๘๒๑. ปัญหาและคุณค่าชีวิต


การทำงานเป็นหมู่คณะ จะองค์กรเล็กๆหรือใหญ่เทอะทะ ก็ย่อมมีช่วงเวลาคับขัน ปรับตัวปรับใจแทบไม่ทัน ในทางบริหารเขาถึงมักฉุดดึงแผนสองหรือแผนสำรองขึ้นมาใช้..เพื่อปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง

         ขอบคุณสำหรับบางวันที่คิดได้ โดยเฉพาะในวันที่มีปัญหาคาใจ พอเก็บไว้ก็เหมือนคนโง่ ที่ไม่รู้จักคิดพิจารณาไตร่ตรอง มองอะไรไม่ออกและบอกตัวเองไม่เป็น

    อย่าปฏิเสธเลยว่าการทำงานไม่มีปัญหา มันก็ไม่มีปัญหาสำหรับบางคนและเป็นส่วนน้อยเท่านั้น จึงควรเข้าใจและรู้จักปัญหาในแง่มุมที่เป็นประโยชน์บ้าง..

        ปัญหาก็เหมือนถุงหนักๆ หลายใบที่เราถือไว้ ซึ่งถ้าคิดให้ดีๆ ถุงบางใบเราไม่จำเป็นต้องถือก็ได้..จริงไหม? คิดดู

        การทำงานเป็นหมู่คณะ จะองค์กรเล็กๆหรือใหญ่เทอะทะ ก็ย่อมมีช่วงเวลาคับขัน ปรับตัวปรับใจแทบไม่ทัน ในทางบริหารเขาถึงมักฉุดดึงแผนสองหรือแผนสำรองขึ้นมาใช้..เพื่อปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง

        ในระดับบุคคลก็เหมือนกัน ทุกคนจะต้องมีก๊อกสองอยู่ในตัว สำคัญว่าแต่ละคนจะต้องหามันให้เจอและเรียนรู้วิธีที่จะเปิดใช้..ได้ทันท่วงที

        อย่างน้อยแผนสองหรือก๊อกที่สอง จะช่วยแก้ปัญหาความเครียดและช่วยหาทางออกได้อย่างที่ควรจะเป็น...

        บางคน..ไม่เตรียมตัวเตรียมใจเพื่อแก้สถานการณ์ พอเจอเหตุด่วนเหตุร้ายขึ้น ก็ไปไม่เป็น เห็นแต่โลกที่มืดมน รู้สึกเบื่อคนและเบื่องานไปในที่สุด

        จึงเป็นประเด็นที่คนส่วนใหญ่ชอบบ่นเบื่องานที่ทำอยู่ แต่ไม่เคยถามกลับว่าแล้วงานที่ทำอยู่ล่ะ เคยบ่นเบื่อเราไหม?

        พูดถึง “ปัญหา” แล้ว คราวนี้..มาพูดถึงคุณค่าชีวิตบ้าง สำหรับผมแล้วมีตัวชี้วัดคุณค่าชีวิตอยู่อย่างหนึ่ง คือการได้ตื่นนอนในตอนเช้าของทุกวัน รวมทั้งวันหยุดด้วย..

        การตื่นนอนตอนเช้าแล้วรู้สึกได้ว่า ชีวิตของผมมีความหมายกับใครบางคน และอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่ารอผมอยู่หรือเปล่า..แต่พวกเขาอยู่ที่โรงเรียน..

        ผมรีบลุกขึ้นมา แล้วออกไปใช้ชีวิตในแต่ละวันให้แตกต่างกันไปบ้าง ไม่พยายามจำเจ..เพื่อให้เกิดคุณค่าและ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ชีวิต

        ในบางวันก็รู้ว่าต้องไปผจญภัย แค่เพียงครึ่งวันก็เหนื่อยทั้งใจและกาย ถามตัวเองก่อนว่าไหวไหม? จะทำอย่างไรต่อไป..ต้องควบคุมและเตือนตัวเองอยู่เสมอ

        หลักง่ายๆก็คือ.ในบางวันเราอาจต้องเดิน บางวันเราอาจต้องวิ่ง และบางครั้งก็ต้องหยุดนั่งพัก ทั้งหมดนี้ผมคิดว่า..เราควรกำหนดได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้ใครมาบอกให้ทำ..

        อย่างไรก็ตาม ถ้าการออกไปทำงานไม่ว่างานอะไรทั้งนั้น แล้วรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องออกผจญภัย หัวจิตหัวใจต้องพร้อม..ผมบอกตัวเองแบบนี้เลย

        จึงทำให้ผมปรับเปลี่ยนความคิด โดยเฉพาะการมองคนที่มากไปด้วยความสามารถ และการชื่นชมคนที่ยศฐาบรรดาศักดิ์ มันเป็นอดีตไปนานแล้วในความรู้สึกของผม..

        เคยหลงคิดไปว่า การที่เขาได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ได้บริหารในองค์กรที่ใหญ่ขึ้น นั่นหมายถึงความเก่งสุดยอด..ที่ทุกคนต้องให้การยอมรับ

        แล้วบุคลากรที่มีกันอยู่ไม่กี่คน..ที่ต้องมุ่งมั่นพัฒนางานในองค์กรเล็กๆล่ะ ทำงานรอบด้าน และต้องแก้ปัญหาสารพัด..เขาเหล่านั้นเรียกว่าอะไร? ยอมรับว่าเก่งกันได้หรือยัง? ในบางครั้งกับบางคน..แค่ยอมรับยังทำไม่ได้เลย

        จากใจจริงของผม..ขอพูดด้วยศรัทธาในงานที่ทำ มากกว่าการท้อแท้และถอยหลัง บ่อยครั้งที่ผมคิดว่า..คนเราแพ้ชนะกันที่ใครอดทนกว่าใคร ไม่ใช่ใครเก่งกว่าใคร..และผมจะไม่เปลี่ยนความคิดนี้ที่สร้างคุณค่าชีวิตให้แก่ผม..

ชยันต์ เพชรศรีจันทร์

๖  พฤศจิกายน  ๒๕๖๑

       

       

       

หมายเลขบันทึก: 657372เขียนเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2018 21:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2018 21:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท