วันนี้ (พฤหัสบดีที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑) เครือข่ายนิสิต ๙ ต่อ Before After มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จัดกิจกรรม “บริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙” ณ อาคารพัฒนานิสิต กองกิจการนิสิต –
กิจกรรมครั้งนี้ เป็นการผนึกกำลังหลอมรวมดวงใจเป็นหนึ่งเดียวกับองค์กรหลายเครือข่าย ทั้งที่เป็นสภานิสิต องค์การนิสิต ชมรมรุ่นสัมพันธ์ รวมถึงพันธมิตรหลักอย่างชมรมอาสายุวกาชาด ชมรมตามรอยเท้าพ่อ เครือข่ายนิสิตจิตอาสาเพื่อสังคม โรงพยาบาลมหาสารคาม และเหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม
กิจกรรมในวันนี้ ไม่ใช่มีแค่การบริจาคโลหิตเท่านั้น ทว่ามีการเปิดรับบริจาคอวัยวะไปพร้อมๆ กัน
หากย้อนกลับไปดูข้อมูลในปีการศึกษา ๒๕๖๐ จะพบว่ามีการบริจาคดวงตา จำนวน ๑๘๘ คน ละการบริจาคอวัยวะ จำนวน ๑๖๑ คน ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าจำนวนที่ว่านั้น “มาก” หรือ “น้อย” รู้แต่เพียงว่านั่นคือ “ความดีงาม”ของการทำงานเรื่องจิตอาสา หรือจิตสาธารณะของเหล่าบรรดานิสิตที่ผันตัวเองมาทำงานเป็น “อาสาสมัคร”
การบริจาคโลหิตในครั้งนี้ เปิดกว้างอย่างเต็มที่ ดังจะเห็นได้จากคนที่มาบริจาคโลหิตมีทั้งที่เป็นผู้บริหาร >เจ้าหน้าที่ > นิสิต และประชาชนในชุมชนรายรอบมหาวิทยาลัย รวมถึงการเปิดพื้นที่ให้คณะกรรมการประชุมเชียร์เข้ามาร่วมขับเคลื่อน ด้วยการนำนิสิตใหม่ (น้องใหม่ : รุ่นเสือดาว ๑๒) เข้ามาบริจาคโลหิตและช่วยงาน เพื่อปักธงว่านี่คืออีกหนึ่งกิจกรรมของการ "รับน้องใหม่" อย่างสร้างสรรค์
(ดร.มลฤดี เชาวรัตน์ : รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต)
โดยส่วนตัวผมกล้าที่จะยืนยันว่ากิจกรรมดังกล่าวสอนสร้างบางอย่างอยู่ในที เป็นต้นว่า “ความดีไม่มีชนชั้น” เพราะครั้งนี้ผมให้นิสิตทำงานในรูป “เครือข่าย” มุ่งเน้นให้ทุกคนเป็น “พระเอก-นางเอก” ของงานโดยตรง พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ให้ใครฉายเดี่ยว หรือทำงานด้วยทัศนคติที่ไม่สร้างสรรค์บนฐานของความหลากหลายขององค์กร แบ่งแยกกลุ่มคน แบ่งแยกพรรคพวก ฯ
ในทำนองเดียวกัน เรื่อง “การบริหารจัดการ” ก็เป็นอีกประเด็นที่ผมต้องการให้นิสิตได้เกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันผ่านเวทีนี้ นับตั้งแต่การออกแบบรูปแบบกิจกรรม จัดหาอุปกรณ์ จัดเตรียมสถานที่ จัดหาเครื่องเสียง จัดเตรียมอาหารว่าง ออกแบบเพจประชาสัมพันธ์ แบ่งหน้าที่กันบนฐานคิดของพวกเขาเอง
เพราะนิสิตจะรู้ดีว่า ใคร หรือองค์กรใด เหมาะที่จะทำงานในหน้าที่อะไร หรือจะหลอมรวมคละทีมทำงานก็ไม่ผิด ฯลฯ
ทุกสิ่งอย่างอยู่ที่นิสิตจะออกแบบและตัดสินใจ ผมและทีมงานคอยหนุนเสริมในบางเรื่องเท่านั้น ขนาดการกล่าวรายงานต่อรองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต (ดร.มลฤดี เชาวรัตน์) ผมและทีมงานก็ให้ประธานเครือข่าย ๙ ต่อ Before After (นายวรวุฒิ สงวนหมู่) เป็นผู้กล่าวรายงานด้วยตนเอง
จวบจนวันนี้ ผมก็ยังยืนยันว่า กิจกรรมบริจาคโลหิต คือกิจกรรมอันง่ายงามในการช่วยบ่มเพาะเรื่องจิตอาสา เพราะเป็นการเริ่มต้นทำความดีจากเรื่องใกล้ตัว เป็นการเริ่มต้นทำความดีจากต้นทุนที่มีในตัวเองเป็นการทำความดีในมิติของการ “ให้” หรือ “แบ่งปัน” –
รวมถึงรวมแนวคิดที่ว่าด้วยการบริจาคโลหิต คือการทำความดีอันยิ่งใหญ่ เพราะเทียบได้กับการบริจาคชีวิตเพื่ออีกชีวิตดีๆ นั่นเอง
และกิจกรรมอันง่ายงามและทรงพลังนี้นี่เองที่ทำให้เราบรรจุเป็นแผนหลักของการขับเคลื่อนกิจกรรมในแต่ละเดือน เรียกได้ว่าในแต่ละเดือนจะมีการรับบริจาคโลหิตอย่างน้อย ๓-๔ ครั้ง เป็นกิจกรรมเชิงระบบของการพัฒนานิสิตผ่านกิจกรรมนอกหลักสูตรที่ทำร่วมกับทุกคณะในมหาวิทยาลัยฯ เพียงแต่ในปีการศึกษา ๒๕๖๑ เราปักธงชัดเจนว่าจะไม่ปล่อยให้ทางคณะต้องทำงานอย่างเดียวดาย
เพราะจากนี้ไปเครือข่ายนิสิต ๙ ต่อฯ และผองเพื่อนหลากองค์กร จะเข้าไปหนุนเสริมอย่างจริงจังและจริงใจ เพื่อให้ “ความดีมีที่ยืน” และเพื่อให้ “ความดีมีเส้นทางที่จะเดินต่ออย่างไม่หยุดยั้ง”
ใช่ครับ – ตั้งใจจะทำกันไปเรื่อยๆ ทำให้ต่อเนื่อง ทำเพื่อบ่มเพาะจิตอาสาจากเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัวและผูกโยงเข้ากับกระแสหลักในทางสังคมไปในตัวแบบเนียนๆ โดยไม่จำเป็นต้องบอกว่ากิจกรรมนี้เกี่ยวพันกับอัตลักษณ์นิสิต (นิสิตกับการช่วยเหลือสังคมและชุมชน) หรือค่านิยมการเป็นนิสิต “MSU FOR ALL (พึ่งได้)” หรือไม่
แต่ที่แน่ๆ สำหรับวันนี้
นี่คืออีกหนึ่งกิจกรรมอัน “ง่าย-งาม” หรือ “เรียบง่ายแต่งดงาม” ที่ชาวเครือข่าย ๙ ต่อ Before After ได้จัดขึ้นเพื่อบอกย้ำให้รู้ว่า การทำความดีไม่ใช่เรื่องยาก หรือการทำความดีจากเรื่องใกล้ตัวอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นเรื่องอันแสนวิเศษ
สำหรับเดือนหน้า (กันยายน) กิจกรรมดังกล่าวก็จะยังคง “ก้าวต่อ” (๙ต่อฯ) สู่คณะ ๕ คณะ คือ วิศวกรรมศาสตร์ > การบัญชีและการจัดการ > เภสัชศาสตร์ > สาธารณสุขศาสตร์ > วิทยาศาสตร์
หมายเหตุ
เขียน : พฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม 2561
ภาพ : งานประชาสัมพันธ์และสารสนเทศนิสิต
ไม่มีความเห็น