ผมเคยคิดว่าการทำงานแบบมีขั้นตอนซับซ้อน (และซ้ำซ้อน) และขาดความร่วมมือข้ามสายงาน ทำงานในลักษณะตัวใครตัวมัน หน่วยใครหน่วยมัน เป็นลักษณะจำเพาะของราชการที่เรียกว่า bureaucracy
แต่เมื่อมีโอกาสเข้าไปสัมผัสกับงานของหน่วยงานธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่ ผมจึงรู้ว่าผมเข้าใจผิด องค์กรเอกชนขนาดใหญ่ก็ติดโรค bureaucracy เหมือนกัน
การออกแบบแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้ามสายงานจึงเป็น เคล็ดลับในการประยุกต์ใช้ KM ให้เห็นผลกับตา สร้างศรัทธาต่อ KM
จึงขอเสนอกุศโลบาย ให้เกิด KM ข้ามสายงาน โดยสมัครใจ
ทำโดยออกประกาศว่า องค์กรต้องการผลงานที่แปลกใหม่แนวใดบ้าง ที่หน่วยงานเดียวหรือสายงานเดียวทำไม่ได้ ขอเชิญชวนให้สองหน่วยงานขึ้นไปร่วมกันเสนอโครงการเล็กๆ ที่คาดว่าทำเสร็จภายใน ๓ เดือน และไม่ใช้เงินเลยหรือใช้เพียงเล็กน้อย (เช่นไม่เกิน ๕ หมื่นบาท) ให้เสนอโครงการเข้าประกวด และรับการสนับสนุน โครงการที่ได้รับคัดเลือก หากดำเนินการสำเร็จ และพิสูจน์ได้ว่าก่อผลดีตององค์กร ตีมูลค่าออกมาได้ 100X / ปี องค์กรจะให้รางวัลแก่ทีมงานเป็นเงิน 10X (หรือจะให้เพิ่มกว่านี้ก็ได้) โดยทีมงานต้องเสนอขั้นตอนการดำเนินการ ที่บอกว่ามีการใช้ข้อมูล/ความรู้ ข้ามสายงานอย่างไร
องค์กรใช้เรื่องราวของความสำเร็จ เป็น storytelling เพื่อสร้างวัฒนธรรมความร่วมมือข้ามสายงาน
วิจารณ์ พานิช
๒๔ ก.ย. ๖๑
วันนี้ตัดสินKMคณะแพทย์มข. ทางคณะกรรมการก็ใช้เกณฑ์นี้ในการพิจารณาผลงานดีเด่นเช่นกันค่ะอาจารย์เป็นแนวคิดที่ดีค่ะ
แต่ถ้าทำได้แบบอาจารย์เสนอแนะก็สุดยอดเลยค่ะ :) ขอบพระคุณค่ะ
Competition in ‘sportsmanship’ sense is good, but winning at all costs will ruin any reward/award system. By human nature, we can guarantee that wrong methods/persons will be rewarded and in some cases punished. Sigh!
องค์กรเคยให้งบดำเนินการตั้งแต่เริ่ม project KM บางครั้งก็ทำไม่สำเร็จ
ต่อมาเลยให้โครงการที่ทำสำเร็จส่งประกวดเลย ทำให้เห็น gap คนละแบบค่ะ