๗๘๖. ถอดบทเรียน..กีฬา


เชื่อว่า..ถ้ามีโอกาสมันก็ไม่น่าจะเป็นวิกฤติตลอดกาล การทำงานแบบ “ไก่รองบ่อน” มันน่าเบื่อ..และเชื่อว่า..ถ้าคิดแบบเดิมทำแบบเดิมผลลัพธ์ก็เท่าเดิม อาจน้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำ

            เสร็จสิ้นการรับชมกีฬา “เอเชี่ยนเกมส์” ก็ต้องต่อด้วยกีฬากลุ่มโรงเรียนเลาขวัญซึ่งเป็นชื่อตำบลที่ผมอยู่ มีโรงเรียนทั้งหมด ๖ โรงเรียน “บ้านหนองผือ” เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ๑ ใน ๓ ของกลุ่มนี้ กำหนดการแข่งขัน ๔ – ๗ กันยายน ๒๕๖๑ วันนี้..เป็นพิธีเปิด.ใช้ชื่อ “เขานางเกมส์”

            “เขานาง” ก็เป็นชื่อโรงเรียนเล็กๆเหมือนกัน แต่มีเด็กน้อยกว่าบ้านหนองผือ ผมบันทึกภาพและเก็บเรื่องราว บรรยากาศของการแข่งขันตั้งแต่วันแรก เพราะปีหน้า..ในเวลาเดียวกันนี้ “บ้านหนองผือ” จะได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพครั้งแรก

            พิธีเปิด..เรียบง่าย แต่สวยงาม ดูดี ที่ไม่จำเป็นต้องอลังการงานสร้าง ยิ่งลงทุนมาก เพียงเพื่อเอาใจชาวบ้านและผู้ปกครอง..เจ้าภาพนั่นแหละจะบาดเจ็บ เพราะกลุ่มโรงเรียนสนับสนุนงบประมาณได้ไม่มาก ภาคเอกชนก็ช่วยเหลือได้ไม่เต็มที่..ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้

            เอาแต่พอดีและมีสีสัน..ผู้ปกครองที่มาชมมาเชียร์ก็น่าจะเข้าใจ โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับเทคนิคในพิธีเปิดนิดนึง คือ เมื่อมีเสียงวี๊ดยาวๆ แล้วมีเสียงบึ้ม..ตามมา จากนั้นก็จะเห็นเศษกระดาษสีสะท้อนแสงทั้งสั้นและยาว ปลิวว่อนไปทั่วสนาม..

            สนามฟุตบอลที่เขียวสดใสสวยงาม จึงกลายเป็นที่รองรับขยะมากมาย ปลิวเข้าไปในเต๊นท์ทุกเต๊นท์ เห็นใครต่อใครเดินเตะและเหยียบย่ำ เหมือนไม่รู้สึกรู้สา

            ไม่รู้สินะ คือ มันไม่สะอาดตา ภาพที่ออกมาไม่สวยงาม เราอยู่โรงเรียนจะสอนให้เด็กทิ้งเศษกระดาษเป็นที่เป็นทาง แต่งานกีฬา ที่จัดเพื่อยกระดับจิตใจและร่างกาย กลับมีขยะเกลื่อนกลาดไปหมด..

            พูดถึงกีฬากลุ่ม ซึ่งจัดปีละครั้ง..ส่วนใหญ่..โรงเรียนขนาดเล็ก จะเป็นทีมไม้ประดับ แจกแต้มแจกเหรียญให้โรงเรียนใหญ่ ซึ่งมีเด็กเยอะ มีนักกีฬาให้เลือกมากมาย

            ถ้าเล่นเพื่อความรักสามัคคี ให้เด็กและครูได้แสดงออก ตลอดจนการมีส่วนร่วม ก็น่าจะเพียงพอแล้ว..แต่ปีนี้..ผมเปลี่ยนแปลงแนวความคิด

            เชื่อว่า..ถ้ามีโอกาสมันก็ไม่น่าจะเป็นวิกฤติตลอดกาล การทำงานแบบ “ไก่รองบ่อน” มันน่าเบื่อ..และเชื่อว่า..ถ้าคิดแบบเดิมทำแบบเดิมผลลัพธ์ก็เท่าเดิม อาจน้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำ

            โอกาส..ที่ว่าก็คือ เรามีเด็กเพิ่มขึ้น เรามีครูพลศึกษาถึง ๒ คน คนหนึ่งเป็นครูอัตราจ้าง อีกคนเป็นครูจ้างสอน โอกาสสุดท้าย คือ..จงวางแผนเสียแต่เนิ่นๆ

            ประชุมวิชาการ จะพูดถึงงานกีฬาทุกครั้ง จากนั้น..มอบหมายครูผู้ฝึกซ้อมในแต่ละประเภท และคัดเลือกตัวนักกีฬาให้ได้โดยเร็ว จัดทำตารางฝึกซ้อมทุกวัน ในแต่ละสัปดาห์ ..ประชุมสรุปความคืบหน้า...

            ก่อนการแข่งขัน ๒ สัปดาห์..จัดหารถรับส่งนักกีฬา ประสานงานเจ้าภาพเรื่องอาหารเครื่องดื่ม และอาหารว่างนักกีฬา เตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น เสื่อ กระติกน้ำ ผ้าเย็น และยาปฐมพยาบาล

            การบริหารจัดการของโรงเรียนโดยคณะครู..ด้วยความร่วมมืออย่างตั้งใจ ผู้ปกครองเขารู้ ว่าเราทำเพื่อลูกหลานเขา..วันนี้จึงเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของโรงเรียน ผู้ปกครองเดินทางไปเชียร์อย่างล้นหลาม จนเป็นที่สะดุดตากันทั้งสนาม ทั้งที่เป็นการแข่งขันนอกบ้านห่างไกลนับ ๑๐ กม.

            ผู้ปกครอง..เลี้ยงข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ แก่นักกีฬาและผู้ปกครอง บางท่านก็เลี้ยงน้ำส้มน้ำหวานและน้ำเปล่า “พี่หมู” จากกรุงเทพ.เลี้ยงขนมปัง ๓ ลังใหญ่

            นักกีฬามีกำลังใจ..คณะครูเห็นผู้ปกครองมาช่วยก็ชื่นใจ..วันแรกมีกรีฑา และชักคะเย่อ ทุกรุ่น..ตั้งแต่อนุบาล ถึงชั้น ป.๖

            สรุปผลการแข่งขันในช่วงบ่าย..โรงเรียนบ้านหนองผือ ได้ถ้วยคะแนนรวมกรีฑา “รองชนะเลิศ” แพ้โรงเรียนใหญ่ไป ๔ คะแนน และเหรียญทองบุคคลส่วนใหญ่เป็นของชั้นอนุบาล

            ชักคะเย่อ..เพิ่งแข่งไปได้ครึ่งทางเท่านั้น พรุ่งนี้แข่งขันต่อ แต่วันนี้ก็ทำได้ ๒ เหรียญทอง และ ๑ เหรียญเงิน..

            ที่สาธยายมาเสียยืดยาว..ก็เพื่อจะบอกว่า..การเป็นครูอยู่ที่ไหนก็ตาม จงใช้โอกาสให้เต็มที่ อย่าดูถูกตัวเอง และถ้าอาหารกลางวันของโรงเรียนไม่ดีจริง..เด็กคงไม่แข็งแรงอย่างที่เห็น..ในวันนี้....

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๔  กันยายน  ๒๕๖๑

 

          

            

หมายเลขบันทึก: 651578เขียนเมื่อ 4 กันยายน 2018 20:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 กันยายน 2018 20:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท