ใช่ชีวิตร่วมกันอย่างมีสติ (พลังชีวิต)


            "... ถ้าหากเราหัดใช้ศิลประแห่งการดำเนิชีวิต อยู่อย่างมีสติไปพ้อมๆ กัน ก็สาาถแลเห็นว่าคนื่อนก็เช่นเดียวกับตัวเรา ที่มีทั้งดอกไม้ และขยะอยู่ข้างใน จากนั้นก็จงยอมรับสิ่งเหล่านี้ได้ การปฏิบัติของเราถือเป็นการรดน้ำดอกไม้ ไม่ใช่เอาชยะมาทับถมใส่ตัวเขา เราจะไม่กล่าวโทษหรือโต้เถียงกัน เวบาที่เราพยายามปลูกดอกไม้ หากดอกไม้นั้นไม่งอกงามดี เราก็จะไม่ไปกล่าวโทษหรือเถียงกับดอกไม้ แต่เราจะตำหนิ ตัวเองที่ไม่เอาใจใส่อูแลมันให้ดี คู่ของเราก็เหมือนกับอกไม้ ถ้าเราเอาใจใสเขาดี เขาก็จะเจริญงอกงาม แต่ถ้าเราไม่เอเาใจใส่ เขากํจะเหี่ยวเฉา การจะทำให้ดอกไม่งอกงาดีได้นั้น เราต้องเขาใจธรรมชาติของมันว่า ต้อกงารน้ำเท่าไร แสดงแดดเท่าไร เราต้งสำรวจดูให้เห็นธรรมชาติแม้ๆ ภายในตัวเองก่อน แล้วจึงสำรวจดูธรรมชาติของคู่ครอง

            ในพระพทูศาสนา เราจะพูดถึงการประสานกันของกายและจิต ไม่ว่จะเกิดอะไรขึ้กับร่างกายย่อมส่งผลต่อจิตด้วย ร่างกายปกติ จิตก็ปกติ ร่างผิดปกติ จิตก็ผิดปกติ เวลาโกรธ เราอาจคิดว่ามันเกิดขึ้นกับความรุ้สึก ไม่ได้เกิดกับร่างกาย แต่นั้นไม่จริงเบย เมื่อเรารักใครสักคนก็อย่างจะอยู่ใกล้ชิดกับเขาหรือเธอ แต่ถ้าเราโกรธใครสักคนก็ไม่อย่ากจะสัมผัสหรือถูกคนๆ นั้นแตะต้องตว เราไม่อาจพูดได้ว่ากายกับจิตนั้นแยกจากขาดจากกัน

           ความสัมพันธ์ทางเพศ อาจเป็นการประสานกันอย่งล้ำลึก ระหว่างร่างกายกับจิตและดวงวิญญาณ ถือเป็นการพบกันครั้งสำคัญยิ่ง ไม่ใช่เป็นการกระทำที่เกิดขึค้นอย่างมักง่าย เธอรู้ว่ากายในจิตวิญญาณของเธอมีพื้นที่บางส่วน ดังเช่น ความทรงจำ ความเจ็บปวด ความลับ ซึ่งถือเป็นสวนตัว ซึ่งจะแบ่งปันให้เฉพาะกับคนที่เธอรักและเชื่อใจมากที่สุดเธอจะไม่ยอมเปิดใจ แสดงออกให้ใครเห้นง่ายๆ ในราชธานีของกษัตริย์มีพื้นที่ที่เธอไม่อาจเข้าใกล้ เรียกว่าเมืองต้องห้าม มีแต่พระราชากับราชตระกุลเท่านั้นที่เข้าออกที่นั่นได้ ในดวงวิญญาณของเธอ ็มีที่ที่เธอไม่ยอมให้ใครเข้าไป ยกเว้นคนที่ตัวเองรักและไว้วางใจมากสุดเท่านั้น

          เช่นเดียวกับร่างกายของเรา ซึ่งมีสัดส่วนสวงนที่เราไม่อย่ากให้ใครมาสัมผัส หรือเข้าใกล้ ถ้าหากคนๆ นั้ไม่ใช่คนที่เรานับถือ ไว้วางใจหรือรักมากที่สุด เวลาที่เราเผอิญถูกประชิดตัว ด้วยท่าที่ที่ไม่ค่อยนุ่มยวลรางกายและจิตวัญญาณเราจะเกิดความรุ้สึกรังเหียจ ขยะแขยง ขณะที่คนเข้าใกล้เราด้วยความเคารพ อ่อนโยน และสุขุมอย่างที่สุดกลับก่อให้เกิดการสื่อสารร่วมกันอย่างลึกซึ้ง ในกรณีนี้เท่านั้นที่จะไม่ทำให้เรารวดร้าว ถุกข่มเหง หรือรู้สึกถูกล่วงละเมิดแม้แต่น้อย นี่ไม่อาจบรรลุผลถึงได้ถ้าปราศจากความผุกพัน และความักที่แท้ ส่วนการมีเพศสัมพันธ์อย่างฉาบฉวย ไม่ถือเป็นนิยามของความรัก เพราะความรักนั้นล้ำลึก งดงาม บริสุทธิ์ และเต็มเปี่ยม การให้เกียรติกันจึงถือเป็ฯองค์ประกอบหนึ่งสำคัญที่สุดในการมีเพศสัมพันะ์นั้น การมีเพศสัมพันะ์กัน น่าจะเป็นเหมือนการทำพิธีกรรม เป็นพิธีกรรที่กระทำด้วยสติแห่งความรักความเอาใจใส่และให้เกี่ยติอันสูงสง หากเธอถูกปลุกเร้าด้วยราคตัณหาก็ไม่ถือเป็นความรัก ตัณหาไม่ใช่ความรัก ความรักคือสิ่งที่รับผิดชอบย่ิงกว่านั้นมากนัก เต็มไปด้วยความห่วงใยเอาใจใส่อยู่ในนั้น...

          ในเอเชียเรากล่าวกันว่า มีแปล่งกำเนิดของพลังอยู่ ๓ อย่าง คือ ทางเพศ (จิง) ทางลมหายใจ(กี่) และทางจิตวิญญาณ (เชน)

          จิงหรือพลังทางเพศคือย่างแรก เื่อเธอมีพลังทางเพศมากว่าที่ตัวเองต้องการตัวเธอก็จะอยู่ในสภาพเสียสมดุล ต้องสร้างสมดุลขึ้นใหม่ ตามคำสอนของเต๋าและพุทธ มีวิธีที่จะช่่วยเธอปรับสมดุลได้ทั้งด้วยการทำสมาธิลแการฝึกศิลปะการต่อสู้ 

           กี่ หรือพลังจากลมหายใจ ชีวิตเป็นนิยามของกรบวนการเผาผลาญที่่ทุกเซลในร่างกายต้องการอาหารและออกซิเจน ในการแสดงธรรมเกี่ยวกับไฟ พระพุทธเองค์ทรงตรัสว่า "ตากกำลังเผาไหม้ จมูกำลังเผาไหม้ ร่างกายก็กำลังเผาไหม้" ในชีวิตประจำวันเราต้องสร้างพลังด้วยการฝึกหายใจอย่างถูกต้อง อากาศและออกซิเจนมีผลต่อเรา..บางคนสร้างกี่ด้วยการงดสูบบุหรี่ และงดพูดคุย หรือไม่ก็ฝึกกำหนดลมหายใจ หลังจากพูดคุยมามาก เวลาเธอพุด จึงควรให้จังหวะที่จะหายใจบ้าง...

         เชน แหล่งกำเนิดพลังอย่างที่สาม หรือพลังจากจิตวิญญาณ เวลาที่เธอนอนไม่หลับหรือมีควมกังวลมาก ก็จะสูญเสียพลังชนิดนี้ไปทำให้ระบบประสาทเหนื่อยล้า จนไม่อาจเรียนหรือปฏิบัติสมาธิหรือคิดตัดสินใจได้ดี เธอปราศจากจิตที่กระจ่างสดใส ก็เพราะอดนอนหรือไม่ก็เพราะกังวลเกินไป ความกังวลและกระวะนหระวาใจทำให้หมดเปลืองพลังเชน ฉะนั้นจงอย่ากังวลหรือนอนดึกจนเกินไป รักษาระบบประสาทตัวเองให้ดี ไม่ให้ความว้าวุ่นมาคอนรบกวน นั่นจะช่วยฟูมฟักพลังชนิดที่สามนี้ขชึ้น เธอต้องอาศยแหล่งอำนาจจากพลังวิญญาณ อันจะได้มาจากกกรกำหนดจดจ่อ และการรู้จักวิะีรักษาแหล่งพลงชนิดนี้เอาไว้ เมื่อเธอมีพลังจิตที่แก่กล้าขึ้น ก็ให้ใช่มันเพ่งดุสิ่งที่ต้องกา แล้วเธอจะแลเห็นอย่างกระจางชัด ถ้าเธอไม่มีพลังเชน แสงในการเพ่งก็จะไม่ส่องสว่างแหล่งพลังทั้งสามชนิดนี้มีความเี่ยวเนื่องกันและกัน ในการฝึกฝนเพียงหนึ่งจะสามารถช่วยเพ่ิมพูนพลังทั้งหมดได้ การหายใจอย่างมีสติจึงมีความสำคัญยิงต่อชีวิตทางจิตวิญญาณของเรา เพราะมันจะช่วยเพ่ิมพุนพลังทั้งหมดให้ได้...

         - "เมตตาภาวนา : คำสอนว่าด้วยความรัก" บทที่แปด ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีสติ, ติช นัท ฮันห์, ธารา รินศานต์ แปล หน้า๑๐๘-๑๑๐


<p></p>

คำสำคัญ (Tags): #ติช นัท ฮันท์
หมายเลขบันทึก: 641179เขียนเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2017 09:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2017 09:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท