บ่ายสามโมงครึ่งวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ รถบัสนำเราเราตามเสด็จไปยังค่ายตากสิน (๑) ไปชมหลักฐานแสดงประวัติศาสตร์สมัยล่าอาณานิคมของยุโรป ซึ่งในกรณีนี้คือฝรั่งเศส เราไปชมส่วนหนึ่งของขบวนการยึดครองอินโดจีนโดยฝรั่งเศส
ค่ำวันที่ ๑๙ ตุลาคม ตอนไปรับพระราชทานเลี้ยงที่วังสระปทุม เราได้รับแจกเอกสาร งานบูรณะอาคารโบราณสถานในค่ายตากสิน จันทบุรี น่าเสียดายที่หนังสือเล่มเล็กนี้ค้นไม่พบในอินเทอร์เน็ต ค้นได้แต่เรื่องราวของมูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม ที่ทำงานบูรณะนี้ (๒) ผมจึงได้อ่านเอกสารนี้คร่าวๆ
พื้นที่บริเวณค่ายตากสินมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในสองเหตุการณ์
เหตุการณ์แรกเกิดในปี ๒๓๑๐ พระยาตากใช้เป็นที่มั่นในการเตรียมกำลังกองทัพเรือ ยกกลับไปกู้ชาติจากพม่า
เหตุการณ์ที่สอง ยังมีหลักฐานเป็นกลุ่มอาคารเหลืออยู่และได้รับการบูรณะเป็นพิพิธภัณฑ์ คือเหตุการณ์ระหว่างปี ๒๔๓๖ - ๒๔๔๘ หลังเหตุการณ์ รศ. ๑๑๒ ที่กองทหารฝรั่งเศสเข้ายึดจันทบุรีเป็นประกันให้สยามยอมยกดินแดนลาวทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง และเขมรส่วนนอก ได้แก่เมืองพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ให้แก่ฝรั่งเศส
เมื่อไปชมพิพิธภัณฑ์จริงๆ กลายเป็นพิพิธภัณฑ์เมืองจันทบุรี และพิพิธภัณฑ์ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ว่าเรื่องราวตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ คือตั้งแต่ราวๆ ๑๐,๐๐๐ ปีก่อน และจันทบุรีในยุคต่างๆ โดยการตั้งเมืองครั้งแรกราวๆ ๑ พันปีมาแล้ว ร่วมสมัยกับเมืองพิมาย และเมืองลพบุรี เรียกชื่อตามศิลาจารึกว่า “ควนคราบุรี” หรือ “เมืองกาไว” และมี “ชาวชอง” เป็นชนพื้นเมืองกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ ดูตามภูมิศาสตร์แล้ว เดาได้ว่า จันทบุรีต้องมีความสัมพันธ์กับเขมรและญวนอย่างแน่นอน
หนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ได้รับแจกค่ำวันที่ ๑๙ คือ ความสัมพันธ์ไทย - ฝรั่งเศส ตั้งแต่อยุธยาจนถึงปัจจุบัน ที่จัดพิมพ์โดย มูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม เช่นเดียวกัน ช่วยให้การเข้าชมเข้าใจง่ายขึ้น แต่พวกเราคนไทยส่วนที่เดินช้า ถูกแยกให้เลี่ยงไปชมนิทรรศการที่อาคารคลังพัสดุก่อน แล้วจึงย้อนไปชมนิทรรศการที่อาคารกองบัญชาการทหารฝรั่งเศส ต่อด้วยอาคารกองรักษาการณ์
ที่อาคารคลังพัสดุเป็นนิทรรศการประวัติเมืองจันทบุรี และประวัติความสัมพันธ์ไทยฝรั่งเศสสมัยรัตนโกสินทร์ถึงปัจจุบัน ที่สมัย ร. ๔ ร. ๕ เป็นความสัมพันธ์ของยุคล่าเมืองขึ้น หรือยุครบกัน สมัยปัจจุบันเป็นยุคแสวงความร่วมมือ หรือยุคเป็นมิตรกัน
ที่อาคารกองรักษาการณ์ มีนิทรรศการพระราชประวัติ ร. ๕
ประวัติศาสตร์สอนว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นสิ่งไม่แน่นอน เช่นเดียวกันกับชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน
ที่อาคารกองบัญชาการทหารฝรั่งเศส เป็นนิทรรศการความสัมพันธ์สยามฝรั่งเศส ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จนถึงสมัยรัชกาลที่ ๖ ที่ความสัมพันธ์เปลี่ยนกลับไปกลับมา จากสมัยสมเด็จพระนารายณ์เป็นมิตรประเทศที่แน่นแฟ้น มาถึงสมัย ร. ๕ เกิดเหตุการณ์ รศ. ๑๑๒ ไทยทั้งเสียดินแดนและเสียค่าปรับ พอถึงสมัย ร. ๖ ไทยส่งทหารไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ ๒
สมัยสมเด็จพระนารายณ์ สยามใช้ฝรั่งเศสถ่วงดุลอำนาจของฮอลันดา ที่มาบีบสยามในเรื่องการค้า แต่พอสิ้นรัชสมัยฝรั่งเศสก็ถูกขับไล่ออกไป
การจัดทำพิพิธภัณฑ์ที่แสดงความจริงครบด้าน คือนอกจากความร่วมมือสมัยโบราณ และการรบหรือรังแกยุค ร. ๕ แล้ว หลังจากนั้นก็เป็นยุคความร่วมมือ แสดงวุฒิภาวะทางวิชาการ และเป็นเครื่องช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ โดยที่การจัดทำพิพิธภัณฑ์นี้ มูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม นำโดยคุณหญิงนงนุช ศิริเดช ได้ขอพระราชทานคำแนะนำจากองค์สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ โดยตลอด ทรงแนะนำให้จัดแสดงเรื่องความร่วมมือระหว่างไทยกับฝรั่งเศสด้วย และแสวงความร่วมมือจากสถานทูตฝรั่งเศสในการจัดทำพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว
หลังการชมพิพิธภัณฑ์ เป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำ และการแสดงสองชุด ที่สนามภายในค่ายตากสิน โดยจังหวัดจันทบุรีจัดถวาย เป็นบริเวณที่มีต้นไม้ใหญ่อายุกว่าร้อยปี ร่มรื่นสวยงามมาก
วิจารณ์ พานิช
๒๓ ต.ค. ๖๑
1 อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
2 อาคารสัญลักษณ์ของค่ายตากสิน
3 อาคารกองบัญชาการทหารฝรั่งเศส
4 อาคารคลังพัสดุ
5 อาคารกองรักษาการณ์
6 ความสัมพันธ์ระหว่างกรุงศรีอยุธยากับฝรั่งเศส
7 ความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
8 เมืองจันทบุรีสมัยก่อนประวัติศาสตร์
9 เมืองจันทบุรีสมัยอยุธยา และธนบุรี
10 เมืองจันทบุรีสมัยรัตนโกสินทร์
11 เมืองจันทบุรีสมัยฝรั่งเศสยึดครอง
12 ความร่วมมือไทยฝรั่งเศสด้านศิลปวัฒนธรรม
13 สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ กับสาธารณรัฐฝรั่งเศส
14 ต้นไม้ใหญ่บริเวณจัดเลี้ยง
ไม่มีความเห็น