[บทความภาพยนตร์] คนไม่ได้เลือกหนัง แต่หนังเลือกคน


ท้ายที่สุดแล้ว คนไม่ได้เลือกหนังหรอก แต่หนังต่างหากที่เลือกคนดู หนังดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนบุคคล 

ดังนี้ก่อนจะดูหนังให้สนุก คุณต้องรู้ก่อนว่าชอบแนวหนังแบบไหน หนังที่จะดูเป็นหยังแนวไหน ถ้าจะให้ดีต้องรู้ว่าใครเป็นผู้กำกับ ใครเขียนบท สองอย่างนี้มีส่วนสำคัญมากกับหนัง ประมาณว่าแค่รู้ชื่อกำกับแล้วก็พอจะเดาได้ว่าหนังที่กำลังจะดูเป็นแบบไหน เช่น james Wan สุดยอดผู้กำกับหนังผีแห่งยุค เรียกได้ว่าหากเป็นฝีมือของเขาไม่ว่าจะกำกับหรือเป็น Peoducer "เชื่อมขนมกินได้เลย" แนว Action ก็เฉียบขาดแบบหาตัวจับยาก Peter Jackson หากเป็นหนังแนว Fantasy ต้องเขานี่แหละ Bryan Singer แต่ก่อนทำหนังสยองขวัญเฉียบขาดมาก แต่ตอนนี้ทำหนัง Super Hero ได้เฉียบขาดไม่แพ้กัน Zack Snyder คนนี้มาแนว Super Hero แนวอึมครึม  David Fincher คนนี้ขึ้นชื่อเรื่องหนังปรัชญา จิตวิทยา Michael Bays กับ J.J. Abrams สองคนนี้ก็เจ้าพ่อหนัง Action แนวระเบิดภูเขาเผากระท่อม Tim Burton สุดยอดผู้กำกับหนังแนว Fantasy และหนัง Art Quentin Tarantino นี่ก็ฆ่ากันเลือดสาด บทสนทนาเยอะ ตัดต่อสลับไปมาจนมึน ก้องเกียรติ โขมศิริ แนวสยองขวัญ Drama ย้อนยุค เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ นี้ก็แนวหนัง Art พจน์ อานนท์ หนังตลก วัยรุ่น ด่าแบบแรง ๆ ทั้งเรื่อง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีผู้กำกับอีกหลายคนที่ทำหนังได้หลายแนวและค่อนข้างจะประสบความสำเร็จทุกเรื่องเช่น James Cameron Christopher Nolan Steven Spielberg นี่ยังไม่รวมผู้กำกับหน้าใหม่ไฟแรงที่ทำหนังได้อย่างประทับใจอีกจำนวนมากที่ไม่อาจกล่าวได้หมด

หรืออย่างน้อย ถ้าอยากให้ไม่ผิดหวังนักก็ควรอ่านคำวิจารณ์จากสื่อที่เขามีความรู้เรื่องหนังจริง ๆ ไม่ใช่วิจารณ์ตามอารมณ์อย่างที่หลาย ๆ คน หลาย ๆ เพจวิจารณ์ที่มีอยู่ดาษเดื่อนกันในโลก social media ปัจจุบัน ก็จะช่วยได้เยอะเลยทีเดียว

หนังในโลกนี้มีหลายแนวมาก Action Drama Fantasy  Documentary Comedy Horror Family Sci-fi Crime Romance ฯลฯ นี่ไม่รวมถึงรูปแบบการนำเสนอของหนัง เช่น มุมกล้องแบบธรรมดาสามัญ มุมกล้องแบบส่ายไปส่ายมา มุมกล้องแบบ found footage แบบ  Handycam ฯลฯ ใครชอบแบบสบายตา ปวดหัว ปวดตาระดับไหนก็เลือกเอาตามรสนิยมของตนเอง ที่สำคัญอย่า spoil หนังก็เป็นพอ

คนหนึ่งคนชอบหนังหลายแนว และหนังสมัยนี้หลายเรื่องมีการผสมผสานแนวหนังหลายแนวใน 1 เรื่อง เพราะฉะนั้น สำคัญมากที่คนดูควรศึกษาหนังคร่าว ๆ ก่อนไปดูจึงจะได้อรรถรส ส่วนใครไม่ศึกษาหนังก่อน เห็นแค่หน้าหนังแล้วเสี่ยงไปดูเลยอาจเสี่ยงมากกับการดูแล้วผิดหวัง แล้วออกมาด่าหนังทีหลังว่า "ห่วย" และทุกวันนี้หนังหลาย ๆ เรื่องก็ชอบหลอกเราว่าหน้าหนังเป็นแบบหนึ่ง แต่เนื้อหนังเป็นอีกแบบหนึ่ง

ทั้งนี้เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว คนดูบางกลุ่มเขาก็ต้องการอยากเห็นอะไรแปลกใหม่ คนทำหนังก็อยากนำเสนออะไรที่แปลกใหม่ดังนั้น หนังทุกวันนี้จำมีการนำเสนออะไรที่แปลกใหม่ Idea ใหม่ ทุมมองใหม่ ฯลฯ และหนังสยองขวัญก็เป็นหนังที่หามุมมองใหม่ ๆ ได้เสมอ 

หนังสยองขวัญทุกวันนี้มีแนวย่อยอีกมากมาย ทั้งหลอกแบบ "ตุ้งแช่" หลอกแบบบรรยากาศ หลอกแบบเห็นผีทั้งเรื่อง หลอกแบบไม่เห็นผีเลย หลอกแบบจิตวิทยา หลอกแบบปรัชญา หรอกซ้ำซ้อน ฯลฯ ทั้งนี้ก็เพราะผู้กำกับเขาได้เลือกไว้แล้วว่า "คน" แบบไหนจะดูหนังตามสไตน์ของเขา 

ใครชอบแบบไหนก็ไปดูแบบนั้น ใครไม่ชอบก็อย่าไปดู ดีก็ชมกันไป ไม่ดีก็ว่ากันไป แต่ก่อนอื่น ไม่ว่าจะชมว่าหนังดีหรือจะด่าว่าหนังห่วย "อย่างน้อยเสียเงินไปดูหนังเขาสักหน่อยก็ยังดี

สุดท้ายนี้ ถ้าคุณไปดูหนังสักเรื่องแล้วไม่ชอบ อาจไม่ใช่เพราะหนังมันไม่ดี มันแค่ไม่ถูกจริตกับคุณแค่นั้นเอง
วาทิน ศานติ์ สันติ
28/8/2561

หมายเลขบันทึก: 652598เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2018 14:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน 2020 17:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท