การดูแลของครอบครัว และชุมชนต่อผู้ที่เป็นโรคจิตในอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
นางวารุณี อินโองการ และคณะ
โรงพยาบาลลี้ ลำพูน โรคจิตเป็นกลุ่มโรคเรื้อรังทางจิตเวชที่ต้องการให้การรักษาเป็นเวลานาน การรักษาผู้ที่เป็นโรคจิตในอดีตจะเป็นการรักษาเฉพาะในโรงพยาบาลทางจิตเวช และการรักษาที่ตัวบุคคล แต่พบว่าปัญหาสุขภาพจิตไม่ได้ลดน้อยลงไป และจากความเชื่อที่ว่าบุคคลและสิ่งแวดล้อมมีปฏิสัมพันธ์กันเสมอ จึงทำให้แนวทางการรักษาผู้ที่เป็นโรคจิตในปัจจุบันมีจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้ป่วยกลับสู่ชุมชนมากที่สุด โดยมุ่งเน้นให้ครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย การวิจัยเชิงคุณภาพครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาการดูแลของครอบครัวและชุมชนต่อผู้ที่เป็นโรคจิตในอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะดังนี้ การค้นหาความหมายของการดูแล ตามมุมมองของ สมาชิกในครอบครัวที่มีผู้ดูแลผู้ที่เป็นโรคจิต และแกนนำชุมชนที่มีผู้ที่เป็นโรคจิตอยู่ วิธีการจัดการดูแลในวิถีชีวิตประจำวัน วิธีการดูแลเพื่อสุขภาพเบี่ยงเบน ศึกษาในสมาชิกที่มีหน้าที่เป็นผู้ดูแลหลักในครอบครัวที่มีผู้ที่เป็นโรคจิตอยู่ โดยผู้ที่เป็นโรคจิตนั้นสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในชุมชนได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่กลับไปรักษาซ้ำในแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลสวนปรุง ภายในเวลา 2 ปี และในสมาชิกในครอบครัวของผู้ที่เป็นโรคจิตที่กลับไปรักษาซ้ำในแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลสวนปรุงมากกว่า 1 ครั้งใน 1 ปี รวมถึงแกนนำชุมชนในหมู่บ้านนั้น ผู้ให้ข้อมูลเป็นสมาชิกในครอบครัวที่มีหน้าที่หลักในการดูแลผู้ที่เป็นโรคจิตกลุ่มหนึ่ง และอีกกลุ่มหนึ่งเป็นแกนนำในชุมชนของหมู่บ้านนั้นได้มาโดยการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ รวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ เจาะลึก ร่วมกับการบันทึกภาคสนาม จนข้อมูลมีความอิ่มตัวในรายที่ 10 ของทำกลุ่มครอบครัว และกลุ่มแกนนำชุมชนและใช้การสนทนากลุ่ม เพื่อตรวจสอบความตรงของข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการวิจัย การให้ความหมายของการดูแลตามมุมมองของผู้ให้ข้อมูลพบว่าหมายถึงการเอาใจใส่ การสอดส่องติดตามความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน โดยวิธีการจัดการดูแลในวิธีชีวิตประจำวันในส่วนของครอบครัวพบว่ามี 6 ประการ เรียงตามลำดับความสำคัญที่ผู้ให้ข้อมูลได้จัดไว้ดังนี้ 1.ด้านการรับยา การรักษาต่อเนื่อง 2.การป้องกันการใช้สุราและสาร/เครื่องดื่มกระตุ้นประสาท 3.การสังเกตความผิดปกติต่างๆของอารมณ์พฤติกรรม 4.ด้านสุขอนามัยส่วนบุคคล 5.ด้านอาหาร 6.ด้านการจิตใจและอารมณ์ 7.ด้านการพักผ่อนนอนหลับ ในส่วนของชุมชนพบว่าจะดูแลในการป้องกันการดื่มสุรา บางชุมชนจะแจ้งในที่ประชุมหมู่บ้านให้ช่วยกันดูแลการให้การยอมรับผู้ป่วยชักชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมในชุมชนการพูดคุยสนทนาให้สบายใจ วิธีจัดการเมื่อสุขภาพเบี่ยงเบนในส่วนของครอบครัวพบว่า เมื่อพบอาการผิดปกติทางอารมณ์ หรือพฤติกรรมเช่นหงุดหงิดก้าวร้าวกลางคืนไม่หลับเดินมากไม่เชื่อฟังดื่มสุรา เศร้าคิดอยากตายระแวงไม่สนใจตัวเองญาติ ส่วนใหญ่จะรีบมาบอกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ทราบถ้ามีอาการมากจนอาจเป็นอันตายต่อผู้อื่นและตัวผู้ป่วยเองชุมชนจะเข้ามาช่วยจัดการประสานงานกับตำรวจนำส่งโรงพยาบาล นอกจากนี้พบว่าลักษณะนิสัยบุคลิกภาพส่วนตัว ความรู้ความเข้าใจในโรคการยอมรับการเจ็บป่วยของตัวผู้ป่วยเอง และ ครอบครัว ลักษณะของสัมพันธภาพของสมาชิกในครอบครัว รวมถึงบริบทของชุมชน ความรู้เรื่องโรค ทัศนคติ สัมพันธภาพของผู้ป่วยและครอบครัวกับชุมชนมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ที่เป็นโรคจิตสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในชุม ชนได้อย่างปกติสุขและมีคุณภาพชีวิต
ข้อเสนอแนะ จากผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า การดูแลของครอบครัวและชุมชนนั้น มีผลต่อการดำเนินชีวิตอยู่ในชุมชนของผู้ที่เป็นโรคจิตเป็นอย่างมาก ดังนั้นทีมสุขภาพจึงควรจัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผน กำหนดเป้าหมายในการดูแล โดยเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพการณ์ของผู้ป่วย ครอบครัวและชุมชน
สนับสนุนทุนพัฒนานักวิจัย โดย
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ภายใต้โครงการพัฒนาต้นแบบการสร้างเสริมสุขภาพในบริบทพยาบาลชุมชน
ชมรมพยาบาลชุมชนแห่งประเทศไทย
ไม่มีความเห็น