แนวทางการวัดผลคุณลักษณะ "ความซื่อสัตย์" ออกมาแล้วดังสไลด์ด้านล่าง

ผม BAR ว่า การแลกเปลี่ยนที่ Mini-UKM#20 ซึ่งกำลังจะจัดที่ ม.นครพนม (ปลายเดือนมกราคม ๒๕๖๒) น่าจะได้ BP ที่สมบูรณ์ มีตัวอย่างของเครื่องมือที่นำไปปรับใช้ได้ทั่วประเทศ

ขอนำผลสรุปจากการ KM ของทั้งสองครั้งมาสรุปไว้ก่อนจะหาทางขับเคลื่อนกันต่อไปครับ

ผลสรุป mini-UKM#18

 

    ผลสรุป mini-UKM#19 



    ข้อจำกัดของการวัดคุณธรรม

    ทฤษฎีด้านการวัดและประเมินผลบอกว่า การวัดทางการศึกษา โดยเฉพาะการวัดสิ่ง "นามธรรม" เช่น คุณธรรม จริยธรรม มีข้อจำกัด ดังนี้

    • เป็นการวัดทางอ้อม
    • ไม่มีถูก-ผิด
    • คลาดเคลื่อนได้ง่าย
    • วัดได้จากหลากหลายแหล่ง
    • มักต้องใช้สถานการณ์จำลอง (ไม่ใช่สถานการณ์จริง)
    • ฯลฯ
    วิธีการวัดผลประเมินผลด้านคุณธรรมจริยธรรม

    จากการศึกษาสืบค้นและสังเคราะห์ทฤษฎีด้านการประเมินผลคุณธรรมจริยธรรม พบว่า ขั้นตอนมาตรฐาน ๔ ขั้นตอนในการประเมิน ได้แก่ นิยาม สร้างเครื่องมือ วัด และตีความสรุป   ดังแสดงในภาพครับ


    ขั้นที่ ๑ นิยาม
    • กำหนดคุณลักษณะของคุณธรรม จริยธรรม ที่ต้องการวัด ให้ชัดเจนที่สุด เช่น 
      • ความซื่อสัตย์ 
      • ความรับผิดชอบ
      • ความมีวินัย 
      • ความเมตตา
      • ฯลฯ
    • นิยามความหมายเชิงพฤติกรรมที่สามารถสังเกตได้ของคุณลักษณะทางคุณธรรมจริยธรรมที่กำหนด เช่น 
    • กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการวัด และกำหนดตัวแปรควบคุมต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อคุณลักษณะฯ ที่ต้องการวัด
    ขั้นที่ ๒ สร้างเครื่องมือ
    • สร้างสมมติฐานให้ชัดเจน นิยามความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมที่สังเกตได้กับคุณลักษณะทางคุณธรรมจริยธรรมที่กำหนด
    • ออกแบบรูปแบบมาตรวัด หรือ เลือกรูปแบบมาตรวัดจากทฤษฎีวัดเจตคติ (Attitude) เช่น 
      • แ์บบเทอร์สโตน (Thurstone)
      • แบบออสกูด (Osgood)
      • แบบลิเคิร์ต (Likert)
      • แบบรูบริท (Rubric)
      • ฯลฯ 
    • กำหนดบุคคลผู้ให้ข้อมูล แหล่งข้อมูล ซึ่ง อาจเป็น
      • บุคคลที่เป็นกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
      • บุคคลที่เป็นคนใกล้ชิด มีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายเป็นเวลานาน
      • บุคคลอื่น ๆ เป็นผู้สังกต 
    • สร้างเกณฑ์ สร้างข้อคำถาม สถานการณ์จำลอง หรือ ขั้นตอนกระบวนการในการจัดเก็บข้อมูล
    • ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณา เพื่อหาความเที่ยงตรง หรือ ความตรง (Validity) 
    • นำไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างที่มีจำนวนมากพอ (อย่างน้อยควรจะ ๓๐๐ คน) เพื่อคัดเลือกเอาข้อคำถาม สถานการณ์จำลอง หรือขั้นตอนกระบวนการ ที่มีคุณภาพ ต่อไป 
    ขั้นที่ ๓  นำไปใช้ 
    • นำเครื่องมือวัดไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย อย่างรอบคอบ ระมัดระวัง ไม่ให้ปัจจัยควบคุมต่าง ๆ รบกวนให้เกิดความคลาดเคลื่อน 
    ขั้นที่ ๔ สังเคราะห์/ตีความ/สรุป
    • น้ำข้อมูลมาวิะเคราะห์ และ สังเคราะห์ ให้เป็นสารสนเทศที่มีความหมาย ใช้ประโยชน์ได้ง่าย
    • ประเมินผล ตีความเชิงคุณค่าหรือมูลค่า ตามเกณฑ์ที่กำหนด 
    • สรุป รายงาน และเผยแพร่ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อไป 


    ผมยังมีความเห็นว่า เราไม่สามารถทำสิ่ง "นามธรรม" ให้เป็น "รูปธรรม" ได้จริง เพราะสิ่งที่เป็นนามธรรมก็คือนามธรรม โดยเฉพาะนามธรรมที่เป็น "สัจจะ" "ปรมัตถธรรม" ถ้าพยายามทำให้เป็นรูปธรรม จะกลายเป็น "บัญญัติ" เป็น "สัทธรรมปฏิรูป" ทันที อย่างไรก็ดี สำหรับผู้บริหารยุคนี้ เราคงต้องหาสักวิธีที่จะสามารถวัดระดับคุณธรรมจริยธรรมออกมาให้ได้ เพื่อสื่อสารและสร้างมาตรฐานร่วมกัน(เคยเขียนไว้นานแล้วที่นี่)


    บันทึกต่อ ๆ ไป ผมจะนำตัวอย่างเครื่องมือวัดแต่ละแบบ และ GP ที่พอจะมีมาแลกเปลี่ยนครับ 

    หมายเลขบันทึก: 658982เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2018 09:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 ธันวาคม 2018 09:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


    ความเห็น (0)

    ไม่มีความเห็น

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท