รายวิชาศึกษาทั่วไป : ๐๐๓๕๐๐๑ หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ๑-๒๕๖๑ (๖) "จิตอาสา"


จิตอาสา (service mind หรือ volunteer mind) คือผลลัพธ์การเรียนรู้ที่คาดหวังหลักด้านจิตพิสัยของรายวิชาหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน
การจะเป็นที่พึ่งของสังคมและชุมชนได้ตามปรัชญาของมหาวิทยาลัยนั้น
จำเป็นอย่างยิ่งที่นิสิตต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้มีจิตอาสา

๑) ความหมายของจิตอาสา

พจณานุกรมฉบับราชบัณฑิต พ.ศ.๒๕๕๔ ไม่ได้กำหนดความหมายของคำว่า “จิตอาสา” หรือ “จิตสาธารณะ” ไว้โดยตรงแต่ให้นิยามคำที่เกี่ยวข้อง ได้แก่คำว่า “จิต” “จิตสำนึก” “อาสา” และ “สาธารณะ”ไว้ดังนี้


“จิต” เป็นคำนาม คือ ใจ คือสิ่งที่ทำหน้าที่รู้ คิด และนึก


“จิตสำนึก” (conscious) เป็นคำนาม คือ ภาวะที่จิตตื่นและรู้ตัว สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าจากประสาทสัมผัสทั้ง๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส และสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยกาย.


“อาสา” เป็นคำกิริยา คือการเสนอตัวเข้ารับทำ


“สาธารณะ” เป็นคำวิเศษ คือเพื่อประชาชน เช่น สวนสาธารณะ บ่อน้ำสาธารณะ เป็นต้น


ดังนั้นจึงมีผู้ให้ความหมายของคำว่า “จิตอาสา” และ “จิตสาธารณะ” ไว้หลากหลายแม้จะแตกต่างกันบ้างแต่สาระหลักจะคล้ายกัน จากการศึกษาพบว่าผู้ที่ให้คำจำกัดความของคำทั้งสองไว้ได้อย่างชัดเจนที่สุดท่านหนึ่งคือรองศาสตราจารย์ ดร.วิชัย วงใหญ่ (๒๕๕๕) ดังนี้


“จิตอาสา” (volunteer mind) หมายถึง จิตใจที่คิดช่วยเหลือผู้อื่น จิตใจที่เป็นผู้ให้ เช่น ให้สิ่งของให้เงิน ให้ความช่วยเหลือด้วยกำลังแรงกาย แรงสมอง ซึ่งเป็นการเสียสละ สิ่งที่ตนเองมีแม้กระทั่งเวลา โดยมีปัญญาเป็นเครื่องกำกับ เป็นการกระทำที่ไม่รู้สึกว่าเป็นการเบียดเบียนตนเองส่งผลให้แสดงพฤติกรรมหลักด้าน ได้แก่ 
  • การช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน 
  • การเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและ 
  • การมุ่งมั่นพัฒนาสิ่งรอบตัวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
จิตสาธารณะ” (publicmind) บางครั้งอาจใช้คาว่า จิตสำนึกสาธารณะ หมายถึง จิตใจที่คำนึงถึงส่วนรวมร่วมกันคำนึงถึงบุคคลอื่นที่ต่างมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน รวมทั้ง มีความสานึกและยึดมั่นในระบบคุณธรรมและจริยธรรมที่ดีงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประหยัด และมีความสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติส่งผลทำให้แสดงพฤติกรรมหลัก ๓ ด้าน ได้แก่ 
  • การงดเว้นการกระทำที่จะส่งผลทำให้เกิดความชารุดเสียหายของทรัพย์สินส่วนรวม
  • การมีส่วนร่วมดูแลรักษาทรัพย์สินส่วนรวมและ 
  • การเคารพสิทธิของบุคคลอื่นในการใช้ทรัพย์สินส่วนรวม บางครั้งหมายถึงจิตอาสา
การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างจิตอาสาและจิตสาธารณะถ้าใช้มุมมองของการคิดที่เป็นระบบ ไม่มองแยกส่วน จะพบว่า จิตอาสาและจิตสาธารณะเป็นสิ่งที่เกื้อกูลซึ่งกันและกันการมีจิตอาสาทำให้แสดงพฤติกรรมออกมาซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในระดับส่วนบุคคลหรือในระดับส่วนรวม ถ้าเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมสิ่งนั้นจะกลายเป็นจิตสาธารณะส่วนการมีจิตสาธารณะ บางครั้งต้องอาศัยจิตอาสาเป็นสิ่งกระตุ้นให้แสดงพฤติกรรมเช่นกัน(วิชัย วงใหญ่, ๒๕๕๕)


๒) แนวทางการพัฒนาจิตอาสา

การพัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีจิตอาสาไม่มีวิธีการหรือรูปแบบตายตัวสิ่งสำคัญคือการตั้งเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงตนเองไปสู่การเป็นผู้มีจิตอาสาและเริ่มต้นทันทีกับการคิดและการกระทำในชีวิตประจำวัน โดยปฏิบัติให้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ จนเกิดเป็นกิจวัตรที่ส่งเสริมให้เป็นผู้มีจิตอาสา เช่นการฝึกให้โดยไม่หวังผลตอบแทน การฝึกตัดสินใจโดยคำนึงถึงผู้อื่นก่อนตนเอง ฯลฯ


จิตอาสา ไม่สามารถสอนได้โดยการ“ถ่ายทอดความรู้” หรือ “บังคับ” ต้องใช้วิธีการปลูกฝังหรือบ่มเพาะให้เกิดเป็นนิสัยแนวทางที่รองศาสตราจารย์ ดร.วิชัย วงใหญ่ ได้นำเสนอไว้ ประการมีดังต่อไปนี้

  • การตั้งเป้าหมายในการพัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีจิตอาสาซึ่งสังคมสากลยอมรับและตั้งเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาพลเมืองโลกจะนำพาให้นิสิตพัฒนาตนเองไปสู่การเป็นผู้มีคุณประโยชน์ต่อผู้อื่น ต่อสังคมและชุมชนและเป็นพลเมืองที่มีคุณค่าของโลก เป็นเส้นทางแห่งการค้นหาความหมายในชีวิตซึ่งเป็นจะนำให้เข้าสู่ความสุขที่แท้จริงของชีวิตมนุษย์ต่อไป
  •  การมีแบบอย่างที่ดีด้านจิตอาสาการได้เห็นและมีศรัทธา ชื่นชมตัวอย่างบุคคลผู้ที่มีจิตอาสาเป็นประจำจะช่วยส่งเสริมให้เกิดจิตอาสาขึ้นในใจสังคมควรให้ความสำคัญกับเรื่องจิตอาสาจะยกย่อง เชิดชูและยกเอาผู้มีจิตอาสาเป็นต้นแบบ
  • พัฒนาจิตอาสาจากการลงมือปฏิบัติทั้งในกิจวัตรประจำวันและผ่านกิจกรรมทางสังคมต่างๆเช่น กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมจิตอาสา เสียสละ การเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ (Learningby doing) ผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การเรียนรู้ผ่านโครงการ (Project-basedLearning) การเรียนรู้ผ่านการบริการสังคม (Service Learning)ฯลฯ ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในขณะปัจจุบันว่าสามารถยกรับจิตอาสาอย่างได้ผล
  • เรียนรู้ภายในตนเองผ่านการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง(Transformative Learning) สะท้อนการเรียนรู้ของตนเอง (Self-Reflecting) เกี่ยวกับพัฒนาการด้านจิตอาสาของตนเองอย่างสม่ำเสมอ
  • อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาจิตอาสาหากอยู่ในสังคมที่ส่งเสริมจิตอาสาและเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงภายในจะมีพลังทางสังคมสนับสนุนให้เป็นผู้มีจิตอาสาได้ง่ายการเลือกคบเพื่อนหรือกัลยาณมิตรที่ดีมีความสำคัญมาก

๓) การจัดการเรียนรู้เพื่อปลูกฝังจิตอาสา 


สำหรับครู-อาจารย์ หรือบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาจิตอาสา มีวิธีการ ๖ อย่างที่สามารถปลูกฝังจิตอาสาได้ 

  • ทำตนเป็นแบบอย่าง ....   หรือก็คือ "ความเสียสละ"  
  • ใช้กิจกรรมในชั้นเรียน  เช่น  กิจกรรม "หากฉันเป็น.... " หรือ "หากฉันมี......" ให้เขียนคำตอบของตนเอง เช่น  "หากฉันมีเงิน ๑๐๐ บาท ฉันจะ..... "    ฉันจะ แล้วยกตัวอย่างบุคคลผู้มีจิตอาสาต้นแบบมาเป็นกรณีตัวอย่าง 
  • ลงมือช่วยเหลือคนอื่น บำเพ็ญประโยชน์ 
  • ถอดบทเรียนหรือสะท้อนด้านจิตอาสาของตนเอง กอปรกับการตั้งเป้าหมายที่จะเป็นจิตอาสา
  • แลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำเสนอผลงานเกี่ยวกับจิตอาสา
  • เรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงภายในอย่างแท้จริง เช่น ปฏิบัติธรรม เจริญสติ ศึกษาธรรมะ จิตตปัญญาศึกษา เป็นต้น 

อ้างอิง
วิชัย วงษ์ใหญ่. (๒๕๕๕). จิตอาสา ในสารานุกรม วิชาชีพครู เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา รอบ ธันวาคม ๒๕๕๔. กรุงเทพฯ : สํานักงานเลขาธิการคุรุสภา

หมายเลขบันทึก: 653818เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2018 20:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 กันยายน 2018 20:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท