ที่มาและความสำคัญ
ผู้ป่วยโรคไตเรื้องหลังปลูกถ่ายไตมีภาวะเจ็บป่วยที่ซับซ้อนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว จากการทบทวนหลักฐานเชิงประจักษ์พบว่า การดูแลต่อเนื่องของทีมสหสาขาวิชาชีพ เป็นมาตรฐานการดูแลเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ที่ครอบคลุมเป็นองค์รวมต่อเนื่อง เข้าถึงแหล่งประโยชน์และบริการสุขภาพได้ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายของผู้ป่วย ลดการเข้านอนโรงพยาบาลและเกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้ป่วย องค์กรและวิชาชีพพยาบาล ผู้เขียนได้พัฒนาโครงการการดูแลต่อเนื่องร่วมกับทีมในบทบาทผู้ปฎิบัติการพยาบาลขั้นสูงมาเป็นระยะเวลานานกว่า 15 ปีและในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาได้บูรณาการความรู้จากหลักฐานเชิงประจักษ์จากแนวคิดการเสริมพลังอำนาจ การจัดการตนเอง การปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง และการดูแลต่อเนื่องมาพัฒนาการปฏิบัติงานในการติดตามดูแลต่อเนื่องในผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไต ดังนั้นจึงควรมีการติดตามผลลัพธ์ของการติดตามจัดการดูแลต่อเนื่องในผู้ป่วยปลูกถ่ายไต ทั้งนี้เพื่อนำมาพัฒนาระบบการดูแลต่อเนื่องให้มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์ทั้งในด้านการการศึกษา การวิจัยและการพัฒนาคุณภาพด้านการบริการพยาบาลในการจัดการดูแลต่อเนื่องในผู้ป่วยเหล่านี้ต่อไป
วัตถุประสงค์/ เป้าหมาย
เพื่อติดตามและประเมินผลลัพธ์การติดตามดูแลต่อเนื่องในผู้ป่วยปลูกถ่ายไต
กระบวนการหรือขั้นตอนการดำเนินงาน
โครงการติดตามการดูแลต่อเนื่อง ดำเนินการที่คลินิกปลูกถ่ายไต โดยผู้ป่วยที่ถูกคัดเลือกเข้ามาไม่ได้มีการปรับการรักษาใดๆทั้งสิ้นแต่ และต้องเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป และได้รับการติดตามดูแลและคำแนะนำต่อเนื่องจากพยาบาลและจัดกิจกรรมให้โดยผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง จำนวนผู้ป่วยที่ถูกเลือกมีทั้งหมด 31 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย (1) แนวทางการให้ความรู้ในการจัดการตนเองของผู้ป่วยปลูกถ่ายไตที่มาติดตามการรักษา (2) แนวทางการติดตามดูแลต่อเนื่องในผู้ป่วยปลูกถ่ายไต (3) ตารางและกิจกรรมการจัดการดูแลต่อเนื่องในผู้ป่วยปลูกถ่ายไต ซึ่งดำเนินกิจกรรมในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560 - พฤษภาคม 2561 มีขั้นตอนดังนี้
1. วางแผนเตรียมการจัดทำโครงการบริการสังคม การติดตามดูแลต่อเนื่องในผู้ป่วยปลูกถ่ายไต และติดตามผลลัพธ์การดูแลต่อเนื่องในผู้ป่วยปลูกถ่ายไต
2. การสำรวจและวิเคราะห์ปัญหาของผู้ป่วยปลูกถ่ายไต จากการติดตามดูแลต่อเนื่องในคลินิกร่วมกันของทีม
3. วิเคราะห์ปัญหาสถานการณ์ ทบทวนวรรณกรรมและความรู้จากโครงการบริการวิชาการสังคม โครงการเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ป่วยปลูกถ่ายไต ในปี พ.ศ. 2559-2560 ดังกล่าวมาบูรณาการและนำมาใช้เป็นกรอบในการจัดทำแนวทางการติดตามดูแลต่อเนื่องและการจัดกิจกรรมการดูแลต่อเนื่องในผู้ป่วยปลูกถ่ายไต
4. บุรณาการความรู้จากหลักฐานเชิงประจักษ์เกี่ยวกับแนวคิดการเสริมสร้างพลังอำนาจ การจัดการตนเอง การปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูงร่วมกับความรู้ที่ได้จากกิจกรรมการจัดโครงบริการสังคมและการติดตามดูแลต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2559-2560 และที่สำคัญหัวใจหลักคือ ความรู้ด้านการรักษาพยาบาลเกี่ยวกับโรคไตเรื้อรังและการปลูกถ่ายไตในการขับเคลื่อนกิจกรรม ซึ่งมีกิจกรรมกลุ่มเสริมพลังอำนาจ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการดูแลตนเองระหว่างผู้ป่วยกับพยาบาล และผู้ป่วยด้วยกันมากำหนดแนวทางการดูแลต่อเนื่อง โดยผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูงเป็นแกนกลางของผู้ดำเนินการในด้านกิจกรรมการติดตามดูแลต่อเนื่อง การเสริมสร้างพลังอานาจและนำความรู้ดังกล่าวมาใช้ในการปฏิบัติโดยให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการเสนอความต้องการในการจัดกิจกรรมให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพ และติดตามผลลัพธ์การติดตามดูแลต่อเนื่องในผู้ป่วยปลูกถ่ายไต
5. ประเมินผลการดำเนินกิจกรรมและการนำไปใช้ โดยเก็บรวบรวมข้อมูล ใช้แบบประเมิน
ความพึงพอใจของผู้ป่วยปลูกถ่ายไตต่อกิจกรรมการติดตามดูแลต่อเนื่อง แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ และแบบบันทึกข้อมูลทางคลินิก เช่น ค่า Serum creatinine, eGFR
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น (เทียบกับคู่เทียบ/ เกณฑ์/ เกิดการเปลี่ยนแปลง/ Trend/ Productivity)
ผลลัพธ์การติดตามจัดการดูแลต่อเนื่องและการจัดกิจกรรมการจัดการดูแลต่อเนื่องการเสริมสร้างพลังอำนาจโดยการสนับสนุนให้ความรู้ในการจัดการเรื่องดื่มน้ำให้สมดุลโดยในฤดูร้อนต้องเพิ่มปริมาณน้ำดื่มให้เหมาะสม การรับประทานอาหารที่ถูกต้องเหมาะสม การป้องกันการติดเชื้อ
การป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ และการป้องกันสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การจัดการรับประทานยาที่ถูกต้องตามแผนการรักษา การติดตามการรักษาต่อเนื่อง และการป้องกันการเจ็บป่วยต่างๆ ตลอดจนการสนับสนุนทางจิตใจและการให้คำปรึกษาในผู้ป่วยปลูกถ่ายไต พบว่า ผู้ป่วยต้องการให้จัดกิจกรรมแบบนี้ต่อเนื่อง และความพึงพอใจในในการจัดกิจกรรมอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด เมื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์ทางคลินิก พบว่า มีผลลัพธ์ทางคลินิกที่ดีขึ้น เช่น ทำให้การทำงานของไตดีขึ้นโดย พบว่าค่าเฉลี่ยของ Serum Creatinine(Scr) ลดลง(mean Scr ก่อน= 1.94±2.20mg% meanScr หลัง=1.49±1.51mg%; t=.959, 95% CI .50, 1.38; p-value=0.35) และอัตราการกรองของไตที่ปลูกถ่าย(eGFR)เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ(meaneGFR ก่อน=63.84±23.81% mean eGFR หลัง= 68.71±25.57% ; t=.959, 95% CI -7.63, -2.10; p-value<0.001) ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยในต่างประเทศที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ระดับดีที่สุด พบว่า แนวคิดการจัดการตนเองช่วยในการชะลอการเสื่อมของไตโดยทำให้อัตราการกรองของไตเพิ่มขึ้น ผลลัพธ์ในผู้ป่วยปลูกถ่ายไตดังกล่าวจะแสดงถึงผลลัพธ์ของการปลูกถ่ายไตที่ดี ที่เชื่อมโยงถึงอัตราการอดชีพของไตที่ปลูกถ่ายซึ่งเป็นตัวชีวัดผลลัพธ์ของการปลูกถ่ายไตที่สำคัญในระดับชาติและนานาชาติ
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากกระบวนการ
การให้ความรู้ คำแนะนำในการจัดการตนเองต้องทำต่อเนื่องทุกครั้งที่ผู้ป่วยมาติดตามการรักษา ผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง
ในผู้ป่วยกลุ่มนี้จะต้องมีความรู้ด้านการรักษาพยาบาลเกี่ยวกับโรคไตเรื้อรังและการปลูกถ่ายไต และจะต้องรับฟังผู้ป่วยเสมอและไวกับปัญหาของผู้ป่วยเพื่อที่จะต้องคำนึงถึงตามฤดูกาลและสถานการณ์สังคมสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสภาพปัญหาทางกาย จิตสังคม สถานการณ์ความเป็นอยู่สถานะทางสังคมเศรษกิจของผู้ป่วยและครอบครัวด้วย ทั้งนี้เพื่อเสริมพลังอำนาจในการจัดการตนเองในการแก้ไขปัญหาและเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยต่างๆ การจัดการดูแลต่อเนื่อง โดยการจัดกิจกรรมกลุ่มช่วยเหลือโดยใช้แนวคิดการเสิรมพลังอำนาจและการจัดการตนเองโดยให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วม ร่วมกับการติดตามดูแลต่อเนื่องร่วมกันทั้งทีมแพทย์ผู้รักษาและการปฏิบัติบทบาทพยาบาลผู้ปฏิบัติการขั้นสูงในการเป็นผู้จัดการดูแลผู้ป่วยโดยการติดตามในคลนิก การให้คำปรึกษา การสอน การเสริมพลังอำนาจ และการติดตามทางโทรศัพท์และทางไลน์ส่วนบุคคลและกลุ่ม ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันของทีมดูแลกับผู้ป่วย ผู้ป่วยด้วยกันในการช่วยกันในการเสริมพลังอำนาจเพื่อป้องกันปัญหาการเจ็บป่วย โดยทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี คือทำให้ไตทำหน้าที่ได้ดีขึ้น
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ:
การสนับสนุนของหน่วยงาน ผู้บริหารงานบริการพยาบาล โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงาน และศูนย์บริการวิชาการสังคม มหาวิทยาลัยขอนแก่นซึ่งสนับสนุนงบประมาณการจัดทำโครงการบริการสังคม การบูรณาความรู้จากหลักฐานเชิงประจักษ์และความรู้จากการปฏิบัติที่สำเร็จได้ผลดีที่ดำเนินการที่ผ่านมาแล้ว การจัดการดูแลต่อเนื่องของทีมดูแลผู้ป่วยปลูกถ่ายไต และการมีส่วนร่วมผู้ป่วยและครอบครัวในการตระหนักในการดูแลสุขภาพที่ต่อเนื่องเป็นปัจจัยความสำเร็จโดยจะช่วยในการป้องกันการเจ็บป่วย ทำให้ไตที่ปลูกถ่ายทำงานได้ดีขึ้นและทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เกิดผลลัพธ์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือและสามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติได้จริง
สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการจัดการดูแลต่อเนื่องร่วมกับทีมในผู้ป่วยปลูกถ่ายไต
การดูแลตต่อเนื่องจะต้องมีการให้ความรู้และคำแนะนำ การเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ป่วยให้จัดการตนเองในการดูแลสุขภาพได้ รวมทั้งการจัดการปัญหาเจ็บป่วย และการจัดการปัญหาต่างๆเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยร่วมกับการการติดตามดูแลต่อเนื่องของทีมดูแล และสิ่งที่สำคัญและจำเป็นคือมีส่วนร่วมของผู้ป่วยและครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการที่จะทำให้ผู้ป่วยและครอบครัวตระหนักและมีส่วนร่วมในการมีดูแลสุขภาพ ซึ่งจะทำให้เกิดผลลัพธ์การดูแลต่อเนื่องที่ดีและยั่งยืน
ยอดเยี่ยมค่ะ ใส่ภาพประกอบ profile ด้วยก็จะดีนะคะ
ขอบคุณค่ะพี่ พี่แก้วพาทำบริการวิชาการสังคมจะต่อยอดงานต่อไปค่ะ มือใหม่สำหรับการเขียนค่ะ