ประเภทของความผิดปกติทางจิตใจ องค์การอนามัยโลกได้ประกาศปรับปรุงแก้ไขการ จำแนกประเภทของความผิดปกติทางจิตใจเป็นครั้งที่ ๙ เมื่อ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๒ กล่าวโดยย่อแบ่งความผิดปกติทางจิตใจออกเป็น ๓ ประเภทใหญ่ๆ คือ๑) โรคจิต (psychoses) ๒) โรคประสาท บุคลิกภาพแปรปรวน และความผิดปกติอื่นๆ ที่มิใช่โรคจิต (neurotic disorders, personality disorders, other nonpsychotic mental disorders)๓) ปัญญาอ่อน (mental retardation) โรคจิต เป็นความผิดปกติของจิตใจ ซึ่งการทำงานของจิตใจเสียหน้าที่ไปอย่างเห็นได้ชัดเจน จนทำให้บุคคลนั้น ม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติ ประกอบด้วย อาการทั่วไป ๓ ประการ คือ ๑) บุคลิกภาพเดิมของผู้ป่วยเปลี่ยนไป เช่น เคยเป็นคนสะอาด และสุภาพ ก็เปลี่ยนเป็นสกปรก และหยาบคาย เคยเป็นคนพูดน้อย ก็กลายเป็นพูดไม่หยุด ฯลฯ๒) ไม่อยู่ในโลกของความจริง เช่น มีอาการ ประสาทหลอน ได้ยินเสียงคนด่าตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ ในขณะนั้นไม่มีใครด่าเขาเลย หลงผิดว่ามีคนคิดร้าย และกำลังตามฆ่าเขา ๓) ไม่รู้สภาวะตนเอง เช่น ไม่รู้ว่าตนเอง กำลังป่วย จึงขัดขืนไม่ยอมไปพบแพทย์ การขัดขืนบางครั้งรุนแรงจนถึงกับใช้กำลังกายโรคจิตแบ่งออกเป็น ๒ พวกใหญ่ๆ คือ ๑. โรคจิตที่มีสาเหตุเนื่องจากพยาธิสภาพทางกาย ผู้ป่วยจะมีอาการงุนงง สับสน สูญเสียความจำ อารมณ์ผันแปรง่าย สติปัญญาเสื่อม แบ่งออกได้ เป็น ๕ ประเภท คือ ๑.๑ โรคสมองเสื่อมในวัยชราและใกล้ชรา (senile and presenile dementia) เริ่มเมื่ออายุ ๖๕ ปี ขึ้นไป ผู้ป่วยจะมีอาการระแวง ซึมเศร้า หูแว่ว พฤติกรรมคล้ายเด็ก รักษาให้ทุเลาอาการทางจิตได้ด้วยยา ทางจิตเวช แต่ไม่สามารถจะทำให้ความจำกลับคืนปกติ ได้ นอกจากนี้ โรคสมองเสื่อม อาจเนื่องมาจาก หลอดเลือดในสมองแข็ง พบในผู้ป่วยที่มีความดันเลือดสูงเป็นเวลานาน โดยไม่ได้รับการรักษา ๑.๒ โรคจิตจากสุรา (alcoholic psychoses) องค์การอนามัยโลกได้วิจัยพบว่า คนดื่มสุรา ๕๐ คน จะมี ๑ คนเป็นโรคจิตจากสุรา โรคนี้มี ๗ ชนิดที่พบบ่อย ในประเทศไทย คือ โรคสั่นและเพ้อ (delirium tremens) จะมีอาการมือสั่นหวาดกลัว เห็นภาพหลอน หลงผิด งุนงง สับสน โรคจิตจากสุรานั้นสามารถ รักษาให้หายได้ | ||
ฝิ่น พืชที่ทำให้ผู้เสพเป็นโรคจิตได้ | ๑.๔ โรคจิตชั่วคราวจากสาเหตุฝ่ายกาย (transient organic psychotic conditions) เกิดจากการป่วยด้วยโรคบางอย่าง เช่น มาลาเรียขึ้นสมอง ไทฟอยด์ โรคติดเชื้อ โรคต่อมไร้ท่อ และโรคระบบ เมแทบอลิซึม มักมีอาการงุนงง สับสน เลอะเลือน พูดเพ้อ เห็นภาพลวงตา ประสาทหลอน เมื่อรักษา โรคทางกายทุเลาหรือหายจะไม่มีอาการร่องรอยของโรค จิตเหลืออยู่เลย ๑.๕ โรคจิตเรื้อรังจากสาเหตุฝ่ายกาย (chronic organic psychotic conditions) เกิดจากการ ป่วยด้วยโรคทางกาย ที่ทำให้เนื้อสมองเสียหรือเสื่อมไป เช่น โรคซิฟิลิสขึ้นสมอง โรคตับในระยะสุดท้าย เป็นต้น ๒. โรคจิตอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับพยาธิสภาพทางกาย ได้แก่๒.๑ โรคจิตเภท (schizophrenia) มักเกิดในวัย ๑๕-๔๐ ปี สถิติโลกพบประมาณร้อยละ ๑ ของประชากร โรคจิตเภทเกิดจากสาเหตุร่วมกันหลายประการ อาการที่สำคัญ มีความผิดปกติทางความนึกคิด พูด หัวเราะ ร้องไห้คนเดียว โดยไม่มีเหตุผล ทำท่าแปลกๆ โรคจิตเภทแบ่งออกเป็นชนิดย่อย ๙ ชนิด แต่ที่พบบ่อยคือ๒.๑.๑ โรคจิตเภทชนิดระแวงเป็นโรคจิตชนิดที่พบบ่อยที่สุด มีอาการสำคัญ คือ ระแวงว่า คนจะมาทำร้าย มาใส่ยาพิษ หรือคิดว่า ตนเองใหญ่โต เกินความเป็นจริง เป็นต้น๒.๑.๒ โรคจิตเภทชนิดคาทาโทนิก (catatonic type) เป็นชนิดที่พบรองลงมา ลักษณะสำคัญ คือ มีการเคลื่อนไหวมากขึ้น หรือน้อยลงผิดปกติอย่างชัดเจน เช่น พูดมากไม่หยุด เดินไปมา ก้าวร้าวหยาบคาย เอะอะอาละวาด หรือตรงกันข้าม ไม่พูด ไม่ขยับเขยื้อน ไม่กินอาหาร และไม่นอน เป็นต้น ๒.๑.๓ โรคจิตเภทชนิดธรรมดา เกิดอาการค่อยเป็นค่อยไป บุคคลภายนอกจะสังเกตเห็นความผิดปกติได้ ต้องใช้เวลาแรมเดือน หรือแรมปี ลักษณะสำคัญ คือ แยกตัวเอง หลบไปอยู่คนเดียวในห้อง เฉื่อยชา เฉยเมย พูดคนเดียว ยืนคนเดียว เป็นต้น การรักษาส่วนมากใช้ยากลุ่มฟิโนไทอะซีนส์ (phenothiazines) ได้ผลดี บางรายรักษาด้วยการทำช็อก ไฟฟ้า นอกจากการให้ยาแล้ว โรคพยาบาลจิตเวชทุก แห่งให้การรักษาแบบสิ่งแวดล้อม (milieu therapy) ร่วม ด้วย เช่น การรักษาแบบกิจกรรมกลุ่ม การสังสรรค์ อาชีวบำบัด นันทนาการบำบัด เพื่อให้ผู้ป่วยมีความเป็นอยู่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากสังคม และชุมชนเดิม มีความเชื่อมั่น สามารถติดต่อกับบุคคลอื่นได้ และพร้อมที่จะเผชิญปัญหาได้ตามสมควร และเพื่อป้องกันมิให้อาการกลับอีก ผู้ป่วยจะต้องติดตามการรักษาเป็นเวลานาน หรือบางรายอาจต้องติดตามตลอดชีวิต ๒.๒ โรคจิตทางอารมณ์ (affective psychoses หรือ manicdepressive psychoses) เป็นโรคจิตที่มีความผิดปกติอย่างมากของอารมณ์ พบมากในประเทศทางซีกโลกตะวันตก ประมาณร้อยละ ๑-๒ ของประชากร ส่วนมากมักเกิดอาการระหว่างอายุ ๓๐-๕๐ ปี อาการจะเกิดเป็นพักๆ เมื่อหายป่วยจะเป็นปกติดีเหมือนธรรมดา สาเหตุใหญ่เนื่องจากกรรมพันธุ์ เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีบางอย่างในสมอง ถ้าเด็กที่เกิดจากบิดามารดาป่วยด้วยโรคนี้ จะมีโอกาสเกิดโรคร้อยละ ๑๐-๒๕ อาการสำคัญคือมีอารมณ์ผิดปกติ เศร้าหรือครึกครื้น กังวล หงุดหงิด โกรธง่าย งุนงง โรคจิตทางอารมณ์แบ่งเป็นชนิดต่างๆ ๗ ชนิด ที่พบบ่อยคือ๒.๒.๑ โรคจิตทางอารมณ์ชนิดครึกครื้น หรือคลั่ง มีพลังกระตือรือร้นมากผิดธรรมดา ทำกิจกรรมมากขึ้น ไม่เหน็ดเหนื่อย ขาดความยับยั้งชั่งใจ มีกิจกรรมทางเพศเพิ่มขึ้น หลงผิดคิดว่า ตนเป็นคนใหญ่โต หรือมีความระแวงร่วมด้วย นอกจากนี้ ยังมี ลักษณะอารมณ์ครึกครื้น หรือโกรธง่าย หงุดหงิด พูดมาก ความคิดไหลบ่าท่วมท้นจนพูดไม่ทัน เป็นต้น ๒.๒.๒ โรคจิตทางอารมณ์ชนิดเศร้า พบในหญิงมากกว่าชาย ในวัยระหว่างอายุ ๔๕-๕๕ ปี มีอาการเศร้า สิ้นหวัง อยากร้องไห้เสมอๆ รู้สึกว่า ตัวเองไร้ค่า คิดอยากฆ่าตัวตาย ขาดพลัง ขาดความ ริเริ่ม รู้สึกว่างานธรรมดากลายเป็นงานยาก นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ความสนใจทางเพศลดลงมาก วิตกกังวล กระวนกระวายใจมาก ๒.๒.๓ โรคจิตทางอารมณ์ชนิดผสม มีอาการทั้งสองชนิดข้างต้นปนกันในเวลาเดียวกัน ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจทุเลาได้ในเวลา ๓-๖ เดือน ถ้ารักษา อาการจะทุเลาได้ภายใน ๒-๓ สัปดาห์ การรักษาและป้องกันไม่ให้เกิดอาการ อาจใช้ลิเทียม (lithium) หรือใช้ยาแก้เศร้า แล้วแต่กรณี ๓. โรคจิตภาวะระแวง มีอาการสำคัญเพียงอย่างเดียวคือ มีความหลงผิดชนิดระแวง บุคลิกภาพไม่เปลี่ยนแปลงให้เห็นชัดเจน โรคจิตชนิดนี้พบน้อยกว่าโรคจิตเภท และโรคจิตทางอารมณ์ ที่พบบ่อยในประเทศไทย ได้แก่ ภาวะระแวงในวัยต่อและวัยชรา เช่น ระแวงว่าขโมยจะขึ้นบ้าน ระแวงว่าภรรยาจะมีชู้ ส่วนมากสามารถรักษาให้ทุเลาได้ด้วยยารักษาโรคจิต ๔. โรคจิตอื่นๆ ที่มีอาการเกิดจากความเครียด ทางอารมณ์ เช่น ตกงาน ไฟไหม้บ้าน เป็นต้น อาจมีอาการออกมาในรูปเศร้า อยากฆ่าตัวตาย งุนงง หวาดกลัว หลงผิด ระแวง อาการจะทุเลาได้เร็ว ถ้า ได้รับการรักษา โดยเฉลี่ยเมื่อภาวะที่ทำให้ตึงเครียดนี้ หมดไป โรคนี้จะเกิดกับคนบางคนเท่านั้น คนส่วนมากสามารถปรับตัวได้เมื่อเผชิญปัญหา โรคประสาท โรคประสาทเป็นความผิดปกติ หรือความแปรปรวนทางจิตใจ อาการต่างๆ ที่ปรากฏคือ กังวล ย้ำคิด ย้ำทำ เหนื่อยง่าย ฯลฯ อาการเหล่านี้ไม่ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการทำงาน หรือการเข้าสังคมอย่างเห็นได้ชัดเจน บุคลิกภาพไม่เปลี่ยน จนคนภายนอกสังเกตเห็นได้ ไม่มีอาการหลงผิด ประสาทหลอน ไม่มีความคิดแปลกประหลาด ส่วนมากจะหยั่งเห็นสภาพของตน หรือรู้สภาวะของตนเอง รู้ว่าตนไม่สบายใจ หงุดหงิด และกลุ้มใจ ต้องการให้แพทย์หรือคนอื่นช่วยเหลือปัจจุบันสรุปว่า โรคนี้มีสาเหตุสำคัญมาจากเรื่องของจิตใจ มีความขัดแย้งทางใจ ซึ่งถูกกดเก็บไว้ในจิตไร้สำนึก บางคนเชื่อว่า โครงสร้างทางชีววิทยาของบุคคลนั้น อาจเป็นสาเหตุที่น่าจะทำให้เป็นโรคอยู่แล้วก็ได้ นอกจากนี้ อาจเป็นผลสืบเนื่องจากประสบการณ์ในวัยเด็ก ที่ทำให้เด็กเกิดความขัดแย้งทางใจ เช่น เด็กเกิด ความรู้สึกว่าพ่อแม่ทอดทิ้ง หรือถูกพ่อแม่ติเตียนบ่อยๆ ทำให้รู้สึกว่า ตนไม่ดี ไม่มีค่า โรคประสาทมีผลสืบเนื่องมาจากพัฒนาการทางบุคลิกภาพที่ไม่เหมาะสม เนื่องมาจากประสบการณ์ในวัยเด็ก ทำให้เกิดความขัดแย้งใจ ซึ่งอยู่ในจิตไร้สำนึก ตามทฤษฎีของฟรอยด์ บุคลิกภาพของคนเรามีองค์ประกอบสำคัญ ๓ ประการ คือ๑. อิด (id) เป็นแรงขับภายในโดยสัญชาติญาณทางเพศและความก้าวร้าว เพื่อให้มนุษย์คงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ ได้แก่ ความต้องการอาหาร ความต้องการทางเพศ เป็นต้น ๒. ซุบเปอร์อีโก (superego) เป็นส่วนของบุคลิกภาพที่พัฒนามาจากประสบการณ์ จากการใช้จิต กลไกเลียนแบบผู้ที่ตนนับถือ ตามกฎเกณฑ์ของสังคม และวัฒนธรรมของตน เป็นส่วนของมโนธรรม ศีลธรรม เป็นต้น ซึ่งอาจจะขัดแย้งกับอิด ๓. อีโก (ego) เป็นส่วนของบุคลิกภาพที่ควบคุมพฤติกรรมของบุคคลนั้นๆ ให้เป็นไปในทางที่ สังคมยอมรับองค์ประกอบทั้งสามของบุคลิกภาพ ถ้ามีส่วนพอดี จะทำให้ตัวเราเองอยู่ในสังคมอย่างเป็นจริง และมีเหตุผลพอสมควร ถ้ามีความขัดแย้งระหว่างองค์ประกอบทั้งสาม อาจทำให้เกิดอาการของโรคประสาท แผนภาพแสดงองค์ประกอบสำคัญ ของบุคลิกภาพ ๓ ประการ |
ไม่มีความเห็น