ภาษาที่ 3 อำนาจที่ประเมินค่าไม่ได้


ภาษาที่ 3 อำนาจที่ประเมินค่าไม่ได้


ตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่อยู่บนฟ้าบนสายการบินหนึ่งจากโตเกียวบินกลับกรุงเทพฯ เมื่อกลางเดือน หลังเจอเรื่องน่าสนใจเล็กๆ บนเครื่อง

น้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินขึ้นเครื่องมาก่อนหน้าไม่ถึงนาที ดูจากหน้าตา ผิว และสีผมแล้วน่าจะเป็นคนเชียที่ไม่ใช่คนไทยแต่เดาสัญชาติไม่ถูก น้องหยุดหมุนไปมาก้มมองบัตรที่นั่งสลับกับมองเลขบนเคบินอยู่ตรงทางเดิน

ขณะที่เราเอาของเก็บบนเคบินเรียบร้อยเตรียมนั่งที่นั่งริมทางเดินใกล้กับที่ติดหน้าต่าง ก็ได้ยินแอร์โฮสเตสแจ้งน้องเป็นภาษาอังกฤษพร้อมเดินไปชี้ที่นั่งแถวกลาง 3 ที่ซึ่งเยื้องไปด้านหน้าแถวนึงแล้วเดินไปดูผู้โดยสารคนอื่นต่อ 

มองไปเห็นน้องคนเดิมยังก้มๆ เงยๆ มองบัตรที่นั่งเทียบกับเลขที่นั่งบนเคบิน เดา ณ วินาทีนั้นเองว่าคงใช้ภาษาอังกฤษกับเค้าไม่ได้ซะแล้ว

แถวนั้นไม่มีใครอยู่เลย เลยลองเสี่ยงพูดภาษาจีนขอบัตรที่นั่งเค้ามาดู น้องรีบยื่นบัตรที่นั่งให้ พอชี้เป้าเรียบร้อย กลับมาที่นั่งตัวเองแล้วก็เห็นเค้าเอาของเก็บ นั่งรัดเข็มขัด แล้วหันมายิ้มให้ ก้มหัว แล้วพูดเป็นภาษาจีนว่า "ขอบคุณ" 

เครื่องขึ้นแล้ว ไฟในเครื่องปิด หลับไปตื่นมาอีกทีตอนแอร์โฮสเตสประกาศว่าให้รับใบขาเข้ามากรอกเพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินกรุงเทพฯ ตาเหลือบไปเห็นแสงไฟจากที่นั่งแถวหน้า น้องคนเดิมเปิดหนังสือเหมือนแบบเรียน เห็นตัวอักษรจากไกลๆ เหมือนภาษาพม่า(ตอนนั้นง่วงๆ ก็ยังแอบนึกว่าตัวหนังสือทิเบตคนทิเบตหรือเปล่านะ เพราะพูดจีนกลางได้ มาจำหน้าตาตัวอักษรทิเบตได้อีกทีก็ตอนเปิดกูเกิ้ลดูตอนกลับไทย) 

แอร์โฮสเตสเริ่มแจกใบขาเข้าให้คนรอบๆ ตัว เปิดไฟสว่าง ถึงตอนนี้ก็ไม่หลับซะแล้ว ได้ยินเสียงมาจากแถวกลางด้านหน้าคุยกันเป็นภาษาจีนพยายามถามกันเรื่องการกรอกแต่ละช่องในใบขาเข้า ถึงนึกได้ว่าในใบมีแต่ภาษาอังกฤษและภาษาไทย นั่งดูเงียบๆ ว่า 3 คนแถวกลางหน้าจะทำยังไงกับบัตรขาเข้า ใจก็นึกตำหนิ ตม.ไทยว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาน่าจะทำให้เค้าเพิ่มภาษาที่ 3 อีกภาษาเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวได้แล้ว

หันไปเห็นอีกที 2 คนแถวกลางด้านหน้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาชี้จอถามกันไปมา ไม่รู้เปิดเอกสารแนะนำหรือตัวช่วยแปลภาษา พลิกหน้าพลิกหลังกรอกใบขาเข้าเสร็จจนได้ ประมาณจากเริ่มตื่นที่เห็นเค้าคุยกันจนเขียนเสร็จ 2 หน้านั้นใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง 

นึกสงสัยว่าน้องคนนี้หน้าตาคล้ายพม่าก็คล้าย จีนตอนใต้ก็เหมือน ฟิลิปปินส์ หรือกัมพูชาก็ยังน่าเป็นไปได้ แต่น้องบินกลับจากญี่ปุ่นคนเดียวใช้ภาษาจีนก็ได้และเดาว่าคงใช้ภาษาพม่าเหมือนที่เค้าอ่านอยู่ได้แน่นอน อยู่บนเครื่องที่ประกาศทั้งภาษาไทย อังกฤษ และญี่ปุ่นตั้ง 3 ภาษาแล้ว ก็ยังไม่สามารถสื่อสารได้ โลกนี้ช่างอยู่ยากขึ้นจริงๆ

ไฟในเครื่องดับลงอีกครั้งแล้ว เสียงญี่ปุ่นที่นั่งข้างๆ พูดขอทางเป็นภาษาอังกฤษ และหันไปบอกคนนั่งริมหน้าต่างที่หน้าตาเอเชียแต่ใช้ภาษาอังกฤษปร๋อว่าขอโทษที่ลุกไปโดน

ขึ้นเครื่องรอบนี้ รู้สึกตัวได้ว่าระยะนี้เราช่างอยู่ท่ามกลางนานาชาติเอาเสียจริงๆ 

ก่อนตาจะปิดอีกครั้งประโยคคุ้นของเนลสัน แมนเดล่าก็ขึ้นมาให้ต้องกลับมาขยันเรียนภาษาที่ไทยอีกแล้ว

If you talk to a man in a language he understands, that goes to his head. If you talk to him in his language, that goes to his heart.

-- Nelson Mandela
Former President Of South Africa

หมายเลขบันทึก: 638076เขียนเมื่อ 29 กันยายน 2017 09:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน 2017 09:58 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท