ลองจินตนาการว่า เธอกำลังสอนเรื่อง Past progressive tense สิ
เธอกำลังยืนอยู่หน้ากระดานดำ พูดเกี่ยวกับความสอดคล้องต้องกันระหว่างประธานกับกริยาช่วย ซึ่งกาลเวลานี้จะใช้ในการบรรยายการกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต ในขณะที่นักเรียนส่วนใหญ่กำลังฟัง และมีสมาธิอยู่ แต่มีนักเรียนคนหนึ่งกำลังควงดินสอ เตะเท้ากับโต๊ะ ทำเก้าอี้สองขา และสุดท้ายก็ตกลงมากับพื้น ในขณะที่เกิดเสียงหัวเราะจากหลังห้องจนมาถึงหน้าห้อง และจบลงด้วยการเต้นจากนักเรียนคนนั้น การกระทำนี้ทำให้ทั้งห้องสูญเสียสมาธิจากไวยากรณ์อังกฤษ แล้วครูสอนอังกฤษจะรับมือเรื่องนี้อย่างไร?
ครูเกือบทุกคนจะมีนักเรียนกวนๆแบบนี้ 1 คน หรือมีหลายคน และโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่จะมีเพียงคนเดียว
ถึงแม้ว่าเราพยายามจะเป็นครูที่ดี และเห็นใจนักเรียนทุกคน แต่การมีเด็กกวนๆแบบนี้จะทำให้เราสับสน และเสียสมาธิในการสอน เราต้องการให้นักเรียนได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่เราสามารถจะให้ได้ แต่เราก็ไม่ต้องการที่ให้อภัยความประพฤติผิด และการทำให้เสียสมาธิ หากเธอเจอสถานการณ์แบบนี้ในตอนนี้หรือในอนาคต จงกล้าหาญ ข้างล่างคือคำแนะนำเล็กๆสำหรับการจัดการกับเด็กกวนๆ ซึ่งจะทำให้คุณสอนได้ดีขึ้น และกระตุ้นให้เด็กกวนๆเรียนรู้ได้ดีขึ้นไปพร้อมกัน
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ
ถึงแม้ว่าสิ่งนี้จะดูโหดร้ายสำหรับคุณ แต่สิ่งแรกที่ต้องจดจำไว้ก็คือมันไม่เกี่ยวกับเรื่องของคุณ ในฐานะครู เธอทำหน้าที่ให้การศึกษา, แนะนำ, และช่วยเหลือนักเรียนก็พอแล้ว เธอไม่ไปอยู่ที่ตรงนั้นเพื่อจับผู้ฟังให้สนใจแต่ในเรื่องของคุณ บางครั้งพวกเราในฐานะครูได้ย้ายในสิ่งที่เป็นจุดเน้นของเรา และต้องจำให้ได้ว่าเราเริ่มต้นการสอนในครั้งแรกด้วยฐานะอะไร มันเป็นเรื่องง่ายที่ครูจะติดอยู่กับความเป็นธรรมชาติในฐานะที่เป็นครู โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นธรรมชาตินั้นทำให้เราประสบผลสำเร็จ การมีนักเรียนก่อกวนจะเตือนเราต้องท้าทาย และเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสอนของพวกเรา หากเธอเริ่มเพาะเจตคติในตนเองว่าเธอสามารถปรับปรุง เรียนรู้ และหาวิธีการในการเป็นครูที่ดี การสอนเด็กที่ท้าทายถือเป็นโอกาสมากกว่าเป็นงานที่น่าเบื่อหน่าย จงใช้สถานการณ์ให้เป็นประโยชน์เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลง และแกะสลักพฤติกรรมนักเรียนในฐานะที่เป็นครู นักเรียนของคุณทุกๆคนไม่ว่าตอนนี้หรือในอนาคตจะได้รับประโยชน์จากการปรับทัศนคติของคุณ
ลองมองพฤติกรรมของพวกเขา
แอน ซึ่งเป็นครูสอนเด็กพิเศษ ให้คำแนะนำนี้ ในขณะที่ต้องเกี่ยวข้องกับเด็กกวนๆ ว่า “จงอ่านนักเรียน” สิ่งที่หล่อนหมายถึงคือการให้ความสนใจกับการแสดงออกทางหน้าตา และภาษากายในขณะที่สอน การท้าทายตัวคุณเองให้สนใจกับการเผชิญหน้ากับนักเรียนมากกว่าการดูที่กระดานดำ จงมองดูพวกเขา และสังเกตการก่อกวนก่อนที่มันจะเกิดย่อมทำให้คุณและชั้นเรียนของคุณอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อม เมื่อเธอทำสิ่งนี้ จงให้ความสนใจต่อทำไมการประพฤติผิดๆที่เกิดขึ้น บางครั้งอาจเป็นเพราะนักเรียนไม่ถูกท้าทาย พวกเขาอาจพบว่าตนเองเป็นคนเรียนเร็วมาก และรู้สึกเบื่อก่อนที่คาบจะหมดลง พวกเขาอาจเป็นเด็กก่อกวน เพราะไม่เข้าใจบทเรียนที่ผ่านมาแล้ว และเลิกสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ พวกเขาอาจเป็นเด็กที่มีภาวการณ์เรียนรู้บกพร่อง หากเธอเจอสิ่งนี้ จงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในการประเมินลักษณะ และการแก้ไขสำหรับสภาวะบกพร่องทางการเรียนที่แตกต่างกัน อีกเหตุหนึ่งที่พวกเขาแสดงออกอย่างนั้น เป็นเพราะความแตกต่างทางวัฒนธรรมซึ่งครูต้องตระหนักรู้ จากเหตุการณ์ที่หลากหลาย ทำให้การจัดชั้นเรียนเป็นเรื่องที่ยากทั้งกับตัวคุณและนักเรียน จงกล้าหาญ มีหลายสิ่งที่จะทำให้คุณและนักเรียนทำสิ่งต่างๆให้ดียิ่งขึ้น
การพยายามเปลี่ยน
งานกลุ่มสามารถเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพสำหรับเด็กที่เฉื่อยชากับเด็กที่แสดงออกมาเกินไป จงจับคู่เด็กเก่งให้อยู่กับเด็กอ่อนที่ก่อกวน ในสภาพการณ์แบบนี้นักเรียนเก่งก็จะเป็นครู การท้าทายเขาให้อธิบาย และเรียนรู้สื่อต่างๆให้ดียิ่งขึ้น นักเรียนที่ก่อกวนต้องมีการดูแลแบบปัจเจกบุคคล และบางครั้งต้องการคำอธิบายที่แตกต่างในเรื่องความคิดรวบยอดที่กำลังเรียนอยู่ บางครั้งนักเรียนที่มีภาษาเดียวกับเด็กก่อกวนก็อาจถูกท้าทายให้อธิบายความคิดรวบยอดด้วยภาษาที่ง่ายๆสำหรับพวกเขาได้ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นครู แต่เธอก็ไม่ได้จัดแจงการเรียนรู้ได้ด้วยฝีมือของเธอเพียงแค่ส่วนเดียว จงใช้สื่อกับเด็กคนอื่นๆ เพื่อจะได้สื่อที่เหมาะกับเด็กก่อกวน
เธอสามารถเปลี่ยนแปลงโดยการเดินออกไปจากหลักสูตรเท่าที่จำเป็น เพื่อท้าทายนักเรียนที่ตอนนี้เหมาะที่จะเรียนเรื่องนี้ แน่นอนว่าไม่มีสิ่งใดผิดในการให้โครงการพิเศษกับนักเรียนที่เก่ง หรือให้เขาเรียนรู้ด้วยตนเองหากนอกเหนือจากที่สอน เมื่อนักเรียนไม่ถูกท้าทาย ก็เป็นธรรมดาที่จะแสดงออกแบบผิดๆ ในทางตรงกันข้าม หากนักเรียนถูกท้าทาย จะทำงานร่วมกับผู้อื่น และอดทนกับสิ่งที่เรียนรู้ได้นานมากกว่า
การให้เด็กได้เคลื่อนไหวเป็นวิธีการที่ดีประการหนึ่งในการให้เด็กที่มีปัญหาอยู่กับการนั่ง และให้ความสนใจกับห้องเรียน เมื่อนักเรียนเริ่มเคลื่อนไหวไปมา ก็เป็นเวลาที่จะให้นักเรียนได้เคลื่อนไหวไปมา หากเธอสามารถเชื่อมโยงกับกิจกรรมที่ต้องออกแรงกับการสอนของคุณ จงใช้เกม Simon Say ในการสอนไวยากรณ์เรื่องการออกคำสั่ง การให้นักเรียนปฏิบัติตามคำสั่ง และเคลื่อนที่ไปรอบๆ จงใช้กิจกรรมที่เป็นคู่ ที่จำเป็นให้นักเรียนเคลื่อนที่ไปรอบโต๊ะ หรือเดินไปอีกห้องหนึ่ง อะไรก็ตามที่ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้จะช่วยให้ผู้เรียนมีความสนใจ และดูดซึมสิ่งที่สอนได้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สามารถเชื่อมโยงการเคลื่อนไหวให้เด็ก แต่การยืดเส้นยืดสายในช่วงสุดท้ายก็น่าลองทำ
มีหลายวิธีในการช่วยปรับพฤติกรรม สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าถูกเนื้อต้องตัว
นักเรียนจะไม่ปฏิเสธที่จะสนใจ เพราะพวกเขาต้องการเรียนรู้ หากเธอสามารถค้นหาเบื้องหลังของพฤติกรรมที่ไม่ดี เธอก็สามารถปรับเปลี่ยนห้องของเธอได้ให้เหมาะกับความต้องการของผู้เรียน ในฐานะที่เป็นครู เธอไม่ต้องทำอย่างที่หนังสือได้บอกไว้ จริงๆแล้วครูที่ดีที่สุดคือครูที่ไม่ทำตามหนังสือ
แปลและเรียบเรียงจาก
Susan Verner. Keep Your Cool: Tips for Handling Difficult Students https://busyteacher.org/6064-keep-your-cool-tips-handling-difficult-students.html
ไม่มีความเห็น