อารมณ์ชั่ววูบ


วันนี้มีเรื่องเล่า เป็นเรื่องราวเมื่อวันที่ไปเข้าร่วมกิจกรรม เย็บด้วยรัก ปักตุ๊กตา กับแม่อ้อ ที่สวนรถไฟ   

แม่ดาวกับลูกชายตกลงกันไว้ว่า เราจะไปทำตุ๊กตาด้วยกัน ลูกก็ดูแบบไว้แล้วว่าอยากจะทำแบบไหนอย่างไร มีความสนใจอยากจะทำ พอไปถึงหน้างาน ระหว่างที่ทำกิจกรรมนั้น ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น 

ชายได้พบกับเพื่อนเก่าที่สนิทกัน(ตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียนจนถึงป.5) ที่ได้พลัดพรากแยกย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด อยู่ๆ บังเอิญมาพบกันที่สวนรถไฟโดยมิได้นัดหมาย และลูกชายก็มักบ่นถึงบ่อยๆ คืนก่อนก็ยังพูดถึงว่าอยากให้แม่ขับรถไปรับเพื่อนมานอนค้างที่บ้านตอนปิดเทอม การได้มาเจอกันช่างเหมือนฝันที่เป็นจริง

ชายทิ้งตุ๊กตาที่ทำ?และไปเล่นด้วยกันกับเพื่อนเก่า แม่เข้าใจถึงความรู้สึกโหยหากันมานาน จึงทำต่อเองลำพัง  

เหมือนจะไม่มีอะไร แต่มีอะไร แม่ของเพื่อนบอกขอไปธุระฝากลูกชายไว้ก่อน เสร็จแล้วจะมารับ(แต่ไม่ได้ระบุเวลาว่ากี่โมง) 2 ชายก็ดีใจกันยกใหญ่ คิดว่าจะได้อยู่เล่นด้วยกันยาวนาน เวลาผ่านไปไม่นานนัก มีโทรศัพท์จากแม่ของเพื่อนลูกโทร.มาว่าต้องมารับเพื่อไปธุระด่วนอีกที่ หรือไม่ก็ให้ไปส่งที่จุดนัดหมายซึ่งอยู่ไกลมาก แม่ดาวเองไม่มีรถ และไม่รู้ทางไป จึงบอกงั้นก็ให้มารับได้เลย 

จึงเกิดเหตุ "กระชากใจ" พวกเขาคาดหวังจะได้เล่นกันนานๆ แต่ผิดแผน จึงเกิดอาการ "อารมณ์ชั่วววววูบบบบบ" (คือชายกล่าวว่ามันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่ววูบนานพอสมควร?) ชายโวยวายไม่ยอมให้เพื่อนกลับ อยากให้เพื่อนนอนค้างแล้วให้แม่ไปส่งอีกวัน อันที่จริงถ้าปิดเทอมแล้วก็ไม่มีปัญหาใด ถ้าแม่เขาอนุญาต แต่ปัญหาคือ อีกวันเพื่อนต้องไปเข้าค่ายที่โรงเรียน จึงไม่สามารถค้างได้ จึงออกอาการหน้าบูด อารมณ์เสีย เหวี่ยงใส่แม่ ?  

ฉันผู้ซึ่งช่วงนี้มีสติดีมาก? (ด้วยไปเข้าห้องเรียนพ่อแม่ด้วยส่วนหนึ่ง เจริญสติด้วยส่วนหนึ่ง) เห็นใจตัวเองว่า รู้สึกไม่พอใจที่ลูกแสดงอาการเช่นนี้ ประชุมกับตัวเองในใจ? เป้าหมายของเหตุการณ์นี้ของตัวเองคืออะไร 

คำตอบที่ได้คือ ให้ลูกเรียนรู้ความผิดหวัง และจัดการอารมณ์ตัวเอง เมื่อได้เป้าหมาย จึงได้วิธีการ 

รับฟังแสดงความเข้าใจสะท้อนอารมณ์ลูก "แม่เข้าใจ ว่าลูกเสียใจ ผิดหวังและโกรธที่แม่ไม่ไปส่งเพื่อนให้"

อารมณ์ของลูกยังสูงอยู่มากติดยอดไม้? เขาได้ยิน แต่ไม่ได้ฟัง ฉันจึงสงบใน ปล่อยให้เขาพูดระบาย ฟัง ดูจังหวะและพูดอีกครั้ง (ลูกบอกว่า "แม่ไม่เข้าใจความรู้สึกจริงๆ หรอก") ฉันพูดอีกครั้ง ด้วยความเข้าใจจริงๆ แต่เปลี่ยนคำใหม่นิดหน่อยว่า "แม่ได้ยินว่า...........(เปลี่ยนจากคำว่า "เข้าใจ" เป็น "ได้ยิน") ลูกดูผิดหวังเสียใจและโกรธมาก"  

เรื่องไม่จบง่าย ๆ เพื่อนลูกชายโทร.ไปหาแม่และคงเจรจากันเองเออเอง ไม่รู้ว่าพูดอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ คำพูดที่ตอบกลับมาทำให้พวกเขามีความหวังว่าจะได้อยู่เล่นกันต่อ จึงทำให้เหตุการณ์ยาวนานและบานปลาย "ตัดใจ" ไม่ได้ "ทำใจ"ได้ยาก คิดว่ามีหวังที่จะได้อยู่ด้วยกันต่อ ลูกบอกฉันว่า เพื่อนโทร.คุยกับแม่แล้ว แม่อนุญาตให้อยู่ต่อได้? 

ฉันรับฟังและขอโทรศัพท์คุยเองต่อหน้าพวกเขา เพราะตอนที่คุยกับแม่เพื่อนนั้นเราจบกันที่มารับกลับทันที ขณะที่คุยโทรศัพท์ เขาฟังก็โวยวายไปเรื่อยๆ ฉันเริ่มเห็นความร้อนขึ้นในใจตัวเอง? 

อาการ "ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก" มาอีกแล้ววว อย่าได้มีแสงเล็กๆ แห่งความหวัง ชายจะดื้อตื้อต้านจนกว่าจะได้คำตอบที่ถูกใจตน พอฉันคุยชัดเจน เขาฟัง แล้วว่า "มารับกลับ" น้ำตาคลอ โวยวายหนักขึ้น ฉันกลัวเป้าหาย หน้ามืดตาลายหูดับ สติกำกับถามตัวเองอีกที เป้าหมายของฉันคือ "ให้ลูกเรียนรู้ความผิดหวัง และควบคุมอารมณ์ตัวเอง" ทำต่อไป สู้นะตัวเอง แอบบอกตัวเองลับๆ ในใจ? 

ฉันสูดลมหายใจลึกๆ เข้าและออกช้า ๆ หาทางเบี่ยงเบนความสนใจชายสักพัก เพราะฉันเองก็ต้องการเวลาในการทำใจตัวเองเหมือนกัน ข้างในเริ่มสั่นไหว ควันเริ่มขึ้น ขอให้ลูกช่วยไปซื้อน้ำให้หน่อย เดี๋ยวค่อยมาคุยกัน ระหว่างนั้นก็เป็นเวลาในการพักซ่อมแซมสภาพจิตใจให้ปกติ 

 เมื่อลูกกลับมา ฉันขอบคุณที่เห็นเขาซื้อน้ำมาให้ แต่ชายยังอารมณ์ไม่ลง จึงโยนขวดน้ำลงใส่พื้นไม่โดนตัว เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หลักการของฉันคือ ยอมรับอารมณ์ แต่ไม่ยอมรับพฤติรรมที่ไม่เหมาะสมนี้ ฉันจึงใช้เสียงจริงจัง หนักแน่น ใจนิ่ง"แม่เข้าใจว่าลูกโกรธมาก แสดงอารมณ์โกรธได้ แต่แม่คิดว่าไม่ถูกต้องที่ลูกโยนขวดน้ำให้แม่แบบนี้" "แม่รู้สึกเสียใจ"  

สักพักแม่ของเพื่อนลูกก็มารับเพื่อนกลับไป ลูกเห็นดังนั้น น้ำตาคลอ เสียงสั่น ชัดเจนแล้วว่า เพื่อนต้องกลับไป โวยวายแม่สักพัก ต้องการกลับบ้าน ฉันขอให้ลูกรอเพราะยังเก็บของไม่เสร็จ อีกยังไม่ได้ทานข้าวเช้าและเที่ยง "แม่กินเสร็จกลับกันได้เลย" ฉันบอกลูกชัดเจน ระหว่างกินก็มีคุยกับเพื่อน กินละเลียด ถ่วงเวลา? เพราะอยากรอสามีมารับกลับ กลับเองต้องเดินไกล หารถกลับยากอยู่ 

สุดท้ายสามีไม่มารับสักที ก็เลยตัดสินใจ กลับกันเอง ระหว่างการเดินทางเราคุยกัน เรื่องเหตุการณ์นี้ เขาสงบแล้ว รู้สึกตัวแล้ว และรู้สึกผิดด้วย ฉันเห็นได้ชัดจากท่าที แต่ยังไม่กล้าเอ่ยปากขอโทษ (เล่นไว้ใหญ่มากคงกระดากใจ) ฉันใช้เวลาอีกนิดในการสะท้อนความคิด ความรู้สึก เหตุการณ์ และตั้งคำถามให้เขาคิด คำขอโทษออกจากปากลูก ไม่ใช่ด้วยการบังคับ แต่ขับเคลื่อนออกมาจากใจ 

เขาบอกว่า เขารู้สึกผิดหวังกับตัวเอง มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ (ชายกล่าว?) เขาบอกเล่าความรู้สึกความคิดข้างในใจได้ชัดเจนขึ้น บอกว่า ตอนนี้(หมายถึงตอนนั้น) เขาอารมณ์เป็นปกติดีแล้ว เรามามีความสุขกันต่อเถอะ (เล่นแม่ซะเยอะ บทพลิกใจ ก็ดีใจหาย) 

เราจับมือเดินตากแดดไปหากลับบ้านด้วยกัน ปกติเขามักโวยวายที่ต้องเดินไกล อากาศร้อนมากกกเช่นนี้ แต่ ณ ตอนนั้น เขายิ้ม เดินคุยเจื้อยแจ้ว คงรู้สึกละอายใจ อยากไถ่โทษ อยากทำให้แม่รู้สึกดีขึ้นเป็นการชดเชย 

ฉันขอเรื่องราวนี้กับลูกว่าสามารถแบ่งปันเรื่องนี้ได้ไหม มีพ่อแม่หลายคนที่เขาไม่เข้าใจ "อารมณ์ชั่ววูบ" ของลูกๆ ? ขัดตาขัดใจ จนเกิดความขัดแย้งแทงใจ บั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างกัน ยอมรับไม่ได้ที่ลูกมีอารมณ์เช่นนี้ ลูกควรมีอารมณ์ดี มีพฤติกรรมที่ดีเสมอ(แต่ทีตัวเองมีอารมณ์ชั่ววูบบ้าง ทำได้ ไม่ผิด ลูกน่ะผิดที่ทำให้แม่เกิดอาการอารมณ์ชั่ววูบ โทษลูกอีก?) เขาฟังและยินดีให้แบ่งปันเรื่องนี้ 

ขอบคุณในความกล้าหาญของลูก มีน้ำใจที่จะแบ่งปัน เรื่องจริงที่ไม่ดีของตัวเอง เพื่อเป็นบทเรียนให้กับพ่อแม่ท่านอื่นๆ ตัวเราเองก็มีใช่ไหม อารมณ์ที่ไม่ดี กริยาท่าที่ไม่งาม ไม่เหมาะสม โปรดเห็นใจในความเป็นมนุษย์ของกันและกัน +จึงมาแบ่งปันในวันนี้ วันพระ บุญกุศลใดที่ได้จากเรื่องราวนี้ทั้งหมดขอยกให้ลูกชายทั้งหมดนะคะ?

หมายเลขบันทึก: 654600เขียนเมื่อ 4 ตุลาคม 2018 17:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม 2018 17:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท