เกี่ยวข้าวหนีน้ำท่วม


              ระหว่างทางนั่งรถกลับจากการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ที่บ้านดอนน้อย ต.โพนงาม อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ของวันที่ ๒๓ ต.ค.๒๕๖๐ ก็รูปแบบกิจกรรมบรรเทาเยียวยาช่วยเหลือทางด้านสิ่งของและกำลังใจทั่วไป โดยการลำเลียงถุงยังชีพขึ้นเรือข้ามไปยังหมู่บ้าน โดยชาวบ้านนำรถอีแต๋นออกมารับพี่น้องนิสิตจิตอาสา และรับสิ่งของบริจาคน้ำใจต่างๆที่พวกเรานำไป ผู้ใหญ่บ้าน พระอาจารย์ ก็ให้เกียติพวกเราเป็นคนมอบให้กับชาวบ้านกับมือ และผมได้พูดคุยให้กำลังใจ 

“ลูกหลานของท่านมาในวันนี้มาจากศูนย์ประสานงานเครือข่ายนิสิตจิตอาสาเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มาเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวบ้านดอนน้อย ขอให้ทุกคนสู้ๆและยิ้มไว้ไม่ทุกข์สนุกดี พวกผมมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เพราะ ลูกหลานบ้านดอนน้อยหลายคนก็ไปศึกษาเล่าเรียนที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามหลายคน เมื่อพ่อๆแม่ๆประสบภัยน้ำท่วมพวกเราจึงรวมกลุ่มกันมาหวังว่าท่านจะมีกำลังใจ และพวกเราเอาใจช่วยเสมอ มหาวิทยาลัยสอนให้พวกผมเป็นที่พึ่งของสังคมและชุมชน ขอบคุณครับ"

            นำมาซึ่งเสียงปรบมือ บางคนเดินเข้ามากอดผม น้ำตาไหลพราก ด้วยความดีใจและมีหวังที่จะดำเนินชีวิตต่อไปผู้เขียนเองก็รู้สึกเศร้าๆ เมื่อเห็นความทุกข์ของชาวบ้านดอนน้อยก็ได้แต่ปลอบใจ นี่แหละหนอที่เขาเรียกว่าน้ำใจที่เราแบ่งปันให้กัน ส่วนรวมนั้นสำคัญเสมอ หลังจากออกจากหมู่บ้านโดยชาวบ้านนำเรือข้ามน้ำมาส่ง เราก็เดินทางกลับระหว่างทางนั้น ก็หลับๆตื่นๆหล้ามาก แต่พอผ่านทุ่งนาที่กลายเป็นทะเลน้ำ ที่บ้านหนองแข้ ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ก็ต้องลุกนั่งและเรียกให้หยุดจอดรถลงไปถาม ภาพที่เห็นคือข้าวที่กำลังจะได้รับการเก็บเกี่ยว ถูกน้ำท่วมชาวบ้านประมาณ ๘ คนกำลังลงไปช่วยกันเกี่ยวข้าวหนีน้ำ ซึ่งนาบางแปลงก็ไม่สามารถเอาคืนได้ยุแล้วก็ต้องปล่อยทิ้ง เราก็มอบน้ำดื่มให้เป็นกำลังใจ และนั่งรถมาที่กองกิจการนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม พอถึงก็ได้มานั่งประชุมกัน ถอดบทเรียน สรุปกิจกรรม และทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะกลับไปช่วยชาวบ้านเกี่ยวข้าวในวันนี้เพราะเวลายังบ่ายๆ สรุปงานเสร็จเราก็รวมกลุ่มไปประมาณ ๑๐ คน ผู้ร่วมชะตากรรมในตอนนั้นคือเพื่อนๆเครือข่ายและน้องๆสายแพทย์ รวมถึงชมรมสิ่งแวดล้อมเพื่อชุมชน วงแคน รักษ์อีสาน โดยซื้อเคียวไปจำนวน ๖ เล่ม ไปถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร ก็ลงไปช่วยเกี่ยวข้าว ระดับน้ำก็ลึกประมาณคอ หอบเอาความกล้าท้าทายไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนผู้หญิงที่ไปกับผมก็นั่งเรือเก็บข้าวที่เกี่ยวเอามาขึ้นรถ ทำแบบนั้นไปประมาณจะตะวันบ่ายคล้อยสู่เวลาพบค่ำก็เลยหยุดภารกิจ และขึ้นสู่ฝั่ง ได้คุยกับเจ้าของแปลงนาจะทำอะไรต่อไป แกบอกว่าจะนำข้าวไปตากได้แค่ไหนก็คงเอาแค่นั้น ดีใจที่มีลูกหลานมาช่วย และเกรงใจมากๆไม่ได้เลี้ยงอะไรตอบแทน ผมก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรพวกเราตั้งใจมาจริงๆครับแม่ ไม่ได้หวังจะมากินต้มไก่หรอก แล้วก็มีเสียงหัวเรอะกัน แม่ๆก็ขอบอกขอบใจและอยากให้พวกเรากลับไปทำความสะอาดร่างกายเพราะลงน้ำหลายชั่วโมงกลัวจะคัน เราก็เลยล่ำลาและกลับ ซึ่งเป็นการทำงานด้านอาสาสมัครจิตอาสาเพื่อสังคมที่เอาสถานการณ์หน้างานมาลงมือปฏิบัติ และความเสียสละของทุกคนที่ทุ่มเทเป็นกำลังใจให้แก่กัน

 

หมายเลขบันทึก: 646706เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2018 17:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 เมษายน 2018 17:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท