ฟังสถานีวิทยุจุฬา ๑๐๑.๕ เอฟเอ็ม รายการ การเมืองเรื่องน่ารู้ (๑) โดย รศ. ดร. ตระกูล มีชัย ระหว่างเดินออกกำลัง เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ ๒ พฤศจิกายน คือวันนี้ แล้วผมอดไม่ได้ที่จะเขียนบันทึกนี้
ผมติดใจที่ ดร. ตระกูลอ่านคำประกาศเหตุผลของการปฏิวัติครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ฟังแล้วสำหรับผม ชัดเจนมากว่าเป็นคำเท็จ เป็นคำเท็จทางการเมืองที่ปั้นกันขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อแสดงความชอบธรรมในการยึดอำนาจการปกครองบ้านเมืองโดยทหาร
คำแถลงการณ์เหล่านั้นไม่ใช่คำเท็จทั้งหมด มีส่วนจริงอยู่บ้าง แต่มีการแต่งเติม (ตีไข่ใส่สี) ให้เป็นว่าสถานการณ์เลวร้าย จนทหารต้องเข้ายึดอำนาจเพื่อความปลอดภัยของประเทศ
ผมอยากเห็นการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เป็นเรื่องของการตัดสินใจของประชาชน อย่างมีข้อมูลหลักฐานรองรับ (evidence-based) โดยที่นักวิชาการฝ่ายต่างๆ ทำหน้าที่วิจัยสภาพบ้านเมือง และรายงานให้สาธารณชนทราบว่า ภายใต้การปกครองของนักการเมืองกลุ่มนั้นหรือพรรคนั้น กำลังนำพาสังคมไปสู่ทิศทางใด ในสภาพที่ซับซ้อนมองได้หลายแง่หลายมุม และพรรคนั้นตอนที่ครองอำนาจในอดีตได้สร้างรากฐานความเข้มแข็งให้แก่บ้านเมืองอย่างไรบ้าง บริหารผิดพลาดในเรื่องใดบ้าง ไม่ได้ทำสิ่งสำคัญอะไรบ้าง
ผมอยากเห็นระบบการเมืองไทยเป็นระบบที่ evidence-based และมีการเรียนรู้ของประชาชนเจ้าของอำนาจ (ประชาธิปไตย) โดยไม่มีการยึดอำนาจไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ดังที่เป็นอยู่ในประเทศอินเดีย และมาเลเซีย มีภาควิชาการทำหน้าที่สร้าง evidence ออกสื่อสารสาธารณะอย่างเป็นกลางและตรงไปตรงมา เพื่อให้ประชาชนใช้อำนาจเลือกตั้ง และอำนาจแสดงความต้องการในด้านต่างๆ อย่างมีข้อมูลหลักฐาน ไม่ใช่เลือกตั้งโดยฟังเฉพาะการหาเสียงของนักการเมืองเท่านั้น
วิจารณ์ พานิช
๓ พ.ย. ๖๑
Thailand had not held ‘science’ and ‘societal development’ in high esteem. Not among politicians, not among academics, not among the people - rich and poor.
Recent US political change highlights (not again) ‘evidence-based’ issues. Fabricated evidence is used to rouse up ‘emotional’ trends and emotion-based politics.
Thailand’c coming election will be fought on (not ever) ‘evidence-based’ issues but emotion-based issues. Such is our ‘tradition’ (in democracy and administration).