๘๑๘. ศาลาคนเศร้า


ผมไม่เคยกดไล้ค์คนเศร้า ไม่เคยปลอบโยนคนเศร้า มองดูคล้ายคนใจดำ แต่เปล่าเลย ผมคิดว่าธรรมชาติของคนเราแตกต่างกัน ความรู้สึกห้ามกันไม่ได้ ยิ่งความเศร้าด้วยแล้ว อย่าไปสกัดกั้นอย่างเด็ดขาด อย่างดีถ้าอยู่ใกล้ก็ทำได้แค่ประคับประคอง

        ผมทำงานในวันหยุดที่แสนจะเงียบเหงา เหงาเหมือนคนเศร้า แต่ในความจริงมันก็แค่บรรยากาศ ผมไม่ได้เศร้าหรือเหงาไปกับมัน อยากมานั่งในศาลาชมวิว และชมผลงานของตัวเองหลังจากรดน้ำต้นไม้และเก็บกวาดเป็นที่เรียบร้อย...

    นั่งพักผ่อนหย่อนใจในศาลาสุขหรรษา แต่ใจกลับนึกไปถึงหนังสือเล่มเล็กๆแต่หนา เพราะมีหลายหน้า พบเห็นเมื่อตอนเป็นเด็กชื่อหนังสือ “ศาลาคนเศร้า..”

        เศร้าตั้งแต่ภาพและสีสันหน้าปก จำได้ว่าเคยหยิบมาอ่าน แต่ไม่เคยอ่านจบ มาพบอีกทีในห้องสมุด ก็เมื่อตอนที่เป็นครู คงเป็นหนังสือมือสองที่ได้รับบริจาคมา ก็ไม่ได้อ่านอีก แล้วตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนแล้ว..

        เสียดายมาก..ที่ไม่ได้อ่านและไม่ได้เก็บไว้..เพิ่งจะเข้าใจจุดประสงค์ของคนทำหนังสือ ที่มองว่า “ความเศร้า”เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ต้องใช้พื้นที่หรือเวทีสำหรับการระบาย

        สำหรับผมมองว่าถ้าได้อ่าน จะเข้าใจชีวิตและความรู้สึกของคนมากขึ้น นอกจากจะไม่ประมาท ไม่ขาดความยั้งคิด ยังจะช่วยให้รู้จักเห็นใจ ไม่นำความรู้สึกของใครมาล้อเล่น

        ผมเคยสูญเสียความรู้สึกจนถึงเศร้าหลายครั้งกลับการจากไปของคนที่ผมรักและนับถือ..แล้วก็เศร้าอีกเป็นครั้งคราในบางเรื่องราวอย่างไม่มีเหตุผล จนรู้สึกขำว่าเศร้าไปทำไม? ในเมื่อยังมีอะไรดีๆให้ทำอีกเยอะแยะ

        นับว่าโชคดีที่ผมไม่เคยโศกเศร้าเรื่อง “งาน” อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ หรือหลายปีที่ผ่านมา “ผิดหวัง”มาเยอะ จนเข้าใจว่า “ความเศร้า”ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาการบริหารจัดการ..เศร้านานๆพาลจะให้เสียศูนย์ด้วยซ้ำ

        เพราะงานการศึกษาต้องใช้เวลา อย่าได้คาดหวังสูงโดยที่ไม่มีข้อมูลหรือหลงลืมบริบทขององค์กร อย่าได้คิดก้าวกระโดดบนความทุกข์ยากของคนอื่น เพราะบางที..อาจทำให้คนอื่นเศร้าแต่เราสุขอยู่คนเดียว..

        อย่างที่ผมบอกว่า ความเศร้าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ จนมีบางคนเอาไปวิเคราะห์วิจัย แล้วก็นำไปทำเป็นหนังสือ “ศาลาคนเศร้า” ต่อมาก็ไม่ทำเป็นหนังสือแล้วแต่คนเศร้าไม่ได้ลดลง จึงมีคนแสดงออกในทางที่แปลกๆและพบเห็นในเฟสบุ๊คมากขึ้น..

        ความเคลื่อนไหวของความเศร้า..ไม่ยาวอีกต่อไปแล้ว เมื่อมีภาพประกอบมากมายและง่ายดายเหลือเกิน ใช้ข้อความสั้นๆก็บอก “ความเศร้า” ได้ จะจริงแท้แค่ไหน ไม่มีใครหยั่งรู้ นอกจากคนที่เศร้าเอง...

        ผมไม่เคยกดไล้ค์คนเศร้า ไม่เคยปลอบโยนคนเศร้า มองดูคล้ายคนใจดำ แต่เปล่าเลย ผมคิดว่าธรรมชาติของคนเราแตกต่างกัน ความรู้สึกห้ามกันไม่ได้ ยิ่งความเศร้าด้วยแล้ว อย่าไปสกัดกั้นอย่างเด็ดขาด อย่างดีถ้าอยู่ใกล้ก็ทำได้แค่ประคับประคอง

        ถ้าผมจะบอกก็พูดออกไปตรงๆว่าเศร้าสร้อยหงอยเหงาให้พอ เศร้าให้มันสุดขั้ว อย่าไปฝืนจะยิ่งย้ำให้ช้ำไปกว่าเดิม น้ำตาหลั่งไหลได้ให้รีบทำ มันจะได้ล้างทั้งตาและใจ..ที่สุดแล้ว..”ความเศร้า”มันจะรักษาตัวมันเอง หมายความว่ามันจะช่วยให้คนที่เศร้า..ไม่ต้องเศร้าอีกต่อไป..

        เขาจึงพูดกันเสมอว่า ความทุกข์ความเศร้าจะไม่อยุ่กับใครตลอด มันจะไม่อยู่กับใครนานๆ เพราะมันเองก็อ่อนแอมากกว่าคนเศร้าที่มันอาศัยอยู่..เสียอีก

        เศร้าให้สุดขั้วจึงเป็นการปลดปล่อยที่เร็วที่สุด แต่อย่าลืมคิดสร้างสรรค์และทำงาน..หลังจากความเศร้าหายไปกลายเป็นความสดชื่นของชีวิต..

        ฟ้าหลังฝนที่สวยงาม ก็คือโอกาสที่เราจะตัดสินใจเลือกทำแต่สิ่งดีๆ เพื่อตัวเองและคนที่เรารัก ทำงานเพื่อสังคมและองค์กร..อย่าหันเข้าไปหาต้นตอของความเศร้าอีก เพราะชีวิตเราน้อยนิดก็จงทำให้ชีวิตเราสวยงาม..

        ผมนั่งในศาลา “สุขหรรษา” ลมพัดโชยมาให้รู้สึกเย็นสบาย ผ่อนคลายใจไม่ต้องเร่งรัดตัวเองให้เหนื่อยอ่อน ชีวิตวันหยุดที่ต้องพักผ่อน แต่เราเลือกพักผ่อนในแบบของเรา..

        เหมือนที่เราเลือกทางเดินชีวิต แค่เปลี่ยนมุมคิดชีวิตก็เปลี่ยน แค่ตั้งชื่อศาลาให้มันสุขหรรษา..นั่งกี่ครั้งกี่คราก็ไม่เคยเศร้า..

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๓  พฤศจิกายน  ๒๕๖๑

หมายเลขบันทึก: 657130เขียนเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2018 21:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2018 21:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ต้นข้าวของอาจารย์ใกล้จะเก็บเกี่ยวได้แล้วค่ะ น่าชื่มชมจริง ๆ

ในดงดอกไม้ อย่า ลืม ใส่ ผกากรอง..แทรก ลงไปด้วย นะเจ้าคะ..บานชื่น ..ตาเสือ..ผกากรอง…กลิ่น อ่อนๆ…โชยมา ..ชีวิต ไม่เศร้าเลย..๕…(อยากจะแวะไปนั่ง..ข้างๆ ในวันหยุด…)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท