นิยาย สี่หัวใจแห่งรักแท้ ตอน รัก...ถูกลิขิต


เรื่อง 4หัวใจ แห่งรักแท้

ตอน... รัก ถูกลิขิต

. หมู่บ้านแห่งหนึ่ง

มีคน คลอดลูกพร้อมกัน ในวันเดียวกัน ทั้ง 4 คน

ครอบครัวที่แรก คือครอบครัวตระกูลพิชยัก คุณมงคล กับ คุณอัมพร ได้ลูก "ผู้ชาย" คุณอัมพรกับคุณมงคล ได้ตกลงไว้แล้วก่อนคลอดว่า ถ้าได้ลูกผู้หญิงจะตั้งชื่อว่า ' เพลิง' เพราะ อยากให้ ลูกของตัวเอง สวย เก่ง แรงเหมือน 'เพลิงของไฟ' แต่ ถ้าได้ลูกผู้ชาย ก็จะตั้งชื่อว่า 'ปฐวี' เพราะ มีความหมายว่า ดิน  'ดิน' ตามความเชื่อของคนสมัยโบราณ เขาว่า... จะเป็นคนที่มีความฉลาด และจะกระทำใน สิ่งที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่นและตนเองได้อย่างมาก

 

ครอบครัวที่สองคือครอบครัวตระกูลพงพงศ์คิต  คุณอนันต์ยากับคุณวิชัย ได้ลูก "ผู้ชาย" คุณอนันต์ยาเห็น ท่าที่ของลูกแล้ว เลยตั้งชื่อว่า "นที" มีความหมายว่า "น้ำ" เลยเรียกกันเล่นว่า “ น้ำ”

 

ครอบครัวที่สามคือครอบครัวตระกูลศีสาตร์ คุณกมนีย์กับคุณกรศุทธิ ได้ลูก "ผู้ชาย" จึงตั้งชื่อ "มารุต" มีความหมายว่า สายลม เพราะ 'กมนีย์' หมายถึง ที่พึ่งพอใจ และ 'กรศุทธิ์ ' หมายถึง ความบริสุทธิ์  เลยอยากให้ ลูกได้เป็นสายลมของความหมาย ต่อไป...

 

ทั้งสี่ครอบครัวก็รู้จักตอนไปออกกำลังการที่สถานที่คนตั้งครรภ์

ครอบครัวที่สี่ คือครอบครัวตระกูลอานนต์ คุณทรงพรกับคุณอุทยาน  ได้ลูก "ผู้หญิง"... แต่ไม่รู้จะตั้งชื่อว่า  อะไรดี..เลย โทรไปปรึกษา เพื่อนๆที่เธอจำได้ว่าตั้งครรภ์เช่นกัน...

คุณอัมพรที่เตรียมชื่อไว้เพื่อแล้ว จึง เสนอ

คุณทรงพรรู้สึก ถูกใจกับ ชื่อที่คุณอัมพรเสนอให้...เลย ตั้งชื่อว่า"เพลิง" หรือ 'ไฟ'

 

 

 

 

 

ที่นี้ก็เกิด... ดิน  น้ำ  ลม  ไฟ... เพื่อนรักเพื่อนสนิทที่เคียงข้างมาตลอด

 

ตอนที่ตั้ง ทั้งสี่ครอบครัวหวังอยากให้ลูกทั้งสี่มีความเป็นดั่งชื่อ แต่... ไม่เป็นอย่างที่หวังร้อยเปอร์เซน

 

ปฐวี นที มารุต และ เพลิง  เป็นเพื่อนกัน ตั้งแต่ยังเด็ก... ทั้งสี่ รวมสุขทุกข์กันมา ไม่เคยทอดทิ้งใครๆ จงจบเรียนประถม และเรียนต่อมัธยมที่เดียวกัน  ปฐวี นที และ มารุต ค่อยเป็นผู้ช่วยและดูแลเพลิง  เพราะเพลิงเป็นคนที่ไม่ชอบผู้ชาย และชอบมีเรื่องกับพวกผู้ชายที่เข้ามาจีบเธอ.. ทั้งกิริยา ท่าทางของเพลิงห้าวมาก และ ที่เพลิงไปมีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายทุกคน ทำให้ผู้ชายในโรงเรียนไม่กล้า เข้ามาจีบ เพลิง...

หากมี ก็ ไม่นาน จะต้องเปลี่ยนใจ เพราะกลัวแสงเพลิงที่จะเผาตัวเอง... เพลิงเรียนทางด้านการเกษตร

เพื่อกลับมาช่วยดูแล ฟาร์ม อานนต์ ฟาร์มตระกูลของเธอ

 

 

ส่วนปฐวีก็ไม่ต่างอะไรเท่าไรจากเพลิง... ปฐวีมีหน้าตาหล่อมาก หน้าใส ผมสั้น ตัวสูงถึง 190 เซนติเมตร จากหน้าตาก็คลายกับลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เรียนเก่ง ตัวเองฉลาดอย่างยิ่ง ไม่มีอะไรที่สามารถหลบสายตาเธอได้ และเธอก็มักมีผู้หญิงตามไปทุกที่ ที่เธอไป แต่เธอไม่เคยสนใจแม้แต่ คนเดียว

และชีวิตของปฐวีก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ตามเธออย่างไม่อยากปล่อยแต่ปฐวีก็รับเธอคนนั้นเป็นได้แค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น แต่ผู้หญิงคนนั้นคิดเกินคำว่า "เพื่อน" และ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ปฐวีรับเขาแค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น ที่ผู้หญิงคนนั้นคิดว่า คิดกับปฐวีเกินเลยก็เพราะเห็นว่า ' ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ได้เข้าใกล้และที่ดินใสใจนอกจากไฟและเธอ'

ผู้หญิงคนนี้ชื่อ "ใส่ฟ้า" เป็นลูกของคุณอาของดิน มีหน้าสวย หุ่นดี ตัวเตี้ยๆ กลัวคนไม่รักตัวเองเลยหาจุดเด่นใส่ตัวเองเพื่อให้ตัวเองมีความมันอกมันใจ ใส่ฟ้า เธอชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ  แต่เสียงเธอ ฟังไม่ได้เลย...ปฐวีเรียนทางด้าน รัฐศาสตร์การปกครองประเทศ

 

นทีหรือน้ำ ผิวคล้ำ มีใบหน้ากลม จมูกโด่ง ปากกางปู ตากลม หุ่นเปะ สิแพตแนน สูงประมาณ 170 เซนติเมตร... นที เป็นผู้ชายซื่อๆ ขี้เล่น... เมื่อไรที่นทีอยู่  ปฐวี เพลิง และมารุต จะไม่มีทุกข์ หัวเราะได้ตลอด เพราะนทีได้เลือดอารมณ์ดีจากคุณกรศุทธิ์ คุณพ่อของเธอที่เป็นคนยขี้เล่น ถึงนทีจะขี้เล่นไปเรื่อยแต่ถ้าใครทำให้เธอหรือคนที่เธอรักเสียใจ เตรียมตัวรับผลได้เลย

นทีไม่เคยรักใครเป็นพิเศษ ไม่เคยมีแฟน หรือ ผู้หญิงคนไหนที่ตัวเองชอบและสนใจ เพราะน้ำ สัญญากับตัวเองว่า เธอจะรักและคบกับผู้หญิงที่ตัวเองอยากแต่งงานด้วยเท่านั้น...น้ำเรียนทางด้านบริหารธุรกิจ เพราะทางบ้านทำกิจการขายรถยนต์

 

ลม ผู้ชายปากร้าย ขี้สงสัย ไม่เคารพผู้หญิง เจ้าชู้มาก แต่เธอรักหมดใจ

ลมมีใบหน้ากลมรูปไข่ ผิวคล้ำ ผมสั้น จมูกโด่ง ปากกว้าง ความสูงประมาณ 190 เซนติเมตร

ลมเรียนทางด้านบริหารธุรกิจการจัดการโรงแรมเพราะ ครอบครัวของเธอ มีธุรกิจทางด้านการรีสอร์ทและฟาร์มโคนมเป็นของตัวเอง

 

 

 ความสุขที่ ปฐวี นที มารุต และเพลิงมีได้ไม่นาน เพราะตอนที่ เพลิงอายุได้ 17 ปี คุณทรงพรได้ เสียไป และ 6 เดือนต่อมา คุณอุทยาน ซึ่งเป็นพ่อของไฟ ได้ได้แต่งงานใหม่ เป็นผู้หญิงที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของคุณอุทยาน  ผู้หญิงคนนั้นไม่ชอบไฟ และ ไฟก็ไม่ชอบเธอเหมือนกัน.. ด้วยการตัดปัญหา ไฟไปเรียนต่อต่างประเทศ ฝรั่งเศส เริ่มเรียนระดับอุดมศึกษาที่นั้น โดยเลือกการเกษตรโดยตรง ถึงเธอต้องจากเพื่อนสนิทเพื่อนรัก แต่เธอไม่มีทางเลือก...

 

4 ปีต่อมา...

   ไฟได้รับข่าวว่า คุณอุทยาน ซึ่งเป็นพ่อของเธอ ได้เสียชีวิตไปแล้ว..

     ไฟรีบกลับมา... ลมไปรับเธอสนามบิน..

"ไฟ! " เสียงลมเรียกไฟ

"ลม!" เสียงไฟ พร้อมเข้าไปกอดลม

"ไฟ เสียใจเรื่องพ่อด้วยนะ" ลมขอแสดงความเสียใจ

"ค่ะ ลม" ไฟตอบรับ

"ไฟ ทำใจดีๆนะ ลม ดิน และ น้ำ จะอยู่เคียงข้าง ไฟ เสมอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น.." ลมปลอดใจไฟ  "เรารีบกลับกันเถิดนะไฟ" ที่ลมพูดแบบนั้นเพราะลมรู้แล้วว่า บ้านของไฟ กำลังจะถูกขายไป

"ค่ะ" เสียงตอบรับของไฟ

 

ลม พา ไฟ กลับที่บ้านของไฟ..

   พอถึงหน้าบ้าน ไฟเห็น คนรับใช้ของบ้านเธอ กำลังออกจากบ้าน พร้อมพากระเป๋าใบใหญ่... ไฟวิ่งลงจากรถแล้ว เข้าไปถามคนรับใช้ของเธอ

"ป้าค่ะ ป้าค่ะ ป้าจะไปไหนหรอค่ะ"

"หนูเพลิง" ป้าน้อย พรึงพา เมื่อเห็นไฟ

ไฟเข้าไปกอดป้าน้อย แล้วพูดว่า "ไฟคิดถึงป้ามากค่ะ"

ป้าน้อย เป็นคนใช้บ้านของเธอมาตั้งแต่เธอยังไม่เกิดอีก  เมื่อแม่ของเธอเสียไป ก่อนที่เธอจะบินไปฝรังเศษ  พ่อก็ยุ่งกับงาน เธอก็อยู่กับป้าน้อย  ไฟ รัก ป้าน้อยเมื่อคุณป้าแท้ๆของเธอ

"ป้าก็คิดถึงหนู" เสียงตอบรับของป้าน้อย

"แล้ว ป้าจะไปไหนหรอค่ะ"  ไฟได้สติแล้วรีบถาม

"ป้าจะกลับบ้านของป้าที่ต่างจังหวัดจ้าหนู"

"ป้าค่ะ หนูเพิ่งกลับน่ะ เข้าบ้านอยู่กับหนูก่อน 2-3 วัน แล้วค่อยกลับไปน่ะค่ะ" ไฟพยายามคาดขวางป้าน้อยไม่อยากให้กลับ

"ไม่ได้จ้าหนู บ้านหลังนี้ คุณหญิงกำลังจะขายจ้า" ป้าน้อยพยายามบอกด้วยความอ่อนโยน เพราะไม่อยากให้ไฟ ตกใจ มาก

"อะไรน่ะค่ะ ป้า!" ไฟตกใจ จงเป็นลม

"หนูไฟ!" เสียงตะโกนของป้าน้อย เมื่อเห็นไฟ จะเป็นลม โชคดีที่

ลมวิ่งเข้ามารับไฟได้ทัน..

"ไฟ! ไฟ! ไฟ! " ลมพยายามเรียกไฟให้ตื่น แต่ไม่สำเร็จ เลยยกไฟไปที่รถ แล้วคว้า ยาดมที่อยู่ในรถของเธอให้ ไฟดม ไม่นาน ไฟก็ตื่น

"ไฟ! ไฟ! "  เสียงเรียกของลม

"ลม! คุณอรนี จะขายบ้านหลังนี้  ไฟไม่ยอมน่ะค่ะลม ไฟจะเข้าไปคุยกับเขา เขาทำแบบนี้ไม่ได้ " ไฟโวยวาย แล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน

"ไฟ!" ลมพยายามเรียกไฟ แต่ ไฟไม่ฟัง

'ใจร้อนเหมือนไฟเดิม ไม่เคยเปรียน' ลมพูดในใจ

แล้ววิ่งตามไฟไปด้วย...

 

.ในบ้านอานนต์ บ้านของไฟ

"คุณอรนี ทำไม่คุณจะขายบ้านหลังนี้ล่ะค่ะ" ไฟถามอรนี ซึ่งเป็นเมียน้อย หรือแม่เลี้ยงที่เกลียดตน และตนก็เกลียดเขา

"ฉันจะทำอะไรมันเป็นเรื่องของฉัน บ้านหลังนี้ และทุกอย่างนี้ เป็นสะสมบัติของฉัน" อรนี ตอบอย่างอวบเเละสะใจ

"ของคุณ! สะสมบัติทุกอย่างเป็นของพ่อฉันน่ะคะ" ไฟโวยวาย

"นั้น แต่ก่อน! พ่อเธอยกทุกอย่างให้ฉันแล้ว"

อรนี ตอบอย่างอวบอีกครัง

"เป็นไปไม่ได้!" ไฟตอบอย่างไม่พอใจ

"ไทไก๋  ไปรับ พินัยกรรมสิ"

ไทไก๋ ซึ่งเป็น บอดีการ์ดส่วนตัวขงอรนี มีร่างสูง ผิวคล้ำ ใส่ชุดสีดำ มีปืนอยู่ที่เอวตลออดเวลา..มุมหน้าไปเอาแฟ้ม พินัยกรรมที่อยู่บนโต๊ะของอรนี

แล้วเดินมาโยนให้ไฟดู...

ไฟรีบเปิดแฟ้มเเล้วอ่าน พินายกรรมที่ว่า.

 

 

ข้าพเจ้า นายอุทยาน อานนต์ ขอทำคำสั่งครั้งสุดท้ายของข้าพเจ้าไว้ในพินัยกรรมฉบับนี้  เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่ความตายแล้ว ข้าพเจ้าขอยกทรัพย์ของข้าพเจ้าทุกอย่าง เเด่ คุณอรนี อานนต์ ภรรยาที่ไม่จดทำทะเบียนด้วยเพี่ยงผู้เดียว

                                       

อุทยาน

นายอุทยาน อานนต์

 

"ไม่จริง ต้องเป็นพินัยกรรมฉบับปลอมเเน่ๆ คุณพ่อไม่มีทางทำอย่างนี้กับไฟ แน่ๆ" ไฟโวยวาย ไม่เชื่อ กับอะไรที่เธอเห็น

"เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจเธอ เป็นเรื่องของเธอ " อรนี .ทำเป็นไม่สนใจความรู้ของไฟ ทั้งที่ในใจ กลัวเรื่องพินัยกรรมฉบับปล่อมนี้ ถึงมือของดิน ซึ่งเป็น นักการเรียน ที่เต็มไปด้วย ความเฉลียวฉลาด

 

ลมพาไฟกับป้าน้อย กลับบ้านเธอ

พอถึงบ้านของลม... ลมพาไฟเข้าห้องนอนที่เธอเตรียมไว้ำฟ แล้วตอนที่ออกจากห้อง ลมกระซิบกับป้าน้อยว่า...

"ผมฝากป้าน้อยช่วยดูแลไฟ ด้วยน่ะ ไฟเขาอาจจะตกใจมากไปน้อย"

"จ้า คุณลมไม่ต้องเป็นห่วง" ป้าน้อยตอบรับ

"ส่วนป้าก็ อยู่ทีนี้ก่อนน่ะ เดียวอย่างไร ผมจะหางานใหม่ให้ป้า" ลมให้คำรับร้องต่อป้าน้อย

"ขอบคุณ คุณลมมากจ้า ที่อยากช่วยป้า"

"ผม ยินดีครับป้า"

 

ที่บ้านดิน ดินกำลังทำรายงานเกี่ยวกับกิจกรรมเสริมสุขภาพรักและอนุรักษ์สิ่งแวดลอมเพื่อที่จะเสนอไอเดียใหม่ของเธอ

แหละแล้ว เสียงโทรศัพท์ของดินก็ดังขึ้น

"สวัสดีครับ"ดินรับโทรศัพท์ โดยไม่ได้ดู หมายเลขที่โทรเขาเป็นของใคร

"เฮ็ย ไอ้ดิน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว" เสียงเรียกด่วนของใครสักคนที่คุ่นมาก ทำให้ดินที่มองจอ คอมพิวเตอร์ หันมามองจอโทรศัพท์ แล้วพูดต่อว่า

"อือ เรื่องอะไรว่ะ"

"คุณอรนี แม่เลี้ยงของไฟ  เมียน้อยของคุณอุทยาน จะขายบ้าน อานนต์ !" น้ำบอกดินอย่างกระวนกระวาย

"อะไรน่ะ!" ดินตกใจอย่างมาก เพราะนึกไม่ถึงเลยว่าคุณอรนีจะทำถึงขนาดนี้

"อือ! ฉันคงไม่ต้องบอกซ้ำน่ะแก่" น้ำประชดดิน

"อือ! หมายความว่า เรื่องที่ฉันรู้นั้นมันเป็นเรื่องจริงสิ" ดินพรำพา

"เรื่องอะไรว๊ะ? " น้ำถามอย่างงงๆ

"ก็ เรื่องที่คุณอุทยานเขียนพินัยกรรมยกสะสมบัติทุกอย่างให้คุณอรนีสิ" ดินตอบ

"อือใช้  ไอ้ลมเขาก็ดูพินัยกรรมนั้นแล้ว คุณอุทยานลงชื่อเซ็นเองจริงๆ ไม่ใช้การคัดลอเได้ๆ  ส่วนไฟก็ยืนยันด้วยว่า เป็นลายเซ็นคุณอุทยาน" นทีรายงานอย่างคราวๆ

"แล้ว ยันไฟ อยู่ที่ไหนละ?" ปฐวีถามนทีอย่างรีบๆ

"บ้านของไอ้ลม ทำไม่อ่า" นทีตอบอย่างงงๆ

"เขา เป็นไรบ้างว่ะ"

"ก็ ตกใจมากเหมือนกัน" นทีตอบอีกครั้ง

"สงสาร ยัยไฟมากเลยว่ะ" ปฐวีรำพึงอีกครั้ง

"แล้ว แก่มีวิธีไหนไม่ ที่ จะช่วยไฟ" นทีถามถึงความช่วยทางออกให้ไฟ

"เราไม่สามารถทำอะไรแล้ว ถ้านั้นคือสิ่งที่ผู้ตายได้เขียนไว้ ที่ทำได้ก็คือ ทำตามที่ผู้ตายต้องการเท่านั้น" ปฐวีพูดอย่างหมดอารมณ์

 

ช่วงเวลาที่นทีกับปฐวีคุยโทรศัพท์อยู่  ที่บ้านลมป้าน้อย เอา ข้าวต้มไปให้เพลิง..

ป้าน้อยเข้าห้องนอนเพลิง แล้วเห็นเพลิงเหมือนดีขึ้น ไม่ร้องไห เเละสู้เหมื่อนเพลิงที่เธอรู้จักตอนที่เพลิงยังไม่ได้ไปที่ฝรังเศษอีก  ป้าน้อยยิ้ม ภูมิใจที่เพลิงทำใจได้เร็วถึงขนาดนี้ เพลิงเป็คนดี คนขยัน เเละสู้ ตลอด มีนิสัยอ่อนโยนรักสัตว์ ขยัน เก่ง คล้ายกับคุณทรงพร แม่ของเธอ  แต่นิสัยโกรธง่ายอย่างกับไฟที่ร้อนนั้นเหมือนกับคุณอุทยานเปะ ถึงเพลิงจะโกรธง่าย แต่ ลึกๆแล้วเธอเป็น คนดี อ่อนโยน รักสัตร์ ชอบช่วยเหลือคนอื่น

"หนูเพลิง ป้าทำข้าวต้มจานโปรดของหนูเพลิงให้  หนูเพลิงกินน่ะ นิดเดียวก็อย่างดี ป้าอุสาทำมาให้น่ะ"

เพลิงที่กำลังทำรายงาน ตั้งหน้าตั้งตามองจอคอมพิวเตอร์ก็หันหลังมามองป้าน้อยอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินว่า 'ข้าวต้มจานโปรด'

"ข้าวต้มจานโปรดเรา!" เพลิงรำพึงด้วยความตืนเต็นและเต็มไปด้วยความดีใจที่ป้าน้อยยังจำอาหารจานโปรดของเธอ

"ใช้จ้า นี้ป้าก็ทำน้ำส้มมาด้วย กินนิดหนึ่งน่ะจ้าหนู" เสียงต่อร้องของป้าน้อย

"หนูจะกินให้หมดจานเลยค่ะ นานเเล้วไม่กินอาหารฝีมือของป้าค่ะ" ด้วยความตื่นเต็นที่จะได้กินอาหารจานโปรดของเธอ ทำให้เธอชนแก้วน้ำโกโก๋ ที่อยู่บนโต๊ะทำงานเธอ แล้วแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะก็ตกลงมา ทำให้น้โกโก๋ หบหมดเเก้ว

'เค้ง' เสียงแก้วน้ำโกโก๋

"อุ๊ย" เสียงตกใจของเพลิง

"อุ๊ย หนูเพลิง! " เสียงห่วงใยของป้าน้อย

" ป้า ไม่ต้องเก็บหรอกค่ะ เดียวหนูทำเอง ป้านั่งบนเตียง หนูจะกินข้าวต้มป้าก่อน เดียวหนูทำ" เสียงห้ามของเพลิง เมื่อเธอเห็นป้าน้อยกำลังจะเก็บเเก้วโกโก๋ที่เธอทำตกบนพื้น

"แต่ว่า หนูเพลิง..." ป้าน้อยพยายามที่ จะทำ

"ไม่มีแต่ค่ะ ตอนที่หนูอยู่ฝรังเศษ หนูก็เป็นคนซุ่มซ่ามอย่างนี้ตลอดเลยค่ะ แล้วหนูก็เช็ดเองได้ หนูทำได้ค่ะป้า" เพลิงทำเสียงเข็มมาก "ป้านั่งเถอะค่ะ"

"จ้า หนู" เสียงตอบรับของป้าน้อย

"แล้วป้าไม่กินด้วยหรอค่ะ" ไฟนึกถึงจึงถาม

"ไม่หรอกจ้าหนู ป้าเห็นหนูกิน และ ทำใจได้ ป้าก็อิ่มแล้ว" น้ำตาของป้าน้อยไหลริมด้วยความดีใจ

เพลิงที่กำลังจะกินข้าวต้มเห็น ป้าน้อยร้องไห้ เลยพูดว่า

"ไม่เอาน่ะป้า อย่าร้องสิ เพลิงยังสู้ ยังเป็นไฟตัวเดิมค่ะ..แม่ เคยสอนไฟตลอดว่า 'หากเรามีปัญหาอะไร เราควรมีสติ เราเพิ่งจะได้ แก้ไขมันได้  และ หากเราแก้และทำอะไรไมาได้ เราควรจะยอมรับว่า สิ่งที่ก็กับเรา ยอมเป็นสิ่งที่ดีเสมอ' ค่ะป้า ไฟไม่เคยลืมคำสั่งสอนของแม่ และของป้สด้วยค่ะ"

ป้าน้อย งงๆ ว่า คำสันสอนอันไหนที่เพลิงหมายถึง จึงถามไปว่า "คำสันสอนอันไหนหรอจ้า หนู?"

"อ่าว ก็ที่ป้าชอบบอกสิค่ะ ' เราต้องเข็มเเข็งเสมอ เพื่อทุกปัญหามันพึงจะผ่านไปด้วยดีถ้าเรามัวเเต่อ่อนแอเราก็จะไม่สามารถแก้ หรือผ่านปัญหานั้น' ป้าค่ะ ไฟ จำเสมอค่ะ" เพลิงตอบเดียวความเข็มแข็ง  ทำให้ป้าน้อยยิ่งภูมิใจ ในตัวของเพลิง

"มาค่ะ ป้า อ้าปากเพลิงจะป่อนข้าวต้ม ค่ะ นานแล้วที่เพลิงไม่ป้อนป้าค่ะ"

ป้าน้อยยิ้ม เมื่อจำ ความทรงจำดีๆนั้น

 

ระหว่าง ที่เพลิงกินข้าวต้มไปป้อนข้าวต้มให้ป้าน้อย มารุตส่งคนเข้าไปสืบคนที่จะซื้อบ้านอานนต์ บ้านของเพลิง

" เป็นไรบ้างครับ" เสียงถามของลมต่อคนที่ตนกำลังคุยในโทรศัพท์

"ทุกอย่าง ทุกข้อมูล ผมได้ส่งใน อีเมลคณมารุตแล้วครับ" เสียงตอบรับของคนในโทรศัพท์

"ขอบคุณมากน่ะครับ ค่าจ้างของคุณ ผมได้โอนไปแล้วน่ะครับ หากมีอะไรเพิ่มเต็มผมจะโทรหาคุณอีกครั้งน่ะครับ"

"ยินดีครับ คุณมารุต"

 

วันรุ้งขึ้น มารุตตื่นขึ้นมา แล้วตรงไปที่ห้องน้ำ ทำธุระของตนอยู่ แหละแล้วก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์... มารุตรีบวิ่งออกมารับโทรศัพท์

"อือ มีไรว่ะไอ้ดิน" มารุตรับโทรศัพท์พร้อมถามอย่างงงที่ปฐวีโทรหาเธออย่างแต่เช้า

"ได้ความแล้วหรือยัง" ปฐวีไม่ตอบแต่กลับถาม

"เรื่องไรว๊ะ" มารุตงงใหญ่

"นี้! แก่ลืมแล้วหรอว๊ะ ก็เรื่องที่คนที่จะซื้อบ้าน ยัยไฟสิว๊ะ" ปฐวีพูดเสียงเข็มออกมา

"ออ...รู้แล้ว รอ 5นาที น่ะ ฉันจะส่งอีเมลล์เรื่องเขาให้แก่"

"อือ" ปฐวี ตอบอย่างหมดอารมณ์

 

 

 

.บ้าน ปฐวี

ปฐวีเปิดคอมพิวเตอร์รออีเมลจากมารุต

แตลง!  เสียงอีเมลเข้าจากคอมพิวเตอร์ของปฐวี 

ปฐวีรีบเปิดอ่าน...

 

 ชื่อ นายกริชชัย วงวานัสกรณ์

อายุ 28 ปี

จบเอกการเกษตรโดยตรง มีบริษัทการเกษตรเป็นของตัวเอง เป็นฟาร์มโครนมที่ใหญ่ ร้องจากฟาร์มมารุต ศีสาตร์

มีแฟนชื่อ อรทัย อัศศนง เป็นน้องสาวของ คุณอรนี้ อานนต์

 

"เฮ็ย คู่แข็งของไอ้ลมนิด! นายกริชชัยนี้น่ะ แถมยังเป็นแฟนของน้องสาวของคุณอรนีอีก จะต่อตามแผนอีกไม่ได้แล้ว เฮ็ย ทำไงดีว๊ะ!! " ปฐวีเครียดไม่รู้จะหาทางเพื่อจะซื่อบ้านของเพลิงไม่ได้...

 

กริชชัยขับรถ สปอตร์ สีขาว แลนน์เข้ามาในบ้านของคุณนวน ซึ่งเป็นแม่ของตน แล้วจอดหน้าบ้าน ลงจากรถพร้อมกับอรทัย แล้วเดินเข้าไปในบ้าน

"สวัสดีครับ คุณแม่  พี่นาด" กริชชัยทำความเคารพคุณนวน และนาด นาดซึ่งเป็นพี่สาวคนเดียวของเธอที่ยังไม่ได้แต่งงงาน กริชชัยมีพี่น้องอยู่ 4 คน .กริชชัยมีพี่สาว 3 คน และตน เป็นคนสุดท้อง และเป็นผู้ชายคนเดียวด้วย

"สวัสดีจ้าลูก" คุณนวนรับไหว้กริชชัย

"จ้า กริช  เป็นบอกว่า มีเรื่องที่อยาหบอกเเม่ เรื่องไรหรอ" นาดรับไหว้พร้อมถาม

"อือ มีเรื่องไรหรอลูก?" คุณนวนทำท้าสงสัย

"ครับแม่  ผมอยากซื้อบ้านครับ บ้านของอานนต์ ครับ ราคา 65 ล้านครับแม่ บ้านหลังนี้คุณอรนี พี่สาวของอรทัยเองครับ แม่" กริชชัยบรรยายให้คุณนวนเเละนาดฟัง

" โธ๋   ลูก 65 ล้าน ไม่แพงไปหรอลูก" คุณนวนพยายามคัดคางไม่ให้กริชชัยซื้อบ้านหลังนั้น

"พี่ได้ยินว่า บ้าน หลังนั้นเจ้าของบ้านเพิ่งเสียไป แถมยังฆ่าตัวตายอีก รีบๆขายงี้ มันน่าสงสัยไม่ค่ะกริช หรือว่า มีผีเปล่า!"  นาดสำเติมอะไรที่แม่เธอบอก

ส่วยอรทัยก็รู้สึกโกรธในใจ ที่ ได้ยินคุณนวนและนาดกำลังประชดเธอ

"ผีอะไรกัน ไม่มีหรอกครับ" กริชชัยพูดเฉยไป คุณนวนไม่สามารถจะคาดความอยากได้ของลูก เลยปล่อยให้กริชชัยซื้อบ้านหลังนั้น

 

สองวัน ก่อนที่กริชชัยจะซื้อบ้านอานนต์

ป้าน้อยได้ให้จดหมายที่คุณอุทยานฝากมาให้เธอ ให้ฝากแด่ เพลิง...

ตอนที่ป้าน้อยให้จดหมายนั้น เพลิงรีบจะไปซื้อของ เลยเก็บไว้ในตู ในห้องนอนของเธอ แล้วรีบขึ้นรถไปซื้อของกับมารุต

พอถึงร้าน เพลิงลงจากรถเเล้วเข้าไปซื้อของ...

ส่วนมารุตก็ขับรถ..รอที่ๆจอดรถ..

 

 

5 นาที่ ต่อมา....

เพลงออกจากร้าน.. เเล้วมีรถยนต์ สีดำ มาจอดต่อหน้าเพลิง แล้วลากเพลิงเข้าไปในรถ เพลิงร้องขอความช่วยเหลือ

"เฮ็ย ช่วยด้วย ช่วยด้วย!" แต่คนในรถนั้นโปะ ยาสลบใส่..

มารุตที่รออยู่ในรถ ก็รู้นานมาก ที่รอ แล้วเพลิงก็ไม่ออกมาสะอีก

 

 

ช่วงที่เพลิงอยู่ในรถโดยที่หมดสติ... คุณอรนี ให้คำสั่งแด่ ไทไก๋ว่า..

"เก็บมันสะ!เเละ อย่าให้ใครเจอศพมันล่ะกัน"

"ครับ คุณอรนี" ไทไก๋ รับคำสัง

ถึงที่ร้านล้างรถ คุณอรนี ก็ลงรับรถของตัวเอง แล้วขับมันกลับมาที่บ้าน

ส่วนไทไก๋ก็สั่งลูกน้องของตน ให้ทำตามที่คุณอรนีสั่ง...

แล้วเอารถไปรอข่าวที่คอนโดของตน

 

ส่วนมารุต ก็ตามหาเพลิง ภายในร้านแล้วไม่เจอ พยายามติดต่อ แต่ไม่รับสาย

'ตลิง!" เสียงข้อความจากโทรศัพท์ของมารุต

มารุตรีบคว้าโทรศัพท์เเล้วอ่านข้อความนั้น

"เฮ็ย ข้อความจากเพลิงนิ!" มารุตรำพึงแล้วรีบอ่าน

'ลมค่ะ ลมกลับก่อน่ะกันน่ะ ไฟอยากเดินเล่นก่อน เพื่อให้หายเศร้า เดียวไฟกลับ ' 

"ไฟจริง! เลย จะไปไหนไม่บอกก่อน"

 เมื่อมารุตได้อ่านข้อความนั้นเเล้ว เธอก็เลยไปทำธุระของเธอ

 

กลางทาง เพลิง ได้ตืนขึ้นมา เลยได้ยินเสียง คุยกันว่า...

"แล้วเราจะฆ่าเขาไงว๊ะ"

"ก็ฉียยาฆ่าตัวตาย เเล้วเอาไปฝังไว้ ก็จะไม่มีใครมาเห็นมันแล้ว"

"อือๆ"

"เฮ็ย หยุดตรงนี้เเหละ"

ชายสองคนก็ลงจากรถแล้วยกตัวเพลิง ทิ้งไว้บนพื้นดิน แล้วไปเอากล้องยา เพลิงเมื่อได้จังหวะก็ลุกขึ้นหนี้ไปเลย

"เฮ็ย  มันหนีไปแล้ว" หนึ่งในสองชายนั้นเห็น

"รีบตามมันไป" ชายอีกหนึ่งคนให้คำสั่ง

เพลิงหนีอย่างสุดความสามารถ  ผ่านป่า ผ่านเเม่น้ำ แล้วเจอหนึ่งหมูบ้าน  เพลิงไม่คิดมากเลยเข้าบ้านของใครสักคน แล้ว ผู้ชายสองคนนั้นก็มาถึงหมูบ้านนั้น เลยถามชาวบ้านดู

"พี่คับ พี่เห็นผู้หญิงหน้าใสๆ ผมยาวๆไม่คับ"

เพลิงได้ยินคำพูดของชายคนนั้น เลยหากรรไกรมาตัดผมของตัวให้สันเหมือนผู้ชาย

"ผู้หญิงอะไร  ไม่มีหรอก"ชายบ้านคนหนึ่งตอบมา

"ใส่ชุดสีเท่า เขาเป็นน้องสาวผมเอง " ไม่มีคับ

เพลิงได้ยินคำว่า ชุดสีเท่าเลย คว้าชุดคนในบ้านหลังนั้นมาใส่  ด้วยความใจร้อนของเพลิงที่เหมือนไฟ ก็ทำให้ของตก

' แคง!" เสียงของตก ทำให้หนึ่งในชายนั้นได้ยิน

"เฮ้ย ใครว๊ะ!.. ออกมาเดียวนี้..ถ้าไม่ออกกูจะ พังประตูน่ะ"

เพลิงเปลียนชุดเสร็จก็รีบออกมา

"เอกอะ โวยวายอะไรกันพี๊ ไม่มีความเร้งอกเร้งใจเลยหรอ ฮ้ะ! ลีกๆไป จะไปทำงานเลย"

เมือได้ออกมา เพลิงก็รีบไปที่สนนใหญ่ เเล้วเห็นรถยนต์ขันหนึ่ง กำลังจะผ่าน เลย..

"เดียวก่อนคับๆ " เพลิงตะโกนเรียก

"มีอะไร หรอหนู? "คนขับรถถาม

" ป้า จะไปไหนหรอคับ" เพลิงถามอย่างรีร้อน

"ป้า จะไปกรุ่งเทพ แล้วหนูล่ะ" คนในรถถามเพลิงอย่างงงๆเพราะเห็นเพลิงตืนเต้นตกใจอย่างกับกระวงกระวาย

"ไป กรุ่งเทพเหมือนกันจ้า  ขอติดรถไปด้วย ได้ไม่จ้า"

"ได้ๆ ขึ้นรถได้เลย ขึ้นๆ"

"ขอบใจจ้า"

เพลิงรีบขึ้นรถแล้วการเดินทางของเขาที่แสนยาวไกล้ก็เกิดขึ้น....

 

"ไฟ เพิ่มอายุ 19 ปี แต่คุณอุทยานกลับยกทรัพย์สมบัติทุกอย่างให้กับคุณอรนี เป็นไปได้ไง" ปฐวีคิดอยู่คนเดียวในบ้านของเขา

 

จากเรื่องที่เธอคิด เธอก็เริ่มหาความจริง....

 

ไฟกลับมาถึงบ้านของมารุต...

รีบเข้าห้องนอนของตัวเอง เพือที่จะเก็บข้าวของของตัวเอง แล้วจะรีบกลับฝรังเศษ ถึงเธอจะไม่ได้อะไรที่เมืองไทยอีกแล้ว เพราะทุกสมบัติพ่อของเธอก็ยกให้คุณอรนี แต่ เธอก็ยังมีบ้านที่อยู่ฝรังเศษ และตอนนี้ ชีวิตเธอก็ตกอยู่ในอันตรายอีก  แหละแล้วธอก็เห็นจดหมายที่ป้าน้อยให้เธอเมือวาน เธอรีบคว้าจดหมายนั้นแล้วเปิดมาอ่าน

' พินัยกรรมฉบับจริงอยู่ในรูปของ...'

ข้อความนั้นเขียนจบ แต่ตรงคำตอบนั้นมีขราบเลือด เลยไม่รู้ว่าคำตอบมันว่าอะไร

"โธ๋เอ๊ย! อ่านไม่ออกเลยอ่า " เพลิงพยายามอ่าน แต่ อ่านไม่ออกเลย จากนั้นเพลิงวิ่งไปหามารุตที่ห้องทำงานของเธอ

"ลมๆ! จดหมายที่พ่อไฟฝากมา" ไฟรีบร้อนเหมือนชื่อเธอ ร้องตะโกนอย่างกับไฟกำลังโดนไม้ฝืนที่แห้งแล่ง

"เจอตัวก็ดีแล้ว ยัย ฟาก...." ที่แรกมารุตอยากด่าเพลิงให้สะสม ที่เพลิงทิ้งเธอไปเป็นชัวโมงๆ แต่สุดท้ายก็ส่งขอความให้กลับก่อน แต่พอมาเห็นผมของเพลิงทำให้มารุตชะงัก

"ผม ของไฟเป็นไรหรา??"

"เมือวานไฟ โดนจับตัวไป "

"ฮ่ะ!" มารุตตกใจใหญ่เลย "แล้วะวกเขาทำอะไรไฟไม่ ฮ่ะ แล้วไฟเป็นไรหรือป่าวล่ะ " มารุตสะถามเพลิงไปหมด

"ไฟไม่เป็นไรค่ะลม ไฟปลอดภัยค่ะ แต่ไฟว่า ไฟรู้ว่าใครเป็นคนสั่งให้ทำอย่างงี้"

"ใครหราไฟ?"

"คุณอรนี! ลองลมดูนิ!'' เพลิงยืนกระดาษเเผนหนึ่งให้กับมารุต

มารุตรับกระดาษแผนนั้นแล้วอ่านมันไป แหละแล้ว!

"ไฟ! นี้เรื่องจริงหรา " มารุตถามอย่างตกใจ หลังจากได้อ่านจดหมายฉบับนั้น

"ใช่ค่ะ นั้นลายมือพ่อไฟเอง ไฟจำได้ พ่อให้จดหมายนี้กับป้าน้อย และบอกให้มาให้ไฟ

และ ไฟคิดว่า คนที่จับไฟไปนั้นเป็นคุณอรนี เพราะเขากลัวว่า ไฟจะฟองร้องดินเรื่องพินัยกรรมฉบับปล่อม" เพลิงอธิบายให้มารุตฟัง ถึงเพลิงจะมีเลือดที่ร้อนร่นตลอดเวลา แต่เพลิงมีความคิดดีๆเสมอมาแนะนำให้กันและกัน

"งั้น ลมจะโทรหาดิน และน้ำ ก่อน เดียวอย่างไร เรามาคุยปัญหานี้ด้วย" มารุตพูดจบเเล้วหันหลังคว้าโทรศัพท์แล้วโทร.หา ปฐวีกับนที

 

.บ้านของอรนี... ที่มีการฉลองกันเป็นยักษ์เป็นใหญ่..

"ในที่สุด เราก็สบายเนอะ ไทไก๋ " คุณอรนีพูดขึ้นมาด้วย ที่ตัวมัวยังจะเป็นลม

"คับ ใช่แล้วคับ" คนที่ตอบก็เมาไม่ต่างอะไรกับคุณอรนี

"เราฉลองให้เต็มที่เลยน่ะ ดื่ม!"

 

"พรุ่งนี้ไฟจะเข้าไปในบ้านหลังนั้น เพราะยังไรก็บ้านก็ไม่มีใครอยู่ อยู่แล้ว คุณอรนีกำลังจะขายบ้านหลังนั้นนอยู่ ตอนนี้เธอก็อยู่บ้านของเธอแล้ว" เพลิงให้ไอ้เดีย ต่อหน้า ปฐวี นที และมารุต

"มัน อันตรายน่ะ ไฟ" มารุตพูดค้างไอ้เดียบ้าๆของเพลิง

"ไฟ! รู้ได้ไงล่ะ ว่าพินัยกรรมฉบับจริงนั้นอยู่ในบ้านหลังนั้น?" นทีผู้ซึ่งที่ตลกทุกเวลา ถามขึ้นมาอย่างมีสาระเป็นครั้งแรก

"โอโฮ้ ครั้งแรกเลยน่ะ ในชีวิตฉัน ได้ยินแก่มีสาระโว๊ย" มารุตแซวนที

"นี้นิไอ้ลม แก่..." นทีพูดไม่ทันจบ ปฐวีก็ตัดบทไป เพือไม่อยากได้ยินเสียงทะเลาะของมารุตกับนที ยิ่งมารุตเป็นคนที่ใจร้อนเหมือนลมพายุขนาดแรง และนทีเป็นคนที่ชอบเป็นที่ซือๆเล่นๆอีก

"ฉันว่าอะไรที่ไฟพูดมันก็จริงน่ะ เราใช้แผนเข้าไปในบ้านหลังนั้น ไฟจะเข้าไปกับป้าน้อย เพราะแค่ป้าน้อยคนเดียวที่รู้ว่า ตอนที่คุณอุทยานป่วยนั้นเขาพักอยู่ห้องไหน" ปฐวีผู้เจ้าแผนเจ้าการ เสนอแผนที่ตนกำลังคิด

"ไอ้ดิน เป็นแผนแรกในชีวิตฉัน ที่ฉันได้ยินแล้วมันโง่ที่สุด  แก่ใช้อะไรคิดว๊ะ หากจู่ๆ คุณอรนีรู้เข้า ไฟไม่ตายหรอว๊ะ คิดอะไรบ้าๆ" มารุตโกรธไม่แพ้เหมือนลมพายุเหมือนชื่อเธอ

"แล้วลมมีแผ่นอื่น ที่ดีกว่านี้ไม่ล่ะ ฮ่ะ มีไม่" เพลิงรู้สึกแซงๆที่มารุตดูถูกความคิดของเขา ซึ่งตัวเองก็ไม่มีไอ้เดียอีกด้วย

ส่วนมารุตก็ย่นจมูกใส่ เพราะตัวเองไม่มีคำตอบที่จะให้

นที ผู้ซึ่งอารมณ์ตลอด ก็หัวเราะห์ อย่างสะใจที่ มารุตโดนไฟด่า

"ใช่เวลาหัวเราะห์เปล่าล่ะ " เพลิงรู้สึกแซงเหมือนก่องไฟกำลังร้อนที่นทีหัวเราะห์อย่างไม่ถูกเวลา

 

วันต่อมา...

นที มารุต และปฐวี มาส่งเพลิงกับป้าน้อยที่บ้านอานนต์ เพื่อมาหาพิยัยกรรม

เพลิงกับป้าน้อยเข้าไปในบ้านหลังทีเพิ่งโดนขายไปสดๆ ส่วน นทีเป็นคนขับรถ เธอชำนานด้านรถมากๆ และปฐวี ซึ่งด้านแผนการ และมารุต ซึ่งเป็นคนดูทางใน  ทั้งสามรออยู่ในรถ ส่วน เพลิงกับป้าน้อยเข้าไปเดินอย่างช้าๆ เปิดประตู่ด้านหลังของบ้าน  แล้วเพลิงเข้าไปในห้องทำงานของคุณอุทยาน ส่วนป้าน้อยก็เข้าไปในห้องเก็บของส่วนตัวของ คุณอุทยาน

 

เพลิงปลิบรูปนั้นไป ปลิบรูปนี้มา

"เฮ๊ย! เราจะหาเจอได้ไม่นิ " เพลิงโพลงออกมาอย่างเหนือย เพราะค้นหามาเกือบชัวโมงแล้วแต่ไม่เห็นวีแววจดหมาย กระดาษ หรือ อะไร ที่เกี่ยวกับพินัยกรรมได้เลย

และวันนั้นดั่งเป็นวันที่กริชชัยเข้ามาดู ความเรียบร้อยของบ้านที่ตนเพิ่งซื้อมา

 

ตอนที่มารุตเห็นว่ามีรถแลนเข้าไปในบ้าน เธอเรียกปัฐวี แหละแล้วเห็นปฐวีกับนทีกำลังหลับสบาย

"โฮ้! พวกมึงหลับสบายเลยน่ะ เดียวเฮอะๆ

เฮ๊ย! ตืนๆ งานเข้าแล้วๆ "   มารุตตะโกนใส่หู นทีและปฐวี ที่กำลังหลับสบาย

"ไรว๊ะ" ปฐวีถามอย่างงงๆ

"อือดิ ไรว๊ะ" นทีย้ำใส่

"กริชชัยมา เข้าไปในบ้านแล้ว " มารุตปากตอบ   มือกดโทรศัพท์ เพื่อที่จะโทรหาเพลิง หัวคิดไรไม่ออก ใจคอรู้สึกไม่ดี สมองคิดแต่ความปลอดภัยของเพลิงเท่านั้น

"โทรติดไม่.? " ปฐวีถามอย่างกระวงกระวาย

"ไม่ว๊ะ!" มารุตตอบอย่างหน้าซิดที่ไม่เคยเป็น

"เอาไงว๊ะ" นทีถามปฐวี ซึ่งเป็นเจ้าแผ่นการ

 

 

เพลิงซึ่งกำลังหาพินัยกรรมอยู่ ได้ยินเสียงเปิดประตู จึงเงยหน้าขึ้น และแล้วก็เห็นป้าน้อย ที่เหมือนคนที่ตกอกตกใจ เพลิงมองอย่างงงๆ

"รีบ ออกจากที่นี้กันเถอะ คุณลมโทร.บอกป้าว่าเจ้าของบ้าน มาแล้ว" ป้าน้อยพูดอย่างกระวงกระวาย

"อะไรน่ะ เจ้าของบ้านมา " เพลิงตกใจมากเลยทำอะไรไม่ถูก ไปทางซ้าย ทางขวา ทางซ้าย ทางขวา "เราจะทำอย่างไงหราจ๊า ป้า "

"โทร.หาคุณดินสิจ๊า ลองถามเขา"  ป้าน้อยเสนอความคิดเห็น

"อือๆ ค่ะๆ" ตอนที่เพลิงกดเบอร์ปฐวีแล้วกดปุ๋นโทร.ออก สิบสองนาฬิกา เดินตรง มาเปิดประตูห้องทำงานของคุณอุทยาน แล้วเห็นเพลิงกับป้าน้อย เพลิงรีบเก็บโทรศัพท์ โดย ไม่ทันกดปุม 'ว่างสาย'

 

ปฐวี นที และ มารุตที่อยู่ในรถ...

เมื่อได้รับการโทร.ของเพลิงก็รีบรับมัน แต่ กลับได้ยินการสนทนาของเพลิงกับชายคนหนึ่ง

' นี้คุณเป็นใครฮ่ะ คุณเข้ามาในบ้านนี้ทำไม่ หรือว่าเป็นโจร' เสียงชายคนนั้น

'เปล่าค่ะ พวกเราไม่ใช่โจรคับ คือ..." เพลิงลากเสียงยาวหาคำตอบให้ชายคนนั้น และคำตอบนั้นต้องไม่ให้ป้าน้อยต้องเดือดร้อน  ส่วนคนที่อยู่ในรถลุ่นอยากรู้คำตอบจงหายใจไม่ออก

'คือ อะไรฮ่ะ อยากแก้ตัวว่าไง' ชายคนนั้นกดดันเพลิงกับป้าน้อย จงป้าน้อยหน้าซิด

' เราเป็นคนใช่ที่นี้คับ' เพลิงโพลงออกไป อย่างไม่ได้ตั้งใจ จงทำให้ป้าน้อยต้องอ่าปากค้างเลย

'คนใช่หรา' ชายคนนั้นพูดซ้ำ และเวลานั้นโชคก็เข้าข้างตัวเอง เพราะป้าน้อยไอ้ออกมา จึงทำให้เพลิงมีไอเดียทั้งที

'คับ ผมรู้น่ะคับ ว่าบ้านหลังนี้คุณอรนีขายแล้ว แต่ผมกับแม่ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนจริงๆ บ้านก็ไม่มี กระเป๋าตั้งก็โดนขโมยพลาดเอาไป หางานอื่นก็ไม่ได้  แม่ก็ไม่สบาย เป็นโรคหลายโรคมาก ทั้งเบาหวาน ความดัน ครบไปทุกอย่าง ผมเป็นห่วงแม่มากๆ ไม่รู้จะไปไหน เลยมาอยู่ที่นี้ ชั่วคระชั่วคราว ก่อนที่เจ้าของบ้านมาอยู่คับ' เพลิงพูดอย่างเสียงเศร้ามากๆ จงทำให้ทั้งสามที่อยู่ในรถนั้น ลุ่นคำตอบจากชายคนนั้นอย่างเป็นอย่างตาย ส่วนป้าน้อยหน้าซีดเป็นร้อยเท่า

"แล้วตอนนี้ พวกเธอไม่มีงานแล้วใช่ไม่ละ" ชายหนุ่มคนนั้นถาม

" คับ"

"งั้นดี พวกเธอทำงานกับฉันเอง" ชายหนุ่มสรุป

"ฮ่ะ! " เพลิงตกใจใหญ่เลย ไม่นึกว่า ชายหนุ่มคนนั้นจะให้คำตอบอย่างนั้น

"ครับ" ชายหนุ่มตอบพร้อมยิ้มแจ้ง "วันนี้ฉันจะเข้ามาอยู่ที่นี้ ฉันอยากให้ทุกอย่างเรียบร้อย น่ะ"

ชายหนุ่มแจ้งให้เพลิงกับป้าน้อยทราบ

 

สามคนที่รอค่อยอยู่ในรถ พากันงงๆ และไม่เข้าใจ จากที่พวกเขาได้ยิ้น

"จะเอาไงฮ่ะว๊ะ" มารุตถามปฐวี

"อือ ไงว๊ะ" นทีเสริม

"รอ ให้ ยัยไฟ โทร.หาเราก่อน" ปฐวีตอบ

นทีกับมารุตเธอมันใจในตัวปฐวีที่มีแผนการตลอดที่อยู่ในหัวเลยมิได้ถามอะไรเยอะ

 

"คุณกริชครับ" เสียงเรียกของป๋อง หรือชื่อเต็มว่า ป๋องเทพ เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของกริชชัย

"ครับ มีไรหรา...ป๋อง" กริชชัยตอบรับ

"รถเก็บของมาแล้วคับ" ป๋องรายงานให้ทราบ

"ดี ด้วยเก็บของทุกอย่างที่เป็นของบ้านนี้ไปไว้ที่อื่น  ส่วนรูปทั้งหมดก็ไปว่างไว้ที่ห้องเก็บของที่โรงงานน่ะ" กริชชัยชี้แจ้ง

"ครับ คุณกริช" ป๋องรับทราบ

 

"เฮลโล ลมค่ะ!" เพลิงแอบไปโทร.หา มารุต

" ไฟ เป็นไงมาไง ที่บอกว่าเป็นลูกของคนใช้ ฮ่ะ รู้ไม่ว่ามันอันตรายแค่ไหน" ลมโพลงความโกรธออกไป

"อะไรของแก่ว๊ะ ไอ้ลม ไฟกำลังมีปัญหาใหญ่โต แถมที่จะช่วยแก้ แกกลับมาสำเติมอีก" นทีแย่งโทรศัพท์ แล้วคุยกับเพลิงเอง

"ไฟ ครับ" นทีพูด

" ดิน น้ำ ลม ไม่ต้องเป็นห่วง ไฟดูแลตัวเองได้น่ะ แค่อาทิตย์เดียวเอง เดียวหากมีอะไร ไฟจะโทร.หา ทั้งที" เพลิงชี้แจ้ง

"ครับ ไฟดูแลตัวเองด้วยน่ะ" ปฐพูดก่อน นทีจะแย่งโทรศัพท์กลับมา "จำไว้ ดิน น้ำ ลม จะเอาใจช่วย และ ไฟ เสมอน่ะ"

"ช่วยหลับใสให้คับไฟ" มารุตตะโกน แล้วทำหน้าเฉย

"เฮ็ย !" ปฐวีกับนทีโพลออกมาด้วยกัน

 

กลางคืน ตอนที่ กริชชัย เข้านอน

เพลิงกับป้าน้อย แอบเข้าไป ในห้อง ทำงานของคุณอุทยาน แต่ปรากฏว่า รูปในห้องนั้นไม่มีแล้ว

"เฮ็ย ป้า! รูปไม่มีแล้วอ่า" เพลิงพูดได้ดั่งกว่ากระซิบ

"เรารีบออกเถอะน่ะ หนูไฟ คือว่า ป้ากลัวคุณกิตเขามาเห็นจ้า" ป้าน้อยเตือนเพลิง

"จ้าป้า" เพลิงรับ แล้วรีบออกจากห้อง

สิบสองนาฬิกาอยู่ตรงหน้าประตู

"นี้ พวกคุณทำอะไร ในมืดๆ ฮ่า" กริชชัยถาม

"คือ เมือเช้า ผมมาทำความสะอาดห้องนี้ เลยกระเป๋าตั้งผมตกครับ" เพลิงตอบอย่างไปๆ และหวังในเธอเชื้อ

"เลย ทำไม่ไม่เปิดไฟล่ะ " คือไม่อยากรบกวนคุณกิตครับ

"เธอ ชื่ออะไร " กริชชัยเริ่มสงสัย เพราะเธอไม่เคยบอกหรือแนะนำให้สองคนนี้รู้จัก

"ผม อือ ผะผม อเนก จงใจ ครับ คุณกิต เรียกผมว่า โอง ก็ได้ครับ ส่วนนี้แม่ผม ป้าน้อยครับ" เพลิงแนะนำตัวเองเเละป้าน้อยในฐานะแม่ของตัวเอง

"แล้วรู้จักชื่อผมได้ไงล่ะ ผมยังไม่ได้แนะนำให้เธอรู้จักเลย" กริชชัยถามอย่างแปลกๆ

"ก็ นายป๋อง ที่มาเมือเช้า ผมได้ยินเขาเรียกครับ" ที่จริง ลมได้รายงานทุกอย่างเรียกกริชชัยให้เธอแล้ว

"อ๋อ! วันหลังอยากจะหาอะไร ก็ให้เปิดไฟน่ะ อย่าเข้าไปมืดๆ" กริชชัยบอก

"ครับคุณกิต" เพลิงตอบ

 

 

หลายวันต่อมา

เพลิงอดใจ ไม่ไหว้ที่อนากรู้ว่า รูปภาพทั้งหมดของคุณพ่อเธอ ตอนนี้อยู่ที่ไหน

"ขอโทษน่ะครับคุณกิต ผมขอถามว่า รูปภาพทั้งหมดที่อยู่ที่นี้ ตอนนี้อยู่ไหนหราครับ" เพลิงถามกริชชัย

"แก จะรู้ไปทำไม่ฮ่ะ?" กริชชัยสงสัย

"ก็ แค่อยากรู้อ่าครับ" เพลิงตอบอย่างที่เตรียมมา

"ที่บริษัทอ่า " กริชชัยตอบ

"อ๋อ" เพลิงตอบรับ ก่อนจะขอ "ผมขอไปช่วยคุณกิตที่บริษัทได้ไม่ครับ"

"เฮ๊ย! โอง แก่อยู่บ้าน ช่วยแม่แก่นี้แหละดีแล้ว " กริชชัยตอบแบบรีบๆ

"แต่ คุณกิตครับ ให้ผมไปเถอะครับ" เพลิงขอร้อง

"นี้ งานที่บ้านนี้ ทำยังไม่เคยเสร็จเลย ยังจะไปบริษัทอีกหรา ฮ่ะ" กริชชัยเสียงเข็ก

"ถ้า งานที่บ้านหลังนี้ เสร็จ ผมจะได้ ไปทำงานที่บริษัทใช้ไม่ครับ" เพลิงพยายาม

"เฮือก! " กริชชัยปลอยลมหายใจเหนื่อยยาว ก่อนจะพูด "ถ้าเสร็จก่อนฉันไปทำงาน ก็ไปได้" กริชชัย เเกล้งพูดอย่างนั้น เพราะ เหนื่อยที่จะพูดต่อไป และที่ สำคัญเธอทราบดีว่า โอง ทำ ไม่ได้หรอก

"ได้เลย ครับ'' เพลิงตอบรับ

 

 

 

อรทัย ฟอง อรนีว่า กริชชัย เล่นความรู้สึกของเธอ ไม่รักเธอจริง อรนี ซึ่งเป็นคนที่รักน้องสาวมากๆ เลยไปหา กริชชัยที่บ้านเธอ

ตอนที่ถึงที่บ้าน ของกริชชัย คุณอรนีเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง และ ป้าน้อย ซึ่งเป็นคนใช้เก่าของเธอ เลยสงสัยไปเรื่อย ว่า เด็กผู้ชายคนนั้นคือใคร หน้าตาคุ่นๆมาก

พอดีเปะ กริชชัยกลับอาหารเที่ยง

กริชชัยชอบกินอาหารที่เพลิงทำ

รถของกริชชัยแลนเข้าบ้าน เพลิงรีบเปิดประตูรถให้ แล้วกริชชัยส่งยิ้มหวานให้เพลิง ส่วน

เพลิงก็ตอบรับด้วยยิ้มหวานเช่นกัน

ทำให้ อรนี เห็น เหตุการณ์นั้น เลยรีบกลับ

 

"โฮ้ โอง แก่ทำอาหารเก่งมาจากไหนหรา" กริชชัยชมเพลิง

"ตอนที่ฉันเรียนที่ฝรังเศษ ฉันก็ลองทำๆไปค่ะ" เพลิงตอบอย่างลืมตัว

"อะไรน่ะ ใครเรียนที่ฝรั่งเศสน่ะ" กริชชัยตกใจกับคำตอบของเพลิง

"เจ้านายเก้าฉันอ่า คุณเพลิง หรือที่รู้จัก คือ ไฟ เธอเรียนที่ฝรั่งเศส ตอนที่เธอกลับ เธอก็สอนฉันอ่าครับ" เพลิงรีบแก้

"อ๋อ! เธอคงเก่งมากเนอะ" กริชชัยชมเพลิงก่อนจะชมแฟนตัวเอง " แต่ฉันเชื่อว่า อรทัยสวยกว่า เก่งกว่า เนอะ"

"ฮ่ะ! อย่างนั้นเรียกว่าสวย เก่ง สู้คุณไฟ ไฟแรง ของฉันไม่ได้แน่นอนครับ คุณไฟนี้นะไม่ใช้แค่สวย แค่เก่ง แต่เขานี้นะใจดีด้วย " เพลิงชมตัวเอง

"หรา แก่มีรูปเขาเปล่าล่ะ" กริชชัยเริ่มอยากรูปจักเพลิง

"ไม่มีครับ" เพลิงตอบ

"แสดงว่าเขาไม่สวย เห็นไม่ รูปก็ไม่มี ไม่เคยถ่ายเก็บไว้เลย แสดงว่าไม่สวย" กริชชัยสรุป และ คำสรุปของกริชชัยทำให้อารมณ์ร้อนของเพลิง หญิงไฟแรงเกิดขึ้น

"คุณกริชชัยครับ ลองมองหน้าผมสิครับ" กริชชัยเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะอาหาร และเริ่มมองหน้าเพลิงอย่างละเอียด เพลิงมีใบหน้าที่สวย ผิวละเอียดละอ่อน จมูกโด่ง ปากอิ่มน้ำ เหมือนไม่เคยโดนจูบ กริชชัยลากสายตาขึ้นไปที่ตา ในดวงตา เต็มไปด้วยแสนไฟที่อิ่มความอบอุ่น

ส่วนเพลิงเองก็ตะลึงกับใบหน้าที่หล่อของกริชชัย ทั้งคู่มองหน้ามานานกว่า 10 นาที

 

 

คุณอรนีกลับถึง..

จึงเรียกไทไก๋ ให้ไปติดตาม มารุต สกิดรอยตลอด  24 ชัวโมง ห้ามพลาด

ไทไก๋ก็ ติดตามมารุต ตลอด และ รายงานทุกความเคลื่อนไหว้ของมารุต

"เฮลโล ไทไก๋ มีอะไรที่แปลกๆไปไม่" อรนีโทร.หาไทไก๋ ถามความเคลื่อนไหว้

"ไม่มีครับ แต่ คุณมารุตกำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคน" ไทไก๋รายงาน

"คุยโทรศัพท์หรา งั้นก็ ทำไงก็ได้ ให้ได้โทรศัพท์ของมารุต" อรนีสั่ง

"ครับ" ไทไก๋รับทราบ

 

ป้าน้อยเห็นสายตาของเพลิงกับกริชชัยที่จองกัน เลยเธอก็แกล้งทิ้งช้อนให้ตกบนพื้น เพื่อให้เพลิงได้สติว่า ตัวเอง กำลังทำอะไร

"เคง!" เสียงช้อนที่ป้าน้อยทิ้ง

เมื่อทั้งสองได้ยินเสียงช้อนตก เปรียบเสมือนมีมีดมาตัดเฉือนสายใยบ้างๆ ระหว่างสายตาของทั้งคู่ให้ขาดผึงในแทบจะทันที่ ทั้งคู่ผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว กริชชัยหันไปทำหน้าเบื่อใส่เจ้าของที่ทำเสียงนั้น  ส่วนเพลิงก็ขอตัวเข้าห้องน้ำ

กริชชัยรีบไปที่ทำงานทั้งที

 

มารุตเดินออกจากร้าน มุ่งไปที่ๆเธอจอดรถ แล้วจู้ๆก็มีคนมาตีหลังจงทำให้เธอหลบไป

ปฐวีผ่านมาพอดี เห็นคนหลับอยู่กลางทาง เเล้วเธอก็ต้องตกใจที่เห็น คนที่นอนนั้นเป็นมารุต เธอรีบจอดรถ

"ลม! ลม! แกเป็นไรว๊ะ" ปฐวีปลูกมารุต แต่มารุตไม่ตื่น เลยยกมารุตกลับบ้าน

 

"คุณอรนีจะทำอะไรกับโทรศัพท์ของมารุตหราคับ" ไทไก๋สงสัย

"ฉันสงสัย ว่า นางเพลิงยังไม่ตาย เพราะฉันเห็นมีเด็กผู้ชายทำงานที่บ้านกริชชัย เด็กคนนั้นน่าจะเป็นสายลับของนางเพลิง และที่ทำให้ฉันมันใจว่า มันเป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า ป้าน้อยก็ทำงานที่เหมือนกัน และ โทรศัพท์นี้เป็นทางเดียวที่เราจะรู้ว่า ที่เราคิดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่" อรนีอธิบายให้ไทไก๋

"อ๋อ ครับ" ไทไก๋รับคำอธิบาย

 

"ตลิ่งๆ ตลิ่ง " เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์เพลิง เพลิงรีบรับ เมือเห็นชื่อมารุต เจ้าลมพายุที่แรงตลอดเวลา

" สวัสดีค่ะลม"

"ไฟอยู่ไหน" ไทไก๋ปลอมเสียงเป็นมารุต

"ไฟอยู่บ้านค่ะ พรุ่งนี้ไฟจะออกไปตามหาพินัยกรรมของพ่อค่ะ ลม ไม่ต้องโทรหานะ เดียวมีอะไรไฟจะโทร.หา เองนะ แค่นี้ก่อนนะลม" เพลิงวางสายแล้วออกจากห้องนอนไปทำงานทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่ แปดโมงเช้าของวันพรุ่งนี้ ส่วนปฐวีก็พยายามโทร.หาไฟ แรกๆติดแต่ไม่รับสาย พอหลังๆก็ไม่ติด คือพอดีว่าโทรศัพท์เพลิง แบตฯหมด

 

กริชชัยอยู่ในห้องที่บริษัทอยู่คนเดียว ตั้งหน้าตั้งตามองคอมพิวเตอร์  แต่ใจและสมองกลับไปคิดถึงใบหน้าของเพลิงที่แสนแรงแสนสวยละเอียดละอ่อน

'ครั้งแรกที่ฉันมองแววตาคนที่สวยและเต็มไปด้วยความก้าวร้าว ประกายตาดั่งมีเพลิงลุกโชนที่แผ่..' กริชชัยคิดในใจไม่ทันจบ ก็รู้สึกขนตัวเองกำลังลุก จึงรำพึง

" เฮ็ย! คิดอะไรของกูว่ะ ไอ้โองเขาเป็นผู้ชายเว็ย จะมีดวงตาสวยเหมือนผู้หญิงได้ไง หรือว่ากูชอบเขาว๊ะ เฮ็ยเขาเป็นผู้ชาย!  แล้วแกกริชชัยมีแฟนแล้ว จำไว้มีแฟนแล้ว น่ะ จำ.."

"คุณกริชครับ" ป่องเข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตู้จึงทำให้กริชชัยตกใจหน้าซีด

"เฮ็ย! "

"คุณกริชเป็นไรหราครับ" ป่องถามอย่างเป็นห่วง

"เป็นไร ไม่ได้เป็นไร " กริชชัยปฎิเสธ

"เเน่ใจน่ะคับคุณกริช" ป่องย้อนถาม

"อือ! ว่าแต่ แล้วแก่เข้ามาทำไม่ ไม่เคาะประตูก่อนล่ะ" กริชชัยย้อนถามกลับ

"ก็มันลืมไงครับคุณกริชชัย" ป่องตอบพร้อมยิ้มแห้งๆใส่กริชชัย

"จะโดนตัดเงินเดือนหรือไงฮ่ะ" กริชชัยย้อนอีกครั้ง

"ถ้าเป็นคุณกริช คุณกริชจะเอาไม่ครับ" ป่องเยาะย้อนกริชชัย

"นายป่อง จะกวนประสาทฉันถึงไหนฮ่า มีอะไร ก็รีบว่ามา ก่อนที่ฉันถีบแก " กริชชัยตอบอย่างหมดอารมณ์

"คือ จะมาถามว่า คุณกริชจะให้หาคนงานเพิ่มไม่ พอดีว่า ท้าทางคนงานจะไม่พอน่ะคับ" ป่องถามถึงปัญหา

" คงไม่หรอกมัง เห็นคนงานก็เยอะอยู่น่ะ และ ฟาร์มเราก็ไม่ได้ใหญ่หรอก แค่ฟาร์มทัวไป" กริชชัยปากตอบใจลอยไปถึงเพลิงอีกครั้ง

" ครับ" ป่องตอบอย่างลังเล  แต่ไงเธอไม่อยากกวนคุณกริชอีก เพราะกลัวกริชชัยถีบ เลยออกจากห้อง

 

เช้าวันรุ่งขึ้น เพลิงตื่นตั้งแต่เช่า ทำงานที่เหลือ เช่น รดต้นไม้ ทำอาหารเช้า

แล้วแต่งตัวเตรียมไปทำงานกับกริชชัย

กริชชัยลงจากบันได แล้วเห็นเพลิงรออยู่ด้านลาง จึงทำให้ หัวใจของกริชชัยเต้นผิดปกติ เต้นแรง เต้นไม่เป็นส่ำเป็นครั้งที่สอง และคนที่เธอทำให้ใจเธอเต้นผิดปกติ เต้นแรง เต้นไม่เป็นส่ำทั้งสองครั้งก็เป็นเพลิง

' เฮ็ย! ทำไม่ใจฉันต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วยเมือเห็นไอ้โอง เฮ็ยกูไม่อยากเป็นเกย์น่ะเว็ย' กริชชัยพูดให้ใจตัวเองฟังและรับรู้ในสิ่งที่เธอต้องการ

"คุณกริชครับ" เพลิงขึ้นมาตั้งเเต่เมื่อไรก็ไม่รู้ จู้ๆก็มาอยู่ด้านหลังกริชชัยพร้อมเรียก

"เฮ็ย!  แกขึ้นมาตั้งแต่เมือไรว๊ะ" กริชชัยตกใจจึงโพลงถามไปสิ่งที่อยู่ในหัว

"ก็ เมื่อกี้ไงครับ" เพลิงตอบอย่างปกติ

"อ๋อ แกจะเอาไร" กริชชัยถามอย่างกระเวง

"ผม พร้อมแล้วครับ" เพลิงตอบอย่างมันใจ

"จะไปไหน" กริชชัยถามอย่างงุงงง

"อ่าว!..ก็คุณกริชบอบว่ถ้างานผมเสร็จก่อนที่คุณกริชออกไปทำงาน ผมจะได้ไทำงานที่บริษัทด้วย" เพลิงถ้วนคำสัญญา

"ผม เปลี่ยนใจแล้ว ไม่ต้องไป" กริชชัยพูดเสียงสั่น

"ผู้ชายที่ไม่ตรงต่อสัญญา เขาไม่เรียกว่า เป็นชายแท้" เพลิงตะโกน และคำตะโกนของเพลิงนั้น ทำให้กริชชัยที่กำลังรีบเดินหน้าต้องผงะ

"แก จะบอกว่า ฉันไม่ใช้ชายแท้ งั้นหรา" กริชชัยหันมาถามอย่างเสียงสั่น

"ผมไม่ได้บอกครับ แต่ คุณกริช แสดงอาการเองน่ะครับ" เพลิงตอบหน้าเฉย

"จะไปมากเลยใช่ไม่ งั้นก็รีบขึ้นรถ" กริชชัยพูดด้วยความเซ็ง

เพลิงที่มีนิสัยร้อนอย่างก้อนไฟ ก็รีบวิ่งขึ้นรถทั้งที

 

ปฐวีที่กำลังพยายามติดต่อกับเพลิง ก็เริ่มใจคอ ไม่ดี ที่เพลิงไมรับโทรศัพท์ของเขา

"จะเอาไงเนี่ยะ ติดต่อไฟทั้งคืนแล้ว แต่ไม่ติดว๊ะ ลมแกว่าไง น้ำมีไอ้เดียไม่" ปฐวีเหวียนปวดหัวอย่างมากที่เพลิงปิดเครื่อง

"สงสัยแบตฯ ยัยไฟนั้นหมดมัง" นทีเดา

"แกพูดง่ายมากเลยเนอะ หากไฟเป็นไรไป แกจะทำไงฮ่ะไอ้น้ำ " มารุตเริ่มโมโหกับการเดาของนที

"แต่ มันอาจจะเป็นไปได้น่ะลม" ปฐวีเห็นด้วยกับความเดาของนที

"แล้วเราจะทำไงกัน" นทีถาม

"ถ้า โทรศัพท์ของยัยไฟแบตฯ หมด จริงๆ  เราก็น่าไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมาก เพราะหากการทำลายไอ้ลมเป็นฝีมือของคุณอรนี เขาก็ไม่สามารถติดต่อกับไฟอยู่ดี แหละ และ อีกทางหนึ่ง  หากไฟจะเป็นอะไร คุณกริชชัย คงไม่อยู่นิ่งอยู่เฉยหรอกน่ะ เพราะไฟเป็นคนของเขา หากไฟเป็นอะไรไป เขาก็ต้องรับผิดชอบ" ปฐวีอธิบายอย่างมีเหตุผล

"แต่ อรทัยเป็นแฟนกริชชัยน่ะ และอรทัยเป็นน้องสาวของคุณอรนี"  มารุตผู้ที่มีพายุที่อยู่ในตัวออกเสียงขึ้นมา

"เออ จริงด้วย นั้นสิ! แกว่าอย่างไรละ ไอ้ดิน" นที เห็นด้วยกับคถามของมารุต

" ถึงอรทัยจะเป็นแฟนของกริชชัย แต่ฉันเชื่อว่ากริชชัย เขาเป็นคนดี ไม่งั้นเขาจะให้ไฟทำงานที่บ้านเขาหรา ทั้งๆ เขาไม่รู้จักยัยไฟด้วยซ้ำ เขา

ไม่ปล่อยให้ยัยไฟต้องเสี้ยงแน่นอน " เจ้าแผ่นการให้เหตุผล

" ถ้า งั้นทำไม่เราไม่บอกยัยไฟมันกำลังหาพินัยกรรม แล้วขอไอ้กริชนั้นเอารูปที่ไฟตามหานั้นให้ไฟ"  ความคิดของพายุแรงรงที่ไม่เคยสงบ

" ก็ไฟ เขาเข้าไปโกหกมันตั้งแต่แรกแล้ว หากบอกความจริง ไอ้กริชเขาอาจจะโกรธ" นทีผู้เป็นน้ำออกความคิด

"ไอ้กริช เขาเกลียดคนโกหก เป็นที่สุด " เจ้าแผนเจ้าการให้เหตุผลอีกครั้ง

 

ตลอดทาง หัวใจของกริชชัยเต้นแรง เมื่อเห็นหน้าเพลิง ในใจก็มีแต่กล่าวว่า 'ทำไม่ใจเต้นแรงแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะเป็นเกย์ ' และแล้วมีรถยนต์คันหนึ่งออกมาจากสามแยก เพลิงเห็นรถนั้นเลยหันมาตะโกนใส่กริชชัย "คุณกริชระวังรถ! "

"เฮ๊ยยย! "

'แกรต!' เสียงเบรกของรถกริชชัย

"อุ๊ยย! คุณกริชน่ะคุณกริช ขับรถไงกันเนี๊ย  เจ็บ! " เพลิงบ่นเมื่อรถหยุดอย่างแรงและหัวของเธอถูกกระแทบอย่างแรง โดยที่ไม่ได้หันมาดูกริชชัย แต่พอหันมาแล้วเห็นว่า กริชชัยสลบ

"เฮ๊ยยย! คุณกริชชัยครับ คุณกริช!" เพลิงพยายามปลูกกริช และ ไม่กี่นาทีต่อมา กริชชัยก็ฝืนขึ้นมา และต้องตกใจที่เห็นสายตาที่สวยที่สุดที่ตนเองเคยเห็น สายตาที่เต็มไปด้วยเพลิงไฟที่ร้อนเเห่งความอบอุ่น ริมฝีปากที่อบอิ่มไปด้วยความน่าจูปที่สุดในโลก สายตาเพลิงกับกริชชัยมองจองกันอย่างมีแรงไฟฟ้าที่ดึงดูดระหว่างกัน

หัวใจทั้งสองเต็นแรงอย่างผิดจังหวะ  กริชชัยพยายามที่จะลุกเพื่อที่จะสัมพัตริมฝีปากนั้น  

'ตรึ่ง' เสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์ของกริชชัย เสียงนั้นทำให้กริชชัยมีสติกลับมา

และรีบออกจากรถ

"ไม่จริง! ไม่มีทาง!  กริชแก่มีแฟนแล้ว  แก่ไม่สนใจไอ้โองหรอกน่ะ" กริชชัยพยายามปฎิเสธใจตนเอง

เพลิงที่ตกใจไม่น้อยกว่ากันที่นั่งอยู่ในรถ

"อย่าลืมสิ! ไฟ อย่าใจอ่อน เพราะคุณกริช เขามีแฟนแล้ว… แก่อย่าไปชอบเขาน่ะ และก็อย่าลืมสิว่าเธอมาที่นี้เพื่ออะไร!!” เพลิงตบหน้าตนเองหลายๆครั้ง เพื่อเตือนสติ ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เสียงโทรศัพท์ของกริชชัยก็ดั่งขึ้น เพลิงก็รีบรับออกจากรถเพื่อไปบอกกริชชัย ว่า โทรศัพท์ของกริชชัยดั่งขึ้น

เพลิงเปิดประตู้รถพร้อมกับเสียงเรียกกริชชัย

"คุณกรอชชัยครับ"

"เฮ็ยย!" กริชชัยตกใจเมื่อได้เห็นหน้าเพลิงในคราบโอง และพยายามหนี้ออกจากเพลิง '' มีอะไร" "โทรศัพท์ของกริชชัยดั่งคับ"

กริชชัยก็เข้าไปในรถ แล้วรับโทรศัพท์

"แฮลโล อรทัย มีอะไรป่าวครับ”

'กิตค่ะ อรทัยรอกิตเกือบชั่วโมงแล้วนะ'

"รอ??" กริชชัยลืมว่า มีนัดกับอรทัยที่ร้านเสื้อผ้า

'ค่ะ !! รอค่ะ... กิตลืมแล้วหราค่ะ ว่าเรามีนัดตัดเสื้อ เพื่อไปงานเลี้ยงอ่าค่ะ'

"ผมขอโทษน่ะครับ อรทัย ผมลืมครับ เอาอย่างนี้ล่ะกันน่ะครับ อรทัยเลือกผ้าก่อนน่ะ เดียวผมจะรีบไป น่ะครับ"

'ค่ะ ก็ได้ค่ะ'

......................................................................

หลังจากที่อรทัยวางหู กริชชัยเห็นป๋อง ส่งข้อความเสียงเข้ามา กริชชัยเลยเปิดฟังดู

'คุณกิตคับ แย่แล้วครับ น้องอั้มครับ เป็นอะไรก็ไม่รุ...'

หลังจากที่ได้ยิ้นชื่อน้องอั่มล่ะก็ กริชชัยเปิดประตู้รถ ลากเพลิงขึ้นรถ แล้วขับออกไปทั้งที

เพลิงที่ไม่ได้ตั้งตัว กะจะถาม แต่พอได้เห็นหน้ากริชชัยไม่ค่อยดี เลยนั่งเงียบเฉย

กริชชัยคว้าหูฟังใส่ที่หูตัวเอง แล้ว สั่งเพลิงที่นั่งอยู่ข้างๆ "ช่วยเอาโทรศัพท์ฉันหน่อย" เพลิงก็หยิบโทรศัพท์กริชชัยขึ้นมา "กดเบอร์นายป๋องให้ฉันด้วย"

"ครับ" เพลิงทำตามด้วยความงงๆ เพราะไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้น

"ป๋อง น้องอั้มเป็นไงบ้าง''

'ท้าทางจะแย่น่ะครับ'  

"แล้วโทร.หา หมอณัฐหรือยัง"

 หมอณัฐ คือ สัตวแพทย์ณัฐพล อุดมรักษ์ เพื่อนสนิทกริชชัย กริชชัยกับณัฐพลเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ชั้นอนุบาลสะอีก เรียนมัธยมเดียวกัน ชั้นเรียนชั้นเดียวกัน แยกก็ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เพราะณัฐพลเลือกเรียนทางสัตวแพทย์ ส่วนกริชชัยก็เรียนเกษตรศาสตร์ เพราะชอบด้านนี้

"โทร.แล้วคับ คุณหมอณัฐกำลังมาคับ"  เสียงสันของป๋อง

"ดีเลย เดียวฉันจะรีบไป"

กริชชัยวางหูโทรศัพท์ลง แล้วเยียบรถอย่างสุด เดียวความกลัวและกังวลของกริชชัยทำให้เพลิงเงียบกริบไม่เปิดปากเลย

แต่ในเบื้องลึกในใจเพลิง อดที่จะคิดว่า 'น้องอั้ม' ต้องเป็นคนสำคัญของกริชชัยแง่ๆ

 

ซอยสามแยก หมอณัฐเหลี่ยวซ้าย แล้วขับรถเข้าไปเรื่อยๆ ' ตุ่ม!' เสียงระเบิดดั่งขึ้น ทำให้หมอณัฐต้องหยุดรถอย่างกะทันหัน หมอณัฐรีบลงจากรถ

"เฮย ยางแบน!!" หมอณัฐรีบไปขึ้นรถ แล้วคว้าโทร.ศัพท์ เพื่อโทลร.หาป๋อง

"สวัสดีครับ ป๋อง"

'ครับ คุณหมอ' เสียงกังวลของป๋อง

"ป๋อง รบกวนออกมารับผมหน่อยครับ พอดีว่า รถผมย่างแบน" เสียงกังวลของณัฐพล

'ได้ครับๆ คุณหมออยู่ที่ไหนแล้วล่ะครับ'

"ซอยสามแย''

 ป๋องว่างหู ก็รีบออกจากฟาร์ม

'กริกก!!' เสียงเบรตรถของกริชชัย ทันใดนั้น เจ้าของรถก็ลงจากรถ พร้อมคำถาม

"น้องอั้มเป็นไงบ้าง''

ป๋องไม่รไม่รู้จะตอบอะไร

"ไอหมอมายัง" คำถามที่สองพร้อมกับสีหน้าที่เดือด

"ยางรถคุณหมอแบนที่ซอยสามแยกครับ นี้ผมกำลังจะออกไปรับครับคุณกิต"

"ผมไปเอง. ส่วนแกป๋องเข้าไปดูแลน้องอั้มไว้ในดี"

กริชชัยก็ออกไป

 

ณัฐพลเดินออกมาเรื่อยๆ จู้ๆก็ "เฮ๊ยยย!" เท้าของณัฐพลเยียบตะปู ณัฐพลก้มลงมา เอาตะปูที่เยี่ยบนั้นออก แล้วถอดร้องเท้า ณัฐพลเห็นคราบสีแดงๆที่ถุงเท้าของเขา รถของกริชชัยก็มาถึง...

"ไอ้หมอ เป็นไรว่ะ"

"เยียบตะปูว่ะ แถวนี้ตะปูเยอะจังว่ะ เมื่อกี้รถฉันแบนก็เพราะตะปู แล้วนี้ขาฉันเป็นแบบนี้ ก็เพราะเยี่ยบตะปู" ณัฐพลบ่น

"บ่นอย่างกับผู้หญิงไปได้ แก่ก็รู้ว่าว่าแถวนี้ไม่มีใครผ่านกัน แก่มาทำไม่ว่ะ" กริชชัยถามโดยที่ทราบคำตอบอยู่แล้วว่า ณัฐพลก็เป็ห่วงน้องอั้มไม่ต่างจากเขา

"อือว่ะๆ... ไปได้แล้ว" ณัฐพลรีบขึ้นรถ กริชชัยก็แลนรถออกทั้งที่

"ปานี้ น้องอั้มจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้" ณัฐพลพึมพำ

ส่วนกริชชัย เพื่อนก็เห็นห่วง น้องอั้มก็เป็นห่วง ก็เลยได้แต่เงียบ

 

"น้องอั้ม...ที่แท้ก็เป็นวัวสุดรักของคุณกริชหราเนี๊ยะ" เพลิงพำพึม

"ใช่ๆ สุดรักสุดห่วงเลยล่ะ" ป๋องตอบ

"แล้วเป็นอะไรหราเนี๊ยะ น้ำลายออกไม่หยุดเลย" เพลินแกล้งถาม ทั้งๆที่รู้เต็มอกว่า น้องอั้มต้องกินอาหารที่มีความผสมของโลหะ

"ไม่รู้เหมือนกัน โดยปกติแล้วอาการแบบนี้ น่าจะกินโลหะเข้าไป แต่ ที่นี้เรามีระบบอย่างแนนหนา ไม่น่าจะกินโลหะเข้าไปน่ะ" ป๋องตอบอย่างเป็นกังวล

 

รถกริชชัยแล่นเข้า ในเขตฟาร์ม ป๋องซึ่งได้ยิ้นเสียงรถกริชชัย ก็รีบวิ่งออกมา ส่วนเพลินเห็นป๋องวิ่งออกไป ตนก็เลยรออยู่ที่คอกน้องอั้ม

"คุณครับ สวัสดีครับคุณหมอ" ป๋องทัก

"หวัดดีป๋อง น้องอั้มเป็นไงบ้างแล้ว" ณัฐพลถามด้วยความเป็นห่วง

"ก็เหมือนเดิมครับคุณหม.อ...อ่าวคุณหมอ! ขาเป็นอะไรหราครับ" ป๋องเริ่มถามหลังจากที่เห็นณัฐพลเดินไม่ถนัด

"เยียบตะปูว่ะ" กริชชัยตอบ

"รถก็เยียบตะปู คนก็เยียบตะปูอีกหราครับ" ป๋องเริ่มสงสัย

"อื่มม" กริชชัยขีัเกียดจะตอบเลยตัดการสนทนา "น้องอั้มอยู่ไหน?"

"ที่คอกครับ ไอ้โองดูแลมันอยู่" ป๋องตอบ

กริชชัยปะคองณัฐพลไปที่คอกน้องอั้ม

 

ปฐวีขับรถสีแดงออกมาจากคอนโด และตรงไปที่กระทรวง แต่จิตใจก็ยังเป็นห่วงเพลิง ความห่วงนั้น ทำให้จิตใจของปฐวี เลขานุการ ท่านนายกรัฐมนตรีกระทรวงการกีฬานั้นไม่อยู่กับตัวกับใจ ทำให้รถสีแดงสุดที่รักของเขา ได้ไปจูบท้ายรถกระบะสีดำด้านหน้าเขา

"เรียบร้อยแล้วกู!!" ปฐวีพำพึง

เจ้าของรถสีดำนั้นรีบออกมาจากรถ หลังจากเกิดแผ่นดินไหวกับรถตัวเอง ปฐวีก็รีบออกจากรถของเธอด้วย

"คุณ... ขับรถไงหราเนี๊ยะ" ผู้หญิงผมยาว สูงประมาณ 170 เซนติเมตร ตัวขาวอย่างกะฝรั่ง สวมชุดออกกำลังกายสีฟ้า

"ฮู้...สวยจัง" ปฐวีรำพึงในใจ

"ผมขอโทษนะครับคุณ ผมไม่ได้ตั้งใจ พอดีว่า ผมไม่ทันมองครับ"

"คุณค่ะ...ขอโทษนะค่ะ คุณหลับในป่าวค่ะ ดิฉันให้ไฟเหลียว สามเมตร ตรงตามกฎหมายกำหนดแล้วนะค่ะ และดิฉันก็เห็นน่ะค่ะ ว่ารถของคุณ ซึ่งอยู่ทัดจากดิฉันประมาณ 5-6 เมตร ถ้าคุณไม่หลับ ไม่น่าจะชนรถดิฉันได้นะค่ะ" ผู้หญิงเจ้าของรถถามด้วยความแปลกใจ

ส่วนปฐวี ก็คว้านามบัตรในกระเป๋า แล้วยืนให้ผู้หญิงคนนั้น

"คุณครับ นี้นามบัตรผมน่ะครับ เดียวผมจะรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดเองน่ะครับ"

"แล้วรถของคุณล่ะค่ะ?" ผู้หญิงคนนั้นย้อนถามปฐวี

'ผู้หญิงอะไรว่ะ เป็นห่วงคนที่ไม่รู้จักด้วย' ปฐวีคิดในใจ

"เดียวผมจัดการเองได้ครับ" ปฐวีตอบ

"งั้น ดิฉันก็จัดการเองได้ค่ะ ขับรถดีๆล่ะ อย่าไปชนคนอื่นเขาอีก" พูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็หันหลังให้ปฐวี แล้วเข้าไปในรถตัวเอง"

"คุณ..คุณ" ปฐวีเรียก แต่รถกระบะสีดำที่รถสุดที่รักของปฐวีได้จูบนั้น ก็ขับออกไป "ผู้หญิงไรว่ะ สวย แถมยังแปลกด้วย" ปฐวีพำพึมพร้อมยกมือดูนาฬากาที่ข้อมือตัวเอง เหลือเวลาอีก 15 นาที ก่อนเวลาราชการ ปฐวีหันหลังแล้วมองรถตัวเองที่บุกเพราะฝีมือตัวเอง แล้วก็ยิ้มน้อยๆ

 

"ขอบใจน่ะโอง ที่ช่วยทำแผลให้ผม"

"ครับ.. อือคุณหมอ น้องอั้มอ่าครับ คือผมอยากเข้าไปผ่าตัดด้วยน่ะครับ คือ ตอนที่ผมอยู่ต่างจังหวัดอ่าคับ คือผมเคยทำงานกับโคมาครับ และก็เคยช่วยหมอผ่าตัดด้วยครับ ให้ผมเข้าไปช่วยนะครับคุณหมอ" โองขอรอง

"ดีว่ะโอง เดียวเป็นผู้ช่วยผมล่ะกันน่ะ" หมอณัฐตอบโองพร้อมถามกริชชัย "อือ ไอ้กิต เตรียมห้องผ่าตัดน้องอั้มยัง"

"เรียบร้อยเว๊ย... แต่จะให้โองเข้าไปจริงๆหราว๊ะ?"

"อือ.. ก็เขาเคยทำงายแบบนี้มาก่อน ช่วยฉันได้หรอกน๊า ไม่ต้องห่วง"

"มั่นใจขนาดนั้นเลยหราว๊ะ" กริชชัยผ่าน เพื่อความแน่ใจ

"ถ้าฉันไม่เจ็บขา บอกตรงๆน่ะ ฉันไม่ให้เขายุ่งหรอก"

"เอาเหอะ ขอแค่น้องอั้มปลอดภัยก็พอ"

 

ห้องปลอดเชื้อ.ฟาร์มกริชชัย

"โอง พร้อมยัง" คุณหมอถามเพลิงที่อยู่ในคราบโอง

"พร้อม ครับ" โองตอบอย่างมันใจ

การผ่านตัดเอาตะปูออกก็เริ่มขึ้น…

 

ห้องทำงานของปัฐวี

ปัฐวียิ้มน้อยๆ นึกถึงใบหน้าผู้หญิงคนนั้น

'คุณปัฐวีค่ะ คุณสุริยนต์ มาแล้วค่ะ'  เสียงเตือนจากโทรศัพท์

"เชิญเข้ามาได้เลยครับ" เสียงตอบของปัฐวี

'ก๊อกๆ' เสียงเคาะ

"เชิญครับ"

"สวัสดีครับ คุณปัฐวี" คุณสุริยนต์ทักท้าย

"สวัสดีครับ คุณสุริยนต์" พร้อมร้อยยิ้มบนใบหน้าของปฐวี

“ผมสนใจต่อแผ่นงานของคุณที่มาให้ผมดูครับคุณสุริยนต์ โครงการเดินป่าเชิญอนุรักษ์ มันเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย แถมกลุ่มเป๋าหมายไม่ใช่แค่ นักท่องเที่ยวแต่ร่วมถึงวัยรุ่นด้วย การเปิดโครงการนี้ทำให้วัยรุ่นมีงานทำ และ คงจะผลต่อการลดการติดยาเสพติดในหมู่ของวัยรุ่นด้วย” ปฐวีอธิบายจุดเด่นของโครงการที่เขาสนใจอย่างคราวๆ

“ครับคุณปัฐวี ถ้าคุณปัฐวีอนุมัติโครงการนี้ ผมจะไปเตรียมจัดเรื่องสนานที่”

“ผมเห็นด้วย แต่ผมจะนำเสนอให้กับทางผู้ใหญ่ก่อน... ไว้ผมจะเรียกประชุมอีกครั้งนะครับ”

“ได้ครับ”

 

หน้าห้องปลอดเชื้อ ณ.ฟาร์มกริชชัย

            กริชชัยรออยู่บนเก้าอี้ยาวหน้าห้องปลอดเชื้อ รอด้วยใจจดจ่อ รอผลของการผ่าตัดของน้องอั้ม วัวสุดรักสุดห่วงของกริชชัย

            หลังจากที่กริชชัยรอหน้าห้องปลอดเชื้อมาเกือบสี่ชั่วโมง คุณหมอณัฐพลก็ออกมา

“เป็นไงบ้างว๊ะ ไอ้หมอ” คำถามแรกของกริชชัย เมือเห็นหน้าคุณหมอณัฐพล

“ก็โอเค ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีว๊ะ” คำตอบของณัฐพลทำใจกริชชัยโล่งใจ “อ๋อ แกต้องแยกน้องอั้มสักพัก และห้ามรีดนมจนกว่า แผลจากการผ่าตัดหาย เข้าใจใช่ไม่”

“เออ เข้าใจ... เออ ไอโองล่ะ อยู่ไหน” คำถามของกริชชัย ทำให้หมอณัฐพลมองหน้ากริชชัยด้วยความสงสัย “แก่มีอะไรเปล่าว๊ะ”

“คุณหมอครับ ผมให้คนงานแยกน้องอั้มออกจากวัวตัวอื่นๆสักพักแล้วนะครับ อ๋อ...แล้วก็ห้ามรีดนมจนกว่าแผลจะหาย แล้วพรุ่งนี้คุณหมอจะต้องมาตรวจแผลของน้องอั้มด้วยหรือเปล่าครับ” เพลิงที่อยู่ในคราบโองเข้ามาแทรก

“ครับ ขอบใจนะโอง ที่ช่วยเป็นธุระให้”  หมอณัฐพลกล่าวขอบใจด้วยสีหน้าที่สงสัย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่อยากให้ใครบางคนแถวๆนี้ ทราบครับว่า ผลมีความสามารถพอที่จะทำงานที่นี้ได้” เพลิงที่อยู่ในคราบโองประชด

“เออ... รู้แล้วนะ ว่าทำงานได้”  กริชชัยตอบอย่างกวนๆ

“รู้แล้ว..งั้นผมทำงานที่นี้ได้แล้ว ใช่ไม่ครับ” เพลิงถามด้วย รอยยิ้ม

“อื้ม”

“เย้...”

“กิต ฉันหิวว๊ะ พาไปหาอะไรกินหน่อยดิ”  ณัฐพลแทรก เมือเห็นกริชชัยกับโองสนิทกัน

“ ได้... โองแกจะไปด้วยไม่” กริชชัยตอบตกลงก่อนที่จะชวนโอง

“ไม่ดีกว่าครับ ผมอยากดูอาการของน้องอั้มก่อน” โองปฏิเสธก่อนที่จะให้เหตุผล

“งั้น... ฉันไปก่อนล่ะนะ  ไปกันเหอะหมอ”

หลังจากนั้นกริชชัยกับหมอณัฐพลก็ออกไปที่ร้านอาหารที่อยู่แถวๆฟาร์ม

 

เพลิงที่อยู่ในคราบโอง หยิบโทรศัพท์แล้วกดโทร.หา ปฐวี

ปฐวีซึ่งทำงานอยู่ในออฟฟิสต์ของตัวเอง พยายามเคลียร์งานในเรียบร้อยก่อนออกไปประชุมช่วงบ่ายกับสมาคมนายกรัฐมนตรี ‘ตลิ่งๆ’ เสียงโทรศัพท์ของปฐวีดั่งขึ้น

“สวัสดีค่ะ ดิน”

ปฐวีที่ยุ่งกับงาน รีบลักสายตาจากคอมพิวเตอร์ “เฮ็ยไฟ อยู่ไหน”        

“ไฟบอกลมแล้วเมือวาน ว่า วันนี้ไฟจะออกตามหาพินัยกรรมของคุณพ่อ ตอนนี้ไฟได้เข้ามาทำงานที่ฟาร์มของคุณกริชัยแล้วนะดิน”

“ไฟ... บอกลมว่า จะออกไปตามหาพินัยกรรมงั้นหรา” ปฐวีพยายามถามใหม่ เพราะไม่แน่ใจ

“อืม บอกเมือวานช่วงเย็นๆ”

“ไฟ ฟังในสิ่งที่ผมจะบอกนะ... คนที่ไฟคุยเมือวาน ไม่ใช่ ลม  เมือวานลมเขาโดนซ้อม คนซ้อมนั้นขโมยโทรศัพท์ด้วย” ปฐวีพยายามอธิบาย

“หมายความว่า พวกเขาต้องทราบพินัยกรรมแล้ว... เพราะเมือวานเขาเรียกชื่อ ไฟ ด้วยนะดิน นั้นก็แปลว่า พวกดเขาทราบเรื่องแล้วว่า ไฟยังไม่ตาย! จะเอาไงล่ะดิน” เพลิงเริ่มกังวล

“เอาจริงๆนะไฟ ผมเองก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ตอนนี้ ไฟจะต้องหาพินัยกรรมนั้นให้เจอก่อนเขา ไม่อย่างนั้นล่ะก็...” ปฐวีให้ความคิดแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน

“ได้... เดียวไฟจะรีบหา”

 

“ไอ้กริช... ฉันมีเรื่องที่อยากถามว๊ะ” หมอณัฐพลเปิดการสนทนาระหว่างกินข้าว

“ไรว๊ะ” กริชชัยที่กินข้าวอยู่ต้องผงะ เพราะสีหน้าที่จริงจังของเพื่อน

“ไม่มีไร... คือฉันอยากบอกว่า แกควรเอาไอโองไปทำงานที่บริษัทมากกว่า ให้ทำงานที่ฟาร์ม เด็กคนนี้มีความสามารถมากเลย” หมอณัฐพลหวังอย่างยิ่งว่า กริชชัยยอมรับ เพราะจะทำให้โองอยู่ในสายตาของเขาหรือไม่ก็กริชชัยได้ตลอดเวลา เพราะ ณ.ตอนนี้ เขาเริ่มสงสัยในความสามารถของโอง จากที่หมอณัฐพลได้ใกล้ชิดเวลาผ่าตัดด้วยกัน โองเป็นคนที่มีความสามารถอย่างมาก

“ไม่ว๊ะ แค่ ให้ทำงานที่ฟาร์มก็มากพอละ” กริชชัยปฏิเสธ

“ไม่ได้ แกจะต้องให้เขาทำงานที่บริษัท เป็นเลขาส่วนตัวของแก ฉันขอ... ให้โอกาสเด็กคนนี้” หมอณัฐพลพยายามต่อรอง

“แกเป็นบ้าอะไรของแก... มีอะไรปิดบังฉัน” กริชชัยเริ่มสงสัย

“ไม่มี...ก็ฉันบอกแล้วไง ว่า เขาเป็นคนที่มีความสามารถไง แต่ขาดโอกาส ให้โอกาสเด็กคนนี้สะ!” หมอณัฐพลพยายามให้เหตุผล

“โอเค เดียวฉันจะจัดการให้” กริชชัยเริ่มรำคาญ เลยตอบ ‘ตกลง’

‘เป็นบ้าอะไรไม่รู้’ กริชชัยคิดในใจ

“ดี... เดียวอาหารมือนี้ ฉันเลี้ยงเองนะ” หมอณัฐพลเริ่มดีใจ แล้วยิ้มได้

 

ปฐวี ต่อสายนทีกับมารุต เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

“แล้วแก่คิดว่า จะทำยังไงต่อว๊ะ ไอ้ดิน”  นทีผู้ที่เย็นเป็นน้ำมาโดยตลอด เริ่มถาม

“เอาจริงๆนะ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” ปฐวีตอบนที

“งั้น... ถ้าพวกเราขอซื้อภาพของคุณลุงอุทยานจากไอ้กริชนั้น เป็นไง” มารุต สายลมที่ไม่เคยหยุดพัด เริ่มออกความคิด

“ไม่ได้เด็ดขาด” ปฐวีตอบ ก่อนที่จำให้เหตุผล “ถ้าพวกเราหรือหนึ่งในเราไปขอซื้อภาพวาดของคุณลุงอุทยาน ฉันมันใจ เรื่องนี้จะต้องถึงหูของคุณอรนีแน่ ภาพวาดเยอะขนาดนั้น และฉันก็มันใจว่า คนในบริษัทต้องมีคนของอรทัยด้วย ฉันรู้นะ ว่าแกมีเงิน ภาพวาดแค่นั้น เงินที่แกมีไม่เสทือนหรอกนะลม แต่ มันไม่คุ้มเพราะมันเสียงเกินไป ตอนนี้คุณอรนีทราบแล้วว่า พินัยกรรมมีอยู่จริง ไฟก็ยังไม่ตาย แต่ ไม่รู้ว่า พินัยกรรมและยัยไฟ ซ่อนอยู่ที่ไหน”

“นั้นก็ไม่ได้ นี้ก็ไม่ได้ แล้วจะเอาไงว๊ะ” สายลมเริ่มจะกลายเป็นพายุ

“ถึงจะยังไงเราก็นำพวกเขาอยู่ ตรงที่ว่า เรารู้พินัยกรรมซ่อนอยู่ตรงไหน แค่ ไม่มีโอกาสได้เขาไปเอา” ปฐวีพยายามอธิบาย

“งั้น เราได้แต่รออย่างเดียวงั้นหรา” นทีที่เงียบไปนาน เริ่มถาม

“ไม่นะไอ้ดิน ฉันจะไม่ยอมอยู่นิ่งแน่” มารุตเสริม

“ไอ้ลม! ใจเย็นๆหน่อยดิว๊ะ... แกจะไม่อยู่นิ่งแน่ ฉันจะให้แกไปตีสนิทกับนายกริชชัยและหาข้อมูลว่า ผู้ชายคนนี้ไว้ใจได้ไม่  และแก น้ำช่วยทำงานของแกให้ปกติที่สุด ส่วนฉันจะหาหลักฐานและข้อมูลเกี่ยวกับพินัยกรรมฉบับปลอมที่คุณอรนีสร้างมันมาและจะตามหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ตอนนี้น้ำ...แกช่วยทำหน้าตาแกให้หล่อๆก็ เพราะบ้างที่เราจะต้องใช้ความหล่อของแก” ปฐวีอธิบายแผ่นการคราวๆของเขา

“ได้... ดีเลย พรุ่งนี้ มีการประชุมสมาคมโคนมพอดี เดียวฉันจะจัดการมัน” มารุตตอบ

“ตกลง” นทีเสริม

“ตามนี้” ปฐวีว่างสายพร้อมร้อยยิ้มที่ลึกลับ

 

กริชชัยกับหมอณัฐพลกลับมาที่ฟาร์ม เพลิงที่อยู่ในคราบโองกำลังกวาดขยะเศษใบไม้หน้าฟาร์ม กริชชัยที่ขับรถเลียวรถเข้ามาบริเวณฟาร์มก็เห็นโองกำลังกวาดขยะเศษใบไม้อยู่...

ป๋อง เมื่อเห็นกริชชัยกลับมาก็รีบไปต้อนรับ

“กลับมาแล้วหราคับคุณกิต” ป๋องทัก

“อืม...ไอ้โองเขาเป็นอะไรของเขาหราป๋อง” กริชชัยถามป๋อง หลังจากสังเกตท่าทีของโองที่เศร้า คลายกับกลุ้มใจอะไรสักอย่าง

“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับคุณกิต เมื่อเช้าก็ดีอยู่ครับ แต่ พอคุณกิตออกไปแปบเดียว เขาก็เอาไม้กวาดแล้วก็ไปอยู่ตรงนั้นครับ” ป๋องตอบคำถามของกริชชัย

“ป๋อง! แกไปส่งคุณหมอหน่อยล่ะกันนะ ไอ้หมอเขาขับรถไม่ได้ ขาเขามีแผลตะปูอยู่” กริชชัยสั่งป๋องจบก็ตรงไปหาโองทันที

“ตลอดเวลาที่ผมทำงานที่นี้ คุณกิตก็ดีกับทุกคน แต่ ไม่เคยใส่ใจใครเป็นพิเศษขนาดนี้” ป๋องรำพึง

“ป๋อง... ไปเอารถปะ ฉันจะกลับบ้าน” หมอณัฐพลตัดทบ

“คับ คุณหมอ”

‘เราคิดว่า เราคนเดียวที่เห็น แต่ที่จริงไม่ใช่เลย นายป๋องกันรู้สึกเหมือนกันหราเนี๊ยะ กิตนะกิต แปลกขึ้นทุกวันแล้วนะแก’ หมอณัฐพลคิดในใจ

ป๋องแลนรถเข้ามาบริเวณที่หมอณัฐพลนั่งรอ

“คุณหมอครับ ไปครับ” ป๋องทักพร้อมลงมาเปิดประตู่รถ

“ป๋อง...นายรออยู่ตรงนี้นะ ฉันขอเข้าห้องน้ำแปบ” หมอณัฐพลพูดจบ เลยตรงไปเลย

“อะไรของคุณหมอเนี๊ยะ ไปบอกว่า รีบไง แปลกเข้าอีกคนหราเนี๊ยะ”

 

“แกเป็นอะไรของแกว๊ะโอง เศร้าอะไรอีกว๊ะ ฉันรอดูแกตรงสักห้านาทีได้แล้วนะ” กริชชัยเริ่มทักเพลิงที่อยู่ในคราบโอง

เพลิงที่อยู่ในคราบโองตกใจกับเสียงที่จู่ๆดังขึ้นมาจากด้านหลัง เพลิงที่อยู่ในคราบโอง ก็รีบปัดน้ำตาออก และหันไปทางเสียงดั่งกล่าว “คุณกริชมีอะไรที่จะให้ผมทำหราครับ”

“โอง แกร้องหายหราว๊ะ แก่ร้องไหเป็นอะไร” เมือเพลิงที่อยู่ในคราบโองหันมาทางกริชชัย กริชชัยก็เห็นขอบตาของโองนั้นแดงๆ

“ป่าว ผมไม่ได้ร้องหายครับ” เพลิงที่อยู่ในคราบโอง พยายามปฏิเสธ

กริชชัยดึงมือเพลิงที่อยู่ในคราบโองเข้ามากระชิดตัวเอง “โกหก... แกร้องไหทำไม่โอง”

โองรู้สึกความร้อนพราวๆเมื่อได้กระชิดตัวกับกริชชัย กริชชัยเมื่อได้เห็นใบหน้าของเพลิงที่อยู่ในคราบโองอย่างใกล้ๆ กริชชัยก็ได้สังเกตอีกครั้ง ‘ใบหน้าแกเหมือนผู้หญิงเลยว๊ะโอง ผิวละเอียดละอ่อน จมูกโด่ง ปากอิ่มน้ำ แกเคยจูบกับใครมาก่อนไม่ว๊ะ ท่าทางเหมือนจะไม่เคยโดนจูบมาก่อน ในดวงตาของแกเต็มไปด้วยแสงไฟที่อบอุ่น เอ๊ย... ไม่ใช่ ป่าว แสงไฟที่อบอุ่นนั้นมี แต่ถูกปิดกั้นด้วยความกลัว ความเศร้า...” กริชชัยคิดในใจก่อนที่เพลิงที่อยู่ในคราบโองกอดกริชชัยพร้อมร้องไห

หมอณัฐพล ซึ่งกำลังแอบดูอย่างไกลๆก็เริ่มตกใจกับเหตุการณ์ที่ได้เห็น

กริชชัยกอดตอบพยายามปลอดใจ “แก เป็นไรหราโอง? ร้องไหทำไม่? ไม่เป็นไรน่ะ ฉันอยู่ที่นี้แล้ว”

‘ตลิ่งติงลือ’ เสียงจากโทรศัพท์ของกริชชัยที่ปิดเครื่องโดยอัตโนมัติ เพระว่าแบตหมด

เพลิงตกใจกับการกระของตัวเองที่ไปกอดกริชชัย ก็รีบออกตัวห่างจากกริชชัยทันที

“ว่าไงโอง ทำไม่ถึงร้องไห?” กริชชัยเริ่มถามอีกครั้ง หลังจากเห็นโองปัดน้ำตาออกจากแก้มตัวเอง

“ผม อือ ผม...ดีใจที่ได้ทำงานที่นี้คับ” เพลิงที่อยู่ในคราบของโองเริ่มแก้ตัว

“หรา...” กริชชัยทราบดีว่าโองกำลังแก้ตัวและกำลังปกปิดอะไรสักอย่าง

“คับ... ผมขอตัวไปเก็บไม้กวาดก่อนนะคับ เราจะได้กลับบ้านกัน” พูดจบ เพลิงซึ่งอยู่ในคราบโองก็เดินจากกริชชัยไป

 

ป๋องซึ่งรอนั่งบนรถ ก็รู้สึกว่าหมอณัฐพลเข้าห้องน้ำนานไปเลยอยากลงไปดู เพื่อหมอณัฐพลอาจจะลมในห้องน้ำ เพราะนึกได้ว่า หมอณัฐพลมีแผลเจ็บอยู่ที่ขา และแล้วป๋องก็เห็นหมอณัฐพลเดินมาทางรถที่ตนเองนั่งรออยู่ ป๋องที่คิดจะลงไปดูหมอณัฐพลที่ห้องน้ำ ก็เลยลงไปเปิดประตู่รถแทน

“ออกรถไปเลยป๋อง” หมอณัฐพลรีบสั่ง เพราะไม่อยากให้ป๋องถามตน ว่า ทำไม่เข้าห้องน้ำนาน หรือไม่ก็ คุณหมอเป็นอะไรหรือป่าว  ยิ่งนายป๋องเป็นคนพูดมากด้วย ป๋องก็รีบออกรถ

“คับ...อือ คุณหม..”และแล้วการคาดเดาของหมอณัฐพลก็เป็นจริง เมื่อป๋องเริ่มจะถามอะไรสักอย่าง แต่ หมอณัฐพลตัดบทสักก่อน

“ไม่ต้องถามอะไรเลยนะนายป๋อง ฉันเพลีย จะนอน ถึงเมื่อไหร่ก็ปลูกด้วยละกันนะ”

“คราบ คุณหมอ”

ณ.บ้านอานนต์ ซึ่งปัจจุบันก็เป็นบ้านของกริชชัย วงวานัสกรณ์

กริชชัยนอนอ่านหนังสือเล่มหนึ่งบนเตียงนอนของตนเองคนเดียว เป็นหนังสือแนวจิตวิทยา ตามองที่หนังสือ แต่ใจยังนึกถึงใบหน้าของโองแล้วก็ยิ้มหวานๆออกมาทางริมผีปากของตัวเอง ก่อนจะได้รู้สึกตัวว่า “กิต แกเป็นไร” แล้วก็ตบหน้าตัวเองให้ได้สติ “ไอ้โอง มันเป็นผู้ชาย มันเป็นผู้ชาย มันคือผู้ชาย เข้าใจไม่กิต แกไม่ได้เป็นเกย์ แกมีแฟนแล้ว มีแฟนแล้ว แฟน... เฮ๊ยลืมไปเลยว๊ะ แกมีนัดนี้ว๊ะไอ้กิต” เมือกริชชัยจำได้ว่าลืมนัดกับอรทัย กริชชัยเลยคว้าโทรศัพท์จะโทร.หา อรทัย แต่แล้ว โทรศัพท์ก็ไม่มีแบต “แบตหมดนี้น่า” ‘ไว้เจอกันพรุ่งนี้ ค่อนอธิบายก็ได้’

กริชชัยเสียบสายชาร์จ เพื่อชาร์จโทรศัพท์แล้วก็ว่างตัวเองบนเตียง

 

อรทัยรู้สึกเสียใจมากที่กริชชัยไม่มาตามนัด และปล่อยให้ตัวเธอนั่งรอในร้านเสื้อผ้าเป็นชั่วโมงๆ เลยมานั่งดื่มที่บาร์คนเดียวเพื่อแก้เซ็ง แดนนี่ นีคอสร์ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ก็ได้มาร่วมฉลองสลัดโสดของเพื่อนที่บาร์แห่งนี้ด้วย

อรทัยที่นั่งดูเครื่องดื่มโดยที่ไม่ได้ดื่มเลยสักหยด อรทัยนั่งคิดว่า ความสัมพันธ์ของตนกับกริชชัยมันคืออะไร และมีทางที่จะไปรอดหรือควรหยุดและเป็นเพื่อนที่ดีต่อไป ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงที่เอาแต่ใจ แต่ตนก็อยากมีความสุขในชีวิตคู่เช่นกัน บ้างครั้งการที่เธอยอมที่จะปล่อยกริชชัยอาจเป็นทางที่ดีสำหรับทั้งสองก็ได้

แดนนี่ เดินเข้ามานั่งเก้าอี้ใกล้ๆอรทัย แล้วพูดขึ้นว่า “สวัสดีครับคุณผู้หญิง”

“คุณทักฉันหรา?” อรทัยงง จู่ๆก็มาทัก หั่นซ้ายหั่นขวามองหาคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆเพราะกลัวว่าผู้ชายคนนี้จะทักคนอื่น

“ท่าทางคุณจะเมานะเนี๊ยะ ฮ่าๆ” แดนนี่แซว

“ยังไม่ได้ดื่มค่ะคุณ” อรทัยตอบ

“นั้นสินะครับ ผมก็เห็นคุณจองแก้วมาตั้งนาน แต่ไม่ดื่มสักที” แดนนี่เปิดประเด็น

“นี่คุณ... ถ้าคุณจะมาจีบฉัน ไม่ต้องเสียเวลาหรอกค่ะ ฉันมีแฟนแล้วล่ะคะ” อรทัยพยายามตัดบทสนทนา

“งั้น...คุณก็มีปัญหากับแฟนล่ะสินะครับ ถึงได้มานั่งดื่มที่นี้เดียว”

“ทำไม่คุณถึงคิดแบบนั้นล่ะ” อรทัยสงสัยกับคำพูดของชายผู้นี้

“อ้าว...คุณครับ ไม่น่าถามเลยนะครับ ข้อหนึ่ง คุณเป็นคนสวย สวยมาก” แดนนี่ยิ้มหวานพร้อมส่งสายตาหวานแว่วให้อรทัย “ถ้าผมมองคุณไม่ผิด แฟนของคุณคงไม่ใช่ผู้ชายประจอกประจอกแน่ นั่นก็หมายความว่า ไม่น่าปล่อยคุณมาดื่มคนเดียวที่บาร์นี่”  อรทัยยิ้มตลกตัวเอง

“แล้วข้อสองล่ะค่ะ” อรทัยเงยหน้าขึ้นมาถาม

“คุณไม่ได้ดื่มเลย...ผู้หญิง ถ้ามานั่งดื่มคนเดียวก็น่าจะมีปัญหาเรื่องความรัก และผู้หญิงสวยอย่างคุณ น่าจะเก่งไม่แพ้ความสวย” แดนนี่มองรอบๆใบหน้าอรทัย “น่าจะแก้ปัญหาอย่างอื่นได้สบายเลยครับ”

“ฮือๆ” อรทัยหัวเราะห์ชอบใจ “คุณนี่ก็ตลกดีเหมือนกันนะค่ะ อ่านคนที่เพิ่งรู้จักไม่ถึงห้านาทีได้ด้วย เป็นหมอหรือยังไงค่ะ” อรทัยถามด้วยความตลก

“ป่าวครับ ผมไม่ได้เป็นหมอ แต่ผมเป็นนักธุรกิจ มีโรงแรมส่วนตัว เลยเจอคนมามาก แถมถ้ามีการลงทุน ผมต้องรอบคอบ ไม่งั้นผมต้องโดนเขาโกงไม่เหลือแน่ ฮ่าๆ”

“อย่างนั้นหราค่ะ” อรทัยเงยหน้าขึ้นมามองหน้าแดนนี่ “คุณคงอ่านผู้หญิงมาบ่อยสินะคะ ถึงได้กล้ามาอ่านฉัน”

“ป่าว ผมไม่เคยอ่านผู้หญิงคนไหนมาก่อน คุณเป็นคนแรกที่ผมกล้าอ่านความรู้สึกครับ” แดนนี่ยิ้มหวานให้ “ผมชื่อ แดนนี่ นีคอสร์ นะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” แดนนี่แนะนำตัวพร้อมคว้านามบัตรในกระเป๋ายืนในอรทัย

“ฉันชื่อ อรทัยค่ะ” อรทัยรับนามบัตรพร้อมอ่านนามบัตรที่แดนนี่ยืนใน “แดนนี่ นีคอสร์ เจ้าของ นีคอสร์โฮเตล”

“ไว้ว่างๆคุณไปใช้บริการโรงแรมผมได้นะครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ” แดนนี่ยิ้มส่งท้าย

“ค่ะ” อรทัยรับร้อยยิ้มนั้น

 

วันรุ่งขึ้น เพลิงที่อยู่ในคราบของโองก็ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีห้า เพื่อทำความสะอาดบ้าน ทั้งรดต้นไม้ กวาดขยะ กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า ล้างห้องน้ำ และก็เตรียมอาหารเช้า ส่วนป้าน้อยก็ทราบว่า เจ้านายตัวเองได้ทำงานที่ฟาร์มก็เตรียมเสื้อผ้าเพื่อการทำงานของวันแรก

กริชชัยลงจากห้อง เห็นอาหารถูกเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยบนโต๊ะอาหาร ก็เลยยิ้มน้อยๆ แล้วเดินตรงไปยังโต๊ะอาหาร

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณกริช” เพลิงที่อยู่ในคราบโองทักทายผู้ที่เจ้านาย

“วัดดี๊โอง” กริชชัยเห็นโองเดินตรงเข้ามา หัวใจของกริชชัยเริ่มเต้นแรง หน้าร้อนพราวๆ “โอง แกไปรอในรถเลยไป”

เพลิงที่อยู่ในคราบโองงงกับคำสั่งของกริชชัย แต่ก็ทำตามโดยดี “คับ”

 

มารุตตื่นแต่เช้า เตรียมตัวทำภารกิจที่สำคัญ มารุตแต่งตัวหนุ่มใหม่ สไตล์เกาหลี มองที่กระจก ยิ้มน้อยๆ “หล่อเหมือนกันนะเรา” แล้วเดินลงไป พร้อมขับรถสปอร์ตสีส้มที่เธอจางมาใช้เมือวานออกไปมุ่งไปยังบ้านกริชชัย 

กริชชัย ซึ่งทานอาหารเช้าเสร็จก็เดินตรงทางประตู่ ขึ้นรถและก็ขับออกไป โดยไม่มองหน้าเพลิงที่อยู่ในคราบโองเลย ความคิดและความรู้สึกของกริชชัยไม่อยู่กับที หัวใจเต้นผิดปกติ ความรู้สึกที่อยากมองหน้าเพลิงที่อยู่ในคราบโองห้ามไว้ไม่อยู่

‘เกรตตต!’ กริชชัยเบร์ดรถอย่างกะทันหัน เมื่อมีรถสปอร์ตสีส้ม ตัดหน้ามาทางขวา

“โอง... เป็นอะไรเปล่า” กริชชัยถามเพลิงที่อยู่ในคราบโอง หลังจากที่เธอเบร์ดอย่างกะทันหัน

“ผม...ไม่เป็นไรคับ” เพลิงที่อยู่ในคราบโองตอบ

จากนั้นผู้ที่ขับรถสปอร์ตสีส้มก็ลงจากรถตรงมาทางรถกริชชัย กริชชัยออกจากรถ ทั้งสองเผชิญหน้ากัน

มารุตถอดแว่นกันแดดสีดำออกจากหน้าเธอ “ผมขอโทษนะครับที่ขับรถตัดผ่านรถของคุณมาแบบนั้น คุณกับน้องชายเป็นอะไรหรือป่าวครับ” มารุตกล่าวขอโทษตามมารยาท

“ผมกับ...เลขาของผมไม่ได้เป็นอะไร แต่คุณควรที่จะขับรถให้ดีกว่านี้นะครับ มันอันตราย นี้คือสี่แยก ถ้าผมเบร์ดไม่ทัน คงได้ไปอยู่ห้องไอซียูแทนที่จะได้ไม่ทำงาน” กริชชัยพูดด้วยประชด

“เอาอย่างนี้ละกันนะครับ เราไปสถานีตำรวจ เพื่อลงบันทึกประจำวัน” มารุตพยายามแสดงความรับผิดชอบ

“ไม่จำเป็นหรอกครับ คุณมารุต” เพลิงที่อยู่ที่อยู่ในโองออกจากรถ “แค่คุณขอโทษก็พอแล้ว ใช่ไม่คับคุณกริชชัย” เพลิงกล่าวก่อนจะหันไปทางกริชชัย

“ครับ” กริชชัยตอบด้วยความไม่พอใจ

“อ่าว โอง...” มารุตทำท่าเหมือนไม่รู้จักโอง

“สวัสดีครับ คุณมารุต” เพลิงที่อยู่ในคราบโอง ยกมือไหว้มารุต “สบายดีนะครับ”

“ไม่ค่อยสบายเท่าไร มีเรื่องต้องเคลียร์” มารุตตอบพร้อมรอยยิ้มมุ่มปาก “แล้วนายสบายดีไม่” มารุตถือโอกาสถามอาการของเพลิง

“สบายดีครับ” เพลิงที่อยู่ในคราบโองตอบสั้นๆ

“แล้วตอนนี้ทำงานที่ไหนแล้ว นี้ถ้านายกำลังหางานทำ มาทำงานกับฉันมา... ที่ฟาร์มกำลังหาคนมาเพิ่มอยู่ นายนั้น เก่งภาษาถ้ามาทำงานที่รีสอร์ทฉันได้สบายเลย” มารุตตั้งคำถามตามแผ่นที่ปฐวีว่างไว้

“แหมๆ ขอโทษนะครับคุณมารุต นี่คือคนของผม” กริชชัยที่เงียบไปนานก็เริ่มเปิดปากพูด

“อ่าวหรา...ขอโทษนะครับ ผมไม่ทราบน่าครับ” มารุตคว้านามบัตรออกจากกระเป๋าแล้วยืนไปให้เพลิงที่อยู่ในคราบโอง “เก็บไว้ ยามฉุกเฉิน” มารุตหันไปทางกริชชัยแล้วพูดว่า “คุณนี้โชคดีนะครับที่ได้โองมาทำงานด้วย เพราะโองเขาเป็นคนเก่ง” จากนั้นก็จากไป

หลังจากมารุตจากไป กริชชัยก็เข้ารถ เพลิงที่อยู่ในคราบโองก็ตามเข้าไปในรถ แล้วขับรถออกไป

กริชชัยไปส่งเพลิงที่อยู่ในคราบโองที่ฟาร์ม ส่วนตนก็ไปที่บริษัท ซึ่งก็อยู่ไม่ใกล้จากฟาร์ม

 

ปฐวี ซึ่งทำงานอยู่ในห้องก็ถูกนทีกับมารุตบุกเข้ามา

“ไอ้ดิน... แกยังมีกระจิตกระใจ ทำงานอีกหราว๊ะ” มารุตบุกเข้ามาพร้อมคำถาม

“ใช่... ฉันนี้นะ ทำงานไม่เข้าหัวแล้วว๊ะ ยิ่งรู้ว่า คุณอรนีทราบเรื่องพินัยกรรมแล้วละก็ ยิ่งเป็นห่วงความปลอดภัยของยัยไฟว๊ะ” นทีเสริม

“ข้อแรก ฉันทำงานราชการ ไม่ได้ทำงานธุรกิจส่วนตัวอย่างพวกแกสองคน

ข้อสอง ใครบอกว่าฉัน ไม่ได้เป็นห่วงยัยไฟ และนี้คือ ข้อมูลที่ฉันหามาได้” กริชชัยเอากระดาษที่เป็นประวัติของกริชชัยที่หามาได้ ว่างไว้บนโต๊ะตรงหน้ามารุตกับนที “และข้อสาม งานที่ฉันให้พวกแกไปทำ ทำกันยัง?...ลม? น้ำ?” ปฐวีตั้งคำถามพร้อมมองหน้าเพื่อนสนิททั้งสอง

“ทำแล้วเว๊ย” มารุตตอบอย่างมันใจ

“แล้วแกละน้ำ?” ปฐวีหันหน้ามามอง

“อื้อๆ ขอโทษ”

“ความปลอดภัยของไฟ อยู่ที่พวกเรา ถ้าเราบุ่มบ่าม ไม่รอบคอบ ชีวิตของไฟหรือเราทั้งสี่ ไม่เหลือแน่” ปฐวีพยายามอธิบาย “ฉันมันใจ ภายในสองสามวัน ไฟจะได้เข้าไปทำงานในบริษัทแน่ ตอนนี้พวกแกสองคนกลับไปก่อน พยายามทำตามแผ่นที่ฉันตั้งไว้”

“อือ...” เพื่อนสนิทปฐวีทั้งสองก็กลับไป

 

อรทัย นั่งดื่มกาแฟในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง นั่งรอโทรศัพท์จากกริชชัย... แต่ก็ไม่มี

“กริชชัยนะกริชชัย” หลังจากมองจอโทรศัพท์ แต่ก็จอดำเหมือนเดิม

 

แดนนี่ ทำงานอยู่ในห้องผู้บริหารคนเดียว ก็เริ่มคิดถึงอรทัยขึ้นมา เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เพื่อมีเบอร์แปลกโทร.เข้ามา และก็ต้องผิดหวัง เมื่อไม่มีเบอร์ใหม่ติดต่อเข้ามา “ปานี้ คุณอรทัยคงคืนดีกับแฟนแล้วละมั่ง” แดนนี่บอกตัวเอง ก่อนจะกลับไปสนใจต่องานที่ค้างอยู่

 

กริชชัยทำงานในห้อง ณัฐพลก็มาหา...

“มีอะไรว๊ะ มาหากันแต่เช้า” กริชชัยทักณัฐพล เมื่อเพื่อนสนิทเปิดประตู่ห้องของเธอเข้ามา

“อ่าวเฮ็ย...ฉันก็มาทำหน้าที่ของฉันสิ น้องอั้มมันต้องการหมอ ฉันก็มาดูอาการมันดิ” ณัฐพลตอบอย่างมีเหตุผล

“เฮ๊ย... น้องอั้มอยู่ที่ฟาร์ม แต่แกมาทำอะไรไม่ทราบที่บริษัทฉัน” กริชชัยย้อนถาม

ณัฐพลยิ้มน้อยๆเมื่อโดนย้อนถาม “ก็...”

“ไม่มีอะไรใช่ไม่ ฉันจะได้ทำงาน” พูดจบ กริชชัยก็ละสายตาไปทางคอมพิวเตอร์

“แกเป็นยังไร อารมณ์เสียอะไรมา” ณัฐพลเริ่มสงสัยว่า กริชชัยโกรธใครก่อนที่เขาจะเข้าไปหรือป่าว

“ก็ไอ้โอง...” กริชชัยตะโกนออกมาแต่ก็ต้องหยุด เมื่อเขานึกถึงหน้าของมารุตที่คุยกับเพลิงที่อยู่ในคราบโองอย่างสนิทสนม “เฮ๊ย...” กริชชัยอุทานออกมาเมื่อเห็นณัฐพลยืนหน้าเข้าหาเธออย่างใกล้ๆ

“แกตะโกนทำไม่ว๊ะ ตกใจหมดเลย” กริชชัยรำพึง

‘มึงทำให้กูตกใจมากกว่าเว๊ย’ กริชชัยพูดออกมาเบาๆ

“หะ!..แกพูดอะไรว๊ะ ไอ้กริช” ณัฐพลฟังไม่ค่อยสนัด เลยถามออกไปอีกครั้ง

“แกนั้นแหละ ทำไร... ยืนหน้ามาแบบนั้น” กริชชัยเริ่มทำหน้าสยดสยอน

“ก็ฉันก็ทำแบบนี้ตลอดว๊ะ” ณัฐพลโต้

“ต่อไปนี้ ห้ามทำแบบนั้นอีก” กริชชัยเริ่มสั่งห้าม

“หวั่นไวหรา...” ณัฐพลเริ่มตั้งคำถามต่อมงิก

“พูดบ้าอะไร” กริชชัยพยายามโต้

“พูดความจริงไง” ณัฐพลเริ่มมันใจ ในสิ่งที่เธอสงสัย อาจเป็นความจริง กริชชัยชอบโอง

“กลับบ้านเลยไป มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย ไป๊” กริชชัยไม่รู้จะโต้ยังไร ก็เลยไล่เพื่อนสนิทนั้นกลับไป

“ก็ได๊”  ณัฐพลไม่อยากกดดันเพื่อนรักจนมากเกินไป แถมเธอก็ยังไม่มันใจในข้อสงสัยของเธอเต็มร้อย เลยปล่อยให้กริชชัยตามลำพัง

“เราชอบผู้ชายจริงๆหราเนี๊ยะ” กริชชัยพำพึงออกมา เมื่อณัฐพลออกไป กริชชัยรีบยกมือแล้วตั้งที่หน้าอกเพื่อตรวจการเต้นของหัวใจ “แต่ใจเราไม่ได้เต้นแรงเหมือนอยู่กับไอ้โองเลย”  

ประตูห้องถูกเปิดพร้อมกับเสียงของณัฐพล “ไอ้กริช”

“เฮ๊ย...” กริชชัยอุทานออกมา เพื่อเห็นณัฐพลเปิดประตูห้องตนอีกรอบ

“ตกใจอะไร...” ณัฐพลถาม

“แก่กลับมาอีกทำไม่” กริชชัยย้อนถามเพื่อตัดบท

“เรื่องที่ฉันขอให้รับนายโองมาทำงานที่บริษัทนายนั้น แกจะเอาไง” ณัฐพลถามถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เธอมาที่นี้

“เดียวฉันจัดการให้” กริชชัยรีบตอบเพื่อตัดบทสนทนา

“โอเค อย่าช้าล่ะกัน... ฉันไปละ” ณัฐพลรีบออกไปก่อนที่กริชชัยอาจเปลี่ยนใจ

หลังจากประตูห้องกริชชัยปิดลง ณัฐพลรำพึงเบาๆ “อีกไม่นาน จะได้รู้กัน ว่านายเป็นใครและต้องการอะไรจากเพื่อนฉัน นายโอง!” จากนั้น ณัฐพลก็เดินออกไป

 

 

เพลิงที่อยู่ในคราบโองทำความสะอาดบริเวณฟาร์ม... ทั้งกวาดขยะ ล้างฟาร์ม และทำต่อไปเรื่อยๆ เสร็จจากการทำความสะอาดบริเวณฟาร์ม ก็ไม่ยกหญ้าแห้งมาเก็บไว้ที่ร่ม จากนั้นก็เพลิงที่อยู่ในคราบโองก็นั่งพักใต้ต้นไม้ นั่งคิดถึงความหลังที่เธอมีกับครอบครัว แต่ก่อน เธอก็มีฟาร์มที่เป็นธุรกิจของครอบครัว มีวัวที่เธอรักแปลกดีเนอะ วัวของเธอก็ชื่อน้องอั้มเหมือน เธอกับคุณพ่อคุณแม่มีความสุขกันมาก แต่ตอนนี้ ไม่ต้องพูดถึงวัวของเธอเพราะฟาร์มก็ถูกขายไปแล้ว... ถ้าไม่รวมถึงความถึงความจริงที่ตนอยากรู้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อและความรู้สึกผิดที่เขาทิ้งคุณพ่อไว้ตามลำพังจนถึงเกิดเรื่อง ที่ตนเองก็ไม่รู้ว่า ความจริงมันคืออะไร ตนจะไม่ยอมอยู่ที่นี้ให้ทุกคนเดือดร้อนเพียงแค่สมบัติของพ่อตัวเองที่ตนเองก็หาใหม่มาได้

 

กริชชัยที่ทำงานอยู่ในห้องทำงานก็นึกถึงอรทัย... ก็เลยหยิบโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน เปิดล็อกโทรศัพท์ แล้วกดโทร.หาอรทัยทันที อรทัยซึ่งกลับถึงบ้าน นอนอยู่บนเตียง เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ดั่งขึ้นเธอเลยหยิบโทรศัพท์ซึ่งว่างอยู่บนตู้เล็กๆที่ตั้งอยู่ใกล้ๆเตียงขึ้นมา เห็นสายจากกริชชัย อรทัยก็ว่างกลับไปที่เดิม

สายแรก อรทัยไม่รับ

จากนั้นกริชชัยก็โทร.หาอรทัยอีกครั้ง

สายที่สอง อรทัยก็ไม่รับ

สายที่สาม...

“เฮลโล่ อรทัยครับ” กริชชัยทักทาย

“ค่ะกริช” อรทัยรับสายกริชชัย

“กริชขอโทษนะครับ สำหรับเรื่องเมื่อวาน พอดีว่า...” กริชชัยพยายามที่จะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แต่ อรทัยตัดบทไปก่อนด้วยคำถาม

“เรื่องงานอีกแล้วใช่ไม่ค่ะ?”  

“คับ” กริชชัยตอบ

“กริชค่ะ รู้ไม่ค่ะ ว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่กริชทำ ฉันรักคุณมากนะคะกริชชัย ขอได้ไม่ ถ้ามีอะไรโทร.หากันก่อน ไม่ใช่ปล่อยให้รอเป็นชั่วโมงๆเหมือนคนโง่อย่างนั้นได้ไม่ค่ะ” อรทัยเริ่มปล่อยความโกรธใส่กริชชัย

“ผมขอโทษนะครับ” กริชชัยอึ่งกับคำพูดของอรทัย เพราะปกติเธอจะเป็นคนที่เอาแต่ใจอย่างมาก แต่วันนี้ พูดจาพอที่จะมีเหตุผล

“ค่ะ... กริชค่ะ เริ่มอาทิตย์หน้าอรทัยจะไม่อยู่นะค่ะ” อรทัยไม่อยากพูดอะไรมากเลยปล่อยๆไป เพราะเขาเองก็จะไม่อยู่ประมาณเดือนกว่าๆ

“อรทัยจะไปไหนหราครับ” กริชชัยสงสัย

“ไปถ่ายแบบที่ต่างจังหวัด แล้วจะอยู่เที่ยวที่นั้นสักพักด้วยคะ” อรทัยบอกเหตุผลที่จะไม่อยู่สักพัด

“แล้วจะกลับเมือไหร่ละ” กริชชัยถามเพื่อความแน่ใจ

“ตามกำหนดการทำงานแรก ประมาณสองสัปดาห์ หลังจากนั้นกะว่า อยากเที่ยวบ้าง เลยยังไม่ทราบว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ค่ะกริช” อรทัยตอบคำถามของกริชชัย

“งั้นก็...” กริชชัยพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่อรทัยตัดบทเสียก่อน

“การที่อรทัยไม่อยู่สักพัก และความห่างในครั้งนี้ อรทัยอยากให้กริชถามตัวเองว่า กริชยังต้องการอรทัยอยู่อีกไม่ และทางเดินของเราควรเดินต่อไปด้วยกัน หรือควรแยกคนละทาง อรทัยไม่ได้มีใคร แต่กริช อรทัยไม่รู้ ส่วนกริชเคยรักอรทัยบ้างหรือป่าวหรือว่าคบเพื่อสร้างภาพให้ดูดีอรทัยไม่รู้ เพราะสำหรับอรทัยแล้ว อรทัยรักกริชมาก อรทัยอยากให้กริชทบทวนอีกครั้งในช่วงเวลาที่อรทัยไม่อยู่นะค่ะ” อรทัยพูดจบก็เลยกดปุ๋มว่างสายทันที่ จากนั้นก็ว่างตัวลงบนเตียงและน้ำตาแห่งความเสียใจก็ถูกปล่อยออกมา

กริชชัยที่นั่งฟังคำพูดของอรทัย ก็เริ่มคิดทบทวนว่า ระหว่างพวกเขาสองคนคืออะไร...

กริชชัยรีบออกจากห้องทำงาน แล้วขับรถไปเรื่อยๆ ก็เห็นเพลิงที่อยู่ในคราบของโองกำลังนั่งกินข้าวกล่องใต้ต้นไม้ กริชชัยเลยจอดรถแล้วลงไปแอบมองเพลิงที่อยู่ในคราบโองใกล้ๆ มองไปยิ้มไป ยิ่งมองก็ยิ่งมีความสุข สุขที่ได้เห็นเขา จากที่แอบมองมานานพอควร กริชชัยก็ตัดสินใจก้าวขาเข้าหาเพลิงที่อยู่ในคราบโอง

“โอง ทำไม่มากินข้าวคนเดียวที่นี้ล่ะ” กริชชัยทักเพลิงที่อยู่ในคราบโองที่กินข้าวอยู่ใต้ต้นไม้

เมื่อเพลิงที่อยู่ในคราบโองได้ยินเสียงทักจากด้านหลังตน ตนก็หันไปมองพร้อมยืนแล้วก็ไหว้เจ้าของเสียงนั้น “สวัสดีคับ คุณกริช”

“อืม...สวัสดี” กริชชัยรับไหว้พร้อมกับรอยยิ้มเศร้าๆ

“คุณกริช มีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจหรือป่าวคับ” เพลิงที่อยู่ในคราบโอง เริ่มถาม

“ป่าว... ฉันมาขับรถแถวๆนี้ เห็นนายอยู่คนเดียว เลยเข้ามาดูหน่อย” กริชชัยอ้าง

“คุณกริชชัยทานข้าวหรือยังคับ” เพลิงที่อยู่ในคราบโองหาประเด็นคุย เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ค่อยสบายใจ

“ยังอ่า แต่ไม่หิ้ว” กริชชัยพร้อมมองไปรอบๆ

“ดีคับ” เพลิงที่อยู่ในคราบโองตอบ

“ดีไงหรา” กริชชัยงงกับคำตอบของเพลิงที่อยู่ในคราบโอ

 “ก็ผมไม่ได้เตรียมมาเพื่อคุณกริชไงคับ ไม่งั้นผมต้องยกข้าวของผมให้คุณกริช ผมก็คงต้องหิ้วแย่แน่ๆเลยนะคับ” เพลิงที่อยู่ในคราบโองบอกเหตุผลพร้อมร้อยยิ้มกวนๆ

“แล้วแก่ถามทำไม่ไม่ทราบ” กริชชัยอึ้งกับเหตุผลเลยถามกลับ

“ถามตามมารยาทคับ” เพลิงที่อยู่ในคราบโองตอบด้วยร้อยยิ้มที่สะใจ

กริชชัยอึ้งใหญ่พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองเพลิงที่อยู่ในคราบโอง ที่ยิ้มไปทานข้าวไป

 

คุณอรนีเริ่มไปไม่ถูก เมื่อได้รู้ว่าเพลิงยังไม่ตาย ชีวิตที่เคยอยู่สุขก็กลับวุ่นวาย จะตามพินัยกรรมก็ไม่รู้จะเริ่มตามจากที่ไหนก่อน เพราะถ้าเป็นบ้าน ทุกๆเอกสารสำคัญและแฟ้มเอกสารเขาก็เอาออกจากบ้านหลังนั้นหมดแล้ว คุณอรนีคิดไม่ตกว่า พินัยกรรมถูกซ่อนไว้ที่ไหน ก็ได้แต่ส่งคนไปสะกดรอยตามปฐวี นที และมารุต เพราะเขามันใจว่า ทั้งสามน่าจะทราบเรื่องที่เพลิงกำลังทำอยู่

ไทไก๋กลับมาถึงบ้านของคุณอรนีและรายงานเลย ว่า

“ทั้งสามก็ยังทำงานตามปกติ ไม่มีการไปพบใครที่น่าสงสัย แต่เมื่อเช้าคุณกริชชัยกับคุณมารุตเกิดอุบัติเหตุกันนะคับ แต่ไม่มีใครเป็นอะไร”

“อุบัติเหตุ? ที่ไหน” อรนีเริ่มสนใจ

“แถวบ้านของคุณกริชชัยคับ” ไทไก๋ตอบ

“แล้ว...ไอ้มารุตไปทำอะไรแถวบ้านกริชชัย” อรนีสงสัย

“น่าจะขับรถผ่านเฉยๆนะคับ เพราะตอนแรกที่คุณกริชชัยลงจากรถสีหน้าเหมือนจะฆ่าคุณมารุตนั้นให้ได้เลย แต่ก็โชคดีที่เด็กผู้ชายคนหนึ่งออกจากรถคุณกริชชัยแล้วห้ามไว้ ทุกอย่างเลยลงตัว”

“เด็กผู้ชายอีกแล้วหรา? แก่ไปสืบนะว่า เด็กผู้ชายนี้เป็นใคร มาจากไหน ทำงานกับกริชชัยนานแค่ไหนและทำงานเป็นอะไร” อรนีสั่ง ไทไก๋รีบทำตามสั่งเลย

 

ช่วงเวลากลับบ้าน กริชชัยออกจากบริษัทก็ตรงมาทางฟาร์มเพื่อรับเพลิงที่อยู่ในคราบโองกลับบ้านด้วย ป๋องเทพที่ทำงานหน้าฟาร์มก็เห็นกริชชัยแล่นรถเข้าทางฟาร์ม ตนก็เดินไปต้อนรับกริชชัย

“สวัสดีครับคุณกริช” ป๋องเทพทักทายหลังจากที่กริชชัยลงจากรถ

“ไอ้โองอยู่ไหน?” ป๋องเทพงงกับคำถามของกริชชัย กริชชัยเห็นป๋องเทพยืนงง ตนก็เดินเข้าไปในฟาร์มทั้งที่

ป๋องเทพเห็นกริชชัยเดินเข้าไปในฟาร์ม เธอก็รีบตาม “คุณกริชคับ คุณกริชมีอะไรกับนายโองหราคับ ถ้าเป็นงานเรื่องน้องอั้ม บอกผมได้นะคับ”

กริชชัยหยุดเดิน หันมาหลังมายังคนที่กำลังตามตน แล้วยิ้มให้ “ไปทำงานเลยไป”

ป๋องเทพยิ้ม แล้วเดินจากไปโดยดี กริชชัยก็เดินหน้าต่อไป

 

ไทไก๋วุ่นกับการตามหาข้อมูล ทั้งที่เด็กผู้ชายที่อยู่กับกริชชัยคนนั้นก็ไม่มีประวัติความเป็นมายังชัดเจน นอกจาก เป็นลูกชายของป้าน้อยอดีตคนใช้ของคุณอรนี แต่เท่าที่ทราบเรื่อง ป้าน้อยไม่เคยแต่งงานมาก่อน คุณอรนีทิ้งแฟ้มประวัติคนรับใช้บนโต๊ะด้วยความโมโห

“แล้วเด็กผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” คุณอรนีงุดหงิด

“ไม่เอาน๊ะคนสวยของผม อย่าเครียด เดียวไม่สวยเอาน๊า” ไทไก๋พยายามปลอดอรนี

“จะให้ฉันใจเย็นได้ไง ในเมื่อเราเองก็ไม่ทราบเรื่องพินัยกรรมบ้าบ่อนั้นเลย จะเริ่มหาจากไหนก่อนก็ไม่รู้” อรนีโวยวาย

“พินัยกรรมมันไม่มีขา ยังไงก็...”

“เดียว! พินัยกรรมไม่มีขา งั้นไปหาในเอกสารที่เคยอยู่ร่วมกันในห้องทำงานของไอ้แกนั้น” อรนีออกคำสั่ง ไทไก๋ก็ทำตามเลย

 

เพลิงที่อยู่ในคราบโองกำลังคุยอยู่กับน้องอั้ม ซึ้งเป็นวัวสุดที่รักของกริชชัย คุยไปลูดหัวน้องอั้มไป ยิ้มเศร้าๆไป เพราะเธอเริ่มคิดถึงวัวที่เขารักมากขึ้นไปเรื่อยๆ

“แกทำไรอยู่หราโอง”  กริชชัยทักเพลิงที่อยู่ในคราบโอง ต้อนที่เธอไปถึง

ก็ทำงานครับคุณกริช” เพลิงที่อยู่ในคราบโองตอบ ก็ที่จะถามกลับ “คุณกริชมีอะไรหราครับ?”

“ฉันจะมาบอกแก่ว่า พรุ่งนี้แก่ไม่ต้องมาทำงานที่นี้แล้วนะ” กริชชัยแจ้งให้เพลิงที่อยู่ในคราบโองทราบ

“ผมทำอะไรผิดหราคับคุณกริช ทำไม่จะไล่ผมออกคับ งานของผมก็ดีมาตลอด” เพลิงที่อยู่ในคราบโองเริ่มจะโวยวาย

“ก็งานแก่ดีตลอด ฉันถึงจะให้แก่ไปทำงานที่บริษัทแทนไง แถมคุณมารุตอะไรนั้น ก็บอกว่า แก่เก่งมาก ถึงอยากได้แก่ไปช่วยงานเขา แล้วแกเองก็เคยขอฉันจะไปทำงานที่บริษัท ฉันพูดยังไม่ทันจบก็เริ่มโวยวายเลยนะ เหมือนผู้หญิงเลย” เมื่อกริชชัยพูดจบ เพลิงก็ดีใจมากๆแต่ก็เก็บอาการเข้าไว้ ได้แต่ตอบสั้นๆ

“ครับ”

“ว่าแต่ นายรู้จัก คุณมารุตอะไรนั้นได้ไง เห็นสนิทกันมากด้วย” กริชชัยถามในสิ่งที่เธอสงสัย

“คุณมารุตหรือว่า คุณลม เป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทของคุณเพลิงหรือว่า คุณไฟนั้นแหละคับ ผมทำงานที่นั้นมานาน เลยรู้จักกับคุณมารุต” เพลิงที่อยู่ในคราบโองพูดตามที่ปฐวีว่างแผนให้พูดมา

 

คุณวิชัยกับคุณอันนันต์ญา คุณพ่อคุณแม่ของนที เพิ่งกลับจากอเมริกา ก็รีบโทร.ตามลูกชายมารับที่สนามบิน นทีพอได้ทราบข่าวว่าคุณพ่อคุณแม่ของเธอกลับมาเยี่ยมเธอที่ประเทศไทยนี้ เวลานี้ ตอนนี้ เธอควรดีใจหรือตรงข้ามกันมากกว่า เพราะเธอไม่รู้ว่า คุณพ่อคุณแม่ของเธอจะปลอดภัยมากน้อยแค่ไหนจากมือของคุณอรนี  ถึงยังไงเธอก็คงไม่สามารถที่จะปฏิเสธการมาของคุณพ่อคุณแม่ของเธอหรอก เธอเลยไม่กล้าพอที่จะออกไปรับคุณพ่อคุณของตนด้วยตัวเองเลยให้คนรถที่บ้านไปรับแทน ส่วนเธอก็รอตอนรับที่บ้าน

 

ปฐวีพยายามประสานงานเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องโปรเจตใหม่ที่เธอกำลังจะเริ่มทำในต้อนนี้จากคุณมงคล คุณพ่อแท้ๆของตัวเองที่กำลังดำเนินตำแหน่ง CEO ของโรงแรมชื่อดั่ง Piccyyak Hotel ในประเทศเยอรมัน คุณมงคลเคยเป็นที่ปรึกษาของท่านนายกรัฐมนตรีของกระทรวงการศึกษาและการกีฬาก่อนที่จะเดินทางไปเยอรมันเพื่อเป็นกิจการโรงแรม โดยการวีดีโอCall ทาง Facebook

“สวัสดีครับท่านประทาน สบายดีป่าวครับ” ปฐวีทักทายคุณมงคล

“เฮลโล ว่าไงเจ้าดิน” คุณมงคลรับการทักทายของลูกชายด้วยร้อยยิ้ม

“คุณหญิงแม่ ไม่อยู่หราครับ ท่านประทาน” ปฐวีเริ่มเข้าเรื่อง

“แม่แกไม่อยู่หรอก ว่าไง มีอะไร” คุณมงคลเริ่มสักถาม

“ที่ผมโทร.หาคุณพ่อ ผมมีเรื่องที่จะขอคำปรึกษา ข้อแรกเป็นเรื่องงาน ข้อสองเป็นเรื่องของไฟ”

“ว่าไง.??” คุณมงคลตั้งใจ

“คือผมขอเล่าข้อสองก่อนนะครับ... อย่างที่ผมเคยบอกกับพ่อก่อนหน้านี้ ไฟไปเป็นเด็กผู้ชายในบ้านกริชชัย เพื่อตามหาพินัยกรรมของพ่อตัว แต่ล่าสุด อรนีก็ทราบแล้วว่าไฟยังไม่ตาย ซึ่งก็กำลังตามหาพินัยกรรมของพ่อตัวเอง ผมอยากขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อเพื่อช่วยเหลือไฟให้ปลอดภัยแม้ไม่มากแต่ก็ได้ทำได้หรือป่าวครับ” ปฐวีอธิบายอย่างเคราๆ เพื่อขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อตัวเอง

“หนูไฟก็เป็น พ่อก็ต้องช่วยอยู่แล้ว ว่าแต่จะให้พ่อช่วยอะไร” คุณมงคลถามด้วยความกังวล

“ผมให้คนของผมตัดต่อรูปไฟ แล้วผมจะส่งให้คุณพ่อ คุณพ่อช่วยโพสต์ลง Facebook ของไฟ โดยใช้ที่อยู่ที่นั้น และจ้างคนไปเดินแบบ แล้วเอารูปส่งมาให้ผม เดียวผมจะให้คนของผมตัดต่อ แล้วก็ทำเหมือนเดิน” ปฐวีอธิบายแผนของตัวเอง

“แล้วแกจะทำแบบนั้นทำไม่ คือจุดประสงค์เพื่อ??” คุณมงคลไม่เข้าใจว่า ทำอย่างนั้นไปทำไม่

“ดึงความสนใจของคุณอรนีครับ อย่างที่คุณพ่อเคยบอก มนุษย์เรามักที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็นได้ด้วยตา มากกว่า สัญชาตญาณของตัวเอง”

“ได้ ถึงจะแปลกๆหน่อยนะ เดียวพ่อจัดการให้” คุณมงคลตกลง

“ท่านประท่านใจดีมากๆครับ ใจดีงี้ดิ สมกับเป็นพ่อผม” ปฐวีหยอดพ่อ

“ส่วนเรื่องที่สอง ผมอยากให้พ่อเป็นที่ปรึกษาให้ผม จัดโครงการเดินป่าเชิญอนุรักษ์ของผม”

“เดียวก่อนเจ้าดิน พ่อว่างมือล่ะ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองอีก เอางี้ พ่อเป็นที่ปรึกษาได้ แต่ห้ามใส่ชื่อ หรือไม่ก็ ของความช่วยเหลือจากคุณอาของแกดู คุณพ่อของฟ้าใสนั้น” คุณมงคลพยายามหลีกเหลียงการเป็นที่ปรึกษาให้ลูก เพราะเขาทราบดีว่า ถ้ามีคนรู้เข้าว่าตนค่อยช่วยเหลือลูก จะเป็นภาพที่ไม่ดีต่อลูกได้

“ครับ คุณพ่อก็งี้ตลอดเลย แค่นี้ก่อนละกัน ฝากความคิดถึงต่อคุณหญิงแม่ด้วยนะครับ” พูดจบ ปฐวีก็ปิดจอโทรศัพท์ทันที

 

คุณวิชัยกับคุณอนันต์ยา คุณพ่อคุณแม่ของนที ถึงบ้านนทีรีบออกมารับคุณวิชัยกับคุณอนันต์ยาที่ประตู่บ้าน คุณวิชัยกับคุณอนันต์ยาออกจากรถที่เพิ่งมาจอด ด้วยความคิดถึงคุณอนันต์รีบเข้าไปกอดนที ทั้งกอดทั้งหอม  ผู้ที่เป็นพ่อก็ยิ้มกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า

“ลูกแม่เป็นอย่างไรบ้าง แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน”

“คุณแม่เป็นอย่างไรบ้างครับ”

“สบายดีจ๊ะลูก” คุณอนันต์ยายังไม่หยุดหอมแก้มผู้ที่เป็นลูก พอได้จังหวะนทีก็ยกมือไหว้ผู้ที่เป็นพ่อต่อ เมื่อเห็นผู้ที่เป็นพ่อยิ้มอยู่ข้างๆคุณอนันต์ยา

“อ่าว สวัสดีครับคุณพ่อ” พร้อมเข้าไปกอดคุณวิชัย “คุณพ่อสบายดีนะครับ?”

“แม้...นึกว่าจะไม่เห็นพ่อสะแล้วเจ้าน้ำเอ๊ย เห็นกอดแต่แม่” คุณวิชัยแซวนทีพร้อมทำท้างอน

“งอนหราพ่อ” นทีถามด้วยเสียงหัวเราะ

“นิดหนึ่ง” คุณวิชัยตอบด้วยท้างอน

“โฮวไม่งอนนะ ฮีโร่ของผม” นทีทำท้าเก็ตหล่อ คุณวิชัยอดแกล้งต่อไปไม่ไว้ เลยหัวเราะออกมา “หัวเราะแล้ว พ่อหายงอนได้แล้วละสินะ”

“คุณนิ เล่นเป็นเด็กไปได้” คุณอนันต์ยาตีแขนคุณวิชัยเบาๆก่อนจะจับมือนทีแล้วลากเข้าบ้าน “มากับแม่ก่อน แม่มีเรื่องจะบอก” นทีมองตาผู้ที่เป็นพ่อแล้วยิ้มน้อยๆ พอที่จะเดาได้ว่า ผู้ที่เป็นแม่มีเรื่องอะไรที่จะพูดกับเธอ

“แม่มีอะไรหราคับ” นทีเริ่มทำหน้าเบื่อเข้าหลังจากที่คุณอนันต์ยาลากตัวเธอแล้วทิ้งบนโซฟา

“มีสิทธิ” คุณอนันต์ยาคว้าโทรศัพท์แล้วเปิดรูปที่เก็บไว้ในโทรศัพท์ยืนให้นทีดู เป็นรูปถ่ายของผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาสวยใส ผิวขาว ผมดำยาวพอประมาณ ถ้าจากภาพพอที่จะเดาได้ว่าสูงประมาณ 170 เซนติเมตร

“หน้าตาแบบนี้ ได้เลยครับแม่” นทีเปิดปากหลังจากที่นทีเงียบนาน คุณวิชัยที่เพิ่งเดินเข้าก็นั่งที่โซฟาอีกด้านหนึ่ง ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆที่ครั้นนี้นทีไม่ปฏิเสธเหมือนครั้งก่อนๆ

“จริงหราลูก อุยแม่ดีใจมากเลยจ้า” คุณอนันต์ยาทำท้าดีใจ

“จริงสิ แม่ติดต่อเขาให้ผมหน่อยละกันนะครับ พอดีว่า ทางบริษัทผมต้องการนางแบบหน้าใหม่แบบนี้พอดี” นทีกวน

“ไอ้ที่บอกว่าได้เลยนั้นคือ... นางแบบ?” คุณอนันต์ยาเริ่มโกรธที่นทีทำเป็นเล่น ส่วนคุณวิชัยเริ่มเข้าใจสิ่งที่นทีหมายถึงแล้วก็หัวเราะเบาๆ

“ครับแม่ แล้วแม่หมายถึงอะไรหราคับ” นทีหน้าตาย คุณวิชัยเริ่มหัวเราะดั่งขึ้น

“นที! แม่จริงจัง” คุณโกรธเพิ่มขึ้น

“ผมก็จริงจังครับ” นทีพยายามคมหน้าตายไว้

“คุณ! ดูลูกคุณสิ” คุณอนันต์ยาหันมาทางคุณวิชัยที่พยายามอดหัวเราะ เพราะกลัวภรรยาโกรธตัวเอง

“หล่อจ๊ะที่รัก ไม่เห็นนานหล่อขึ้นเยอะเลยนะเรา” คุณวิชัยกวน

“จริงหราพ่อ ไม่แปลกหรอกที่ผมหล่อขึ้น ก็ผมหล่อเหมือนพ่อนี้ครับ” ได้ที นทีก็ตอบเลย

“พูดดีๆ เดียวเลี้ยง” คุณวิชัยหัวเราะชอบใจใหญ่เลย เมื่อเห็นภรรยาโมโหเพิ่ม

“เข้ากันทั้งพ่อทั้งลูก” พูดจบคุณอนันต์ยาก็หยิบกระเป๋าแล้วก็ขึ้นไปบนห้องทันที ส่วนคุณวิชัยยังหัวเราะห์ชอบใจไม่หยุดที่สามารถแกล้งผู้เป็นที่รักได้

 

 

คุณอรนีกับไทไก๋พลิกหาเอกสารทั้งหมดที่มี แต่หายังไรก็หาไม่เจอเสียที

“ในส่วนของผมไม่มีนะครับคุณอรนี” ไทไก๋แจ้งให้เจ้านายทราบ

“ของฉันก็ไม่มี” คุณอรนีบอก

“งั้น...พินัยกรรมอยู่ไหนละ” ไทไก๋สงสัย

“พินัยกรรมไม่มีขา ทุกเอกสารเราเอาหมดแล้ว งั้น ในห้องนั้นจะมีอะไรอีกที่เกี่ยวข้องไอ้แก่นั้น” อรณีตั้งข้อสันนิษฐาน

“รูปครับ คุณอรนี” ไทไก๋รีบตอบ

“บ้าจริง ทำไม่นะทำไม่ ไอ้แกตายแล้วยังจะเอาอะไรกับฉันอีกฮ่ะ” อรนีรำพึงด้วยความโกรธ

‘ตริ่ง!’ เสียงโทรศัพท์ของไทไก๋จากลูกน้อง ไทไก๋รีบรับสาย

“ว่าไง”

“นายครับ คนที่นายให้ตามหา ตอนนี้อยู่ต่างประเทศครับ” ลูกน้องของไทไก๋รายงาน

“แก่ว่าไงนะ” ไทไก๋ถามเพื่อความแน่ใจ

“ครับนาย ตอนนี้เขาอยู่ที่เยอรมันครับ เมื่อกี้เองมีรูปใบหนึ่งถูกอัปโหลดบน Facebook ของเขา” ลูกน้อง

ไทไก๋รายงานเพิ่ม

“งั้นหรา โอเค”  ไทไก๋ว่างสาย แล้วรีบเปิด Facebook ของตัวเอง

“อะไรหรา ไทไก๋” อรนีถาม

“คุณเพลิงอยู่เยอรมันแล้วครับ” ไทไก๋รีบรายงานผู้เป็นเจ้านาย

“ไหน” อรนีรีบเข้ามาดูรูปของเพลิง “รีบหนีงั้นหรา งั้นก็ดี ติดต่อหากริชชัย บอกว่า พวกเราอยากซื้อรูปที่เคยอยู่ในบ้านหลังนั้นกลับคืนทั้งหมด” อรนีรีบออกคำสั่ง

“ครับ” ไทไก๋รีบทำตามทันที

 

อรทัยมาถ่ายแบบที่จังหวัดนราธิวาส เดินทางมาไกลๆอย่างเหนื่อยๆ เลยเข้ามาพักในอ่าวมะนาวรีสอท์ ซึ่งเจ้าของรีสอท์ก็เป็นของเพื่อนแดนนี่ นั้นก็คือ กาแฟ หรือชื่อจริง นางสาวสัมบีลัน กราฎก ด้วยความที่สัมบีลันเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟเป็นพิเศษ ตอนสมัยมหาวิทยาลัยรุ่นพี่เลยตั้งชื่อเล่นว่า กาแฟ ถึงตอนนี้ ทุกคนก็ยังเรียกลัมบีลันว่า คุณกาแฟ แม้แต่ พนักงานที่รีสอท์เขา และตอนนี้ แดนนี่กับกาแฟก็มีโครงการทำกิจกรรมร่วมกัน แดนนี่เลยถือโอกาสมานราธิวาส เพื่อมาดูงานและเยี่ยมเพื่อน

“อ่าวมะนาวรีสอท์ยินดีต้อนรับคะ” พนักงานต้อนรับของอ่าวมะนาวรีสอท์กล่าว เมื่อแดนนี่ลงจากรถ

“ขอบคุณครับ” แดนนี่ตอบพร้อมร้อยยิ้ม ก่อนที่จะแนะนำตัว “ผมชื่อแดนนี่ เป็นเพื่อนคุณสัมบีลัน คุณสัมบีลันอยู่หรือป่าว”

“อยู่คะ เชิญรอทางก่อนนะคะ” พนักงานต้อนรับพาแดนนี่ไปรอที่ห้องรับรองแขกใหญ่ ก่อนจะติดต่อสัมบีลัน และแจ้งเรื่องที่เพื่อนมารอพบ สัมบีลันเมื่อทราบว่าเป็นแดนนี่ก็รีบลงมาหาทันที

 “แดนนี่ ยู่นี่ตลอดเลยนะ” สัมบีลันทักทาย

“อะไร? เพื่อนมาไกลๆ จะไม่ถามเลยหราว่า เหนื่อยไม่ หิ้วไม่ มามาก็เหวี่ยงเลย” แดนนี่ทำท้างอน

“ไม่ต้องทำท้างอนเลย ถ้าเราไม่อยู่ ยูจะทำยังไง มาไม่บอกไม่อะไรมาก่อนแบบนี้”

“เหวี่ยงเข้าๆ นี่มานี่จะมาพักผ่อนนะ ไม่ได้มาฟังใครแถวนี่เหวี่ยงนะ” แดนนี่ยังทำท้างอน

“จ๋ะ ถึงไงคิดถึงนะ” สัมบีลันเสียงอ่อนลง

“เชื่อได้หรา?” แดนนี่ยังไม่เลิกท้างอนของตัวเอง

“นี่เลิกงอนได้แล้ว เดี่ยวคนอื่นเข้าใจผิดหมดหรอก” สัมบีลัมเริ่มเลิกงอแล้วละ

“โฮ...  หยิ่งงี้นี้เอง ถึงหา ผ สระอัว ไม่ได้” แดนนี่แซว

“ไอที่พูดนี่ ปากแกใช่ไม่แดน” สัมบีลัมเริ่มงอนสะเอง ก่อนที่จะสวนกลับ “แล้วแกละ หา ม สระเอีย ได้แล้วหรา”

“โอเคร่ๆ กับแก เถียงไงก็ไม่จบ ฉันหิ้วอ่า เลียงข่าวให้ฉันหน่อยดิ” แดนนี่เริ่มตัดทบ เพราะรู้แล้วว่า เถียงกับสัมบีลัน ไม่มีทางชนะแน่

“งั้นเราไปที่ห้องอาหารเลย” สัมบีลันเลยพาแดนนี่ไปที่ห้องอาหารเลย

กริชชัยพาเพลิงที่อยู่ในคราบโองไปซื้อชุดใหม่ เพื่อเตรียมตัวเข้าไปทำงานที่บริษัท กริชชัยซื้อให้ ทั้งเสื้อ กางเกง รองเท้า หลังจากที่เข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ เกือบชั่วโมง กริชชัยก็พาเพลิงที่อยู่ในคราบโองไปกินข้าวที่ร้านประจำของกริชชัย เมื่อพนักงานต้อนรับเห็นกริชชัยมา ก็รีบไปต้อนรับและพาไปโต๊ะประจำของกริชชัย ซึ่งอยู่ติดกับสะน้ำ

“นี่โอง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าฉันมาซื้อของแถวนี้ ฉันจะเข้าไปกินข้าวในร้านนี้ตลอดเลยนะ” กริชชัยเล่าให้เพลิงที่อยู่ในคราบโองฟัง

“หราคับ แล้วทำไม่ต้องเป็นร้านนี้ละคับคุณกริช” เพลิงที่อยู่ในคราบโองเริ่มสงสัย

“ฉันชอบสายน้ำที่อยู่ตรงหน้าฉัน เห็นแล้วมันสงบ และเมื่อฉันมาที่นี้ ฉันจะต้องได้อยู่โต๊ะนี่ มีครั้งหนึ่ง มาแล้วมีคนอยู่ ฉันก็รอหน้าร้านจนกว่าคนที่อยู่มาก่อนนั้นทานเสร็จและก็ลุกออกไป” กริชชัยเล่าต่อ

“งั้นหราคับ คุณกริชคับ หมายความว่า คุณชอบน้ำงั้นหราคับ” เพลิงที่อยู่ในคราบโองถาม

“น้ำ เห็นแล้วสงบ แต่ฉันชอบไฟมากกว่า” คำตอบของกริชชัยทำเอาเพลิงที่อยู่ในคราบโองหน้าแดง ร้อนแผวๆ ก่อนที่เพลิงจะถามกริชชัยต่อ

“ทำไม่ คุณกริชถึงชอบไฟหราคับ”

“ก็ไฟแสดงถึงชีวิตจริงของมนุษย์เราได้ดีที่สุด คือ ไฟตอนมันเล็ก มันเปรียบเสมือน เพื่อน เราจะเล่นกับมันไงก็ได้ แต่ถ้ามันใหญ่เมื่อไร มันคือจะเป็นศัตรูของเราทันที เพราะเราจะต้องทำทุกวิธีทางเพื่อดับมัน” กริชชัยแจ้งเหตุผล

เพลิงที่อยู่ในคราบโอนเริ่มเข้าใจและยิ้มไปด้วย ก่อนที่จะรู้สึกมึนหัว เลยลุกขึ้นเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำ แต่แล้วขาของเพลิงก็ไปขัดขาเก้าอี้ที่เธอนั่ง ทำให้ขาอีกข้างของเธอรับตัวไม่ทัน เลยตกสะน้ำ ตะคิวกินขาทำให้วายน้ำไม่ได้ ลูกค้าคนอื่นที่อยู่ในร้านพากันตกใจและรีบวิ่งเข้ามาดู กริชชัยที่เห็นเพลิงที่อยู่ในคราบโองตกน้ำ เธอเลยรีบโดดลงไปช่วย เพลิงที่อยู่ในคราบโองสลบไป กริชชัยรีบพาขึ้นฝั่ง และรีบทำการซีพีอาร์ ทำให้มือของกริชชัย ดั้นไปโดนหน้าอกของเพลิงที่อยู่ในคราบโองพอดิบพอดี กริชชัยตกใจมาก ทำอะไรถูก แต่ก็พยายามทำการซีพีอาร์ต่อไป โดยที่ในใจของกริชชัยก็ได้คิดไปว่า “โองแกเป็นผู้หราว๊ะ แล้วฉันชอบแก ฉันไม่ได้เป็นเกย์ ฉันควรดีใจหรือโกรธแกดีว๊ะ ที่แก่เป็นผู้หญิง”

“โฮะๆ เจ็บขาจังเลยคับ” เพลิงที่อยู่ในคราบโองพูดต้อนที่ฝืนตัว

“โอง...แกเป็นอะไรมากไม่ ฉันคือฉันเออ” กริชชัยทำตัวไม่ถูก

“เจ็บขาคับคุณกริช” เพลิงที่อยู่ในคราบโองตอบ

“ได้...เออได้ เดียวช่วยดูให้” กริชชัยก้มลงเพื่อดูขาของเพลิงที่อยู่ในคราบโอง แต่เพลิงที่อยู่ในคราบโองขยับขาหนี เพราะกลัวกริชชัยจะสงสัยเรื่องขาเล็กเหมือนผู้หญิง

“ไม่เป็นไรคับ ผมไม่เป็นไรแล้วคับ” เพลิงรีบลุก แล้วไหว้ขอโทษเจ้าของร้านที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย “ผมขอโทษนะครับ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น”

“ไม่เป็นไรคะ แล้วคุณเป็นอะไรไม่คะ จะเปลี่ยนชุดก่อนไม่คะ ดิฉันจะได้พาไป”  เจ้าของร้านถาม

“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ” พูดจบ เพลิงที่อยู่ในคราบโองก็หันหลัง แล้วเดินไปที่รถ

กริชชัย ซึ่งยังอึ่งกับสิ่งที่เธอได้สัมผัส ก็ได้แต่เดินตามหลังเพลิงที่อยู่ในคราบโอง แล้วตั้งคำถามมากมายไว้ในใจ

 

เอกกี้ ผู้จัดการส่วนตัวของอรทัย ขึ้นไปตามหาอรทัยบนห้องนอน เพื่อชี้แจ้งงานที่จะทำในวันพรุ่งนี้

“คุณน้องคะ คุณพี่เอกกี้เองจ้า คุณน้องอยู่ไม่จ้า”

“พี่เอกกี้ พี่มีอะไรหราคะ” อรทัยเปิดประตู่ห้อง

“มีจ้า นี้ไงคะ ตารางงานของคุณน้องคะ พรุ่งนี้แปดโมงเช้าเจอกันที่ชายหาดนะคะ” เอกกี้ยืนกระดาษหนึ่งแผ่นที่เป็นตารางการถ่ายแบบของวันพรุ่งนี้

“หกชุดเองหราคะพี่เอกกี้?” อรทัยเริ่มถาม เพราะจากที่ดรีบมามากกว่านั้น

“จ้า ที่จริงเขาขอมาหลายชุด แต่พี่เห็นคุณน้องเหนื่อยๆ เศร้าๆ พี่เลยจัดการไว้แค่หกชุด” เอกกี้บอกเหตุผล

“ขอบคุณมากนะคะคุณเอกกี้ ที่ช่วยจัดการให้” อรทัยพูดจบก็ร้องไห วิ่งเขาไปกอดเอกกี้ทันที

“คุณน้อง! เป็นอะไรหราคะ ร้องไหทำไม่ ทะเลาะกับคุณกริชชัยอีกหรือคะ ไหนบอกว่าห่างกันสักพัดไง” เอกกี้พยายามถามโดยที่ตนก็พยายามกอดปลอดอรทัย

“หนูคิดถึงเขาคะพี่เอกกี้ หนูไม่รู้ว่ามันเกิดอะไร แต่หนูคิดถึงเขาคะ”

“โธ่คุณน้อง เอางี้ พี่ว่า คุณน้องกลับบ้านไปหาเขาดีไม่ เดียวงานที่นี้พี่เอกกี้จัดการให้”  เอกกี้พยายามปลอด

“ไม่ดีกว่าคะ หนูขอทำงานดีกว่า เดียวถ้ายกเลิกงานที่นี้ พี่เอกกี้จะเดือดร้อน แล้วอีกอย่างหนูขอห่างเขาคะ” อรทัยพูดพร้อมกับปัดน้ำตา

“พี่ว่าไม่ดีกว่า คุณน้องพักผ่อน ค่อยๆคิด ค่อยๆตัดสินใจ  เรื่องงานพี่เอกกี้จัดการเอง แค่นี้พี่เอกกี้ไม่เดือดร้อนหรอกจ๊ะ แต่ถ้าพรุ่งนี้ คุณน้องเป็นอะไรไป พี่สาวของคุณน้องเอาพี่ตายคะ เดียวคุณน้องพัดผ่อนก่อน ทำงานในเวลาเศร้าแบบนี้ งานออกมาไม่ดีแน่นอนจ๊ะ พี่ขอตัวไปจัดการเรื่องงานก่อน เดียวมาอยู่เป็นเพื่อนด้วยจ๊ะ” เอกกี้ปัดน้ำตาอรทัยออกพร้อมยิ้มให้กำลังใจ

“ขอบคุณมากนะคะ พี่เอกกี้” อรทัยกอดเอกกี้อีกครั้ง

 

แดนนี่เดินเล่นที่ชายหาด รับลมอย่างสบาย มองฟ้าที่สดใส่ แดนนี่ได้สัมผัสถึงความผ่อนคลายสุดๆ และแล้วแดนนี่ก็ได้เห็นอรทัยเดินกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินแชร์เท้าในน้ำทะเล คลื่นพัดมาพัดไป แต่เจ้าตัวเหมือนคนไร้วิญญาณ   แดนนี่เดินเข้าหาอรทัย

“สวัสดีครับ คุณอรทัย  เจอกันอีกแล้วนะครับ” อรทัยตกใจที่จู่ๆมีเสียงดั่งขึ้นมา จึงหันไปทางเสียงที่ดั่งนี้ เห็นเจ้าของเสียงยิ้มหวานให้

“สวัสดีค่ะ คุณแดนนี่” อรทัยตอบพร้อมร้อยยิ้ม

“เฮอะ” แดนนี่หายใจออกอย่างหนัก

“โฮวคุณแดนนี่ หายใจใหญ่ไปหรือป่าวคะ” อรทัยยิ้ม

“ก็ผมเป็นหวงมากเลยเมื่อกี้ กลัวว่าคุณจำผมไม่ได้ หน้าแตกตายแน่เลย” แดนนี่หัวเราะเบาๆ

“คนคุยเยอะอย่างคุณ เจอกันครั้งแรกก็อ่านใจฉันแล้ว ฉันไม่มีวันลืมลงหรอกคะ” แดนนี่ตาโตขึ้น เมื่อได้ยินอรทัยพูดคำว่า ‘ไม่มีวันลืมลง’ แต่ยังคมหน้าเดิมไว้ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าเธอแอบคิดถึงเธอมาตลอด “แล้วคุณแดนนี่มาเที่ยวหราคะ” แดนนี่เริ่มปรับสีหน้าก่อนที่จะตอบคำถามของอรทัย

“พูดไม่ถูกครับ ถ้าจะพูดว่า มาเที่ยว แต่ถ้าจะพูดว่ามาทำงาน ก็พูดได้ไม่เต็มปากครับ” คำพูดของแดนนี่ทำให้คนที่นั่งฟังเริ่มรู้สึกงง “คือ...รีสอท์นี้ เป็นรีสอท์ของเพื่อนผมเองครับ ผมกับเขาคิดที่จะทำกิจกรรมโปร์โมชันรวมกัน ผมเลยมาดูรีสอท์ของเขาว่า มีส่วนไหนบ้างที่คลายกับโรงแรมของผม” คำอธิบายของแดนนี่ทำให้คนที่เริ่มเข้าใจมากขึ้น “แล้วคุณอรทัยละครับ มาทำอะไรที่นราธิวาส?”

“ที่จริงก็มาทำงาน แต่ตอนนี้เริ่มเที่ยวแล้วละคะ” อรทัยตอบอย่างสั้นๆพอเข้าใจ จากสีหน้าของคนที่ตอบ แดนนี่พอที่จะเดาได้ว่า อรทัยยังไม่ได้คืนดีกับแฟน

“ดีเลย ถ้าคุณอรทัยไม่มีงานแล้ว ไปเที่ยวกับผมไม่ครับ ผมเคยมาเที่ยวที่นี้หลายครั้งแล้วครับ เดียวผมพาคุณไปเที่ยวเอาไม่ครับ” แดนนี่เห็นอรทัยเศร้าๆ เลยอยากทำอะไรให้บ้าง ถึงไม่มากแต่ก็ได้ทำ

อรทัยเห็นว่า เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ลืมเรื่องเศร้าๆ “ตกลงคะ” เลยตอบตกลงทันที

แดนนี่ยิ้มปริตรเลย

กริชชัยลงมาทานข้าวเย็นไม่เห็นเพลิงที่อยู่ในคราบโอง แปลกใจเลยถามป้าน้อยทันที่

“โองอยู่ไหนหราครับป้า”

“หนู ฟ...” ป้าน้อยจะลุดปากเรียกเพลิงว่า‘ไฟ’ “โองหราคะ เห็นเขาตกน้ำ เหมือนจะไม่สบาย ป้าให้เขานอนพักในห้องคะ คุณกริชมีอะไรกับโองมันหรือป่าวคะ”

“ผมเรื่องที่จะคุยกับเขานิดหนึ่งครับ ถ้าเขาไว ก็ให้เขาขึ้นไปหาผมบนห้องนะครับ” กริชชัยพูดจบก็หยิบผ้าเช็ดปากที่อยู่บนตักตัวเองเช็ดปาก ดื่นน้ำ แล้วขึ้นไปบนห้องทันที

ป้าน้อยรีบเก็บจาน แล้วเข้าไปดูเพลิงในห้องนอน

“หนูไฟจ้า เป็นอย่างไรบ้างจ้า” เพลิงรีบลุกเมื่อได้ยินเสียงป้าน้อยเรียกถามอาการ

“หนูดีขึ้นแล้วละคะ ป้ามีอะไรหรือป่าวคะ”

“คุณกริชตามหาจ้า บอกว่า ถ้าหนูไม่เป็นไรแล้ว ให้รีบขึ้นไปหาเขาด้านบนจ้า” ป้าน้อยบอกสิ่งที่กริชชัยฝากมา

“ดึกๆงี้นี้นะ คนนะ ไม่ใช่เครื่องจักร จะได้ทำงานตามเวลาที่อยากให้ทำอ่า” เพลิงบ่น ก่อนจะเตรียมตัวขึ้นไปหา

“จะให้ป้าไปเป็นเพื่อนไม่?” ป้าน้อยถามเพราะว่า เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีที่จะปล่อยให้ผู้หญิงเข้าห้องนอนผู้ชายตอนดึกๆ

“ไม่เป็นไรคะป้า ไฟไปคนเดียวได้ ป้าน้อยเข้าไปนอนก่อนเลย พรุ่งนี้ป้ายังมีงานอีกเยอะที่ต้องทำนะคะ ไฟไปคุยกับคุณกริชแปบเดียวเองคะ” พูดจบเจ้าตัวก็ออกไป ส่วนป้าน้อยก็เข้านอน

 

กริชชัยนอนรอเพลิงที่อยู่ในคราบโองขึ้นหา กริชชัยเดินไปยังประตู่รอเสียงเคาะจากมัน แต่ก็ไม่มี เพลิงที่อยู่ในคราบโองมาถึงห้องนอนของกริชชัย เพลิงที่อยู่ในคราบโองก็เลยเคาะประตู่ กริชชัยรีบซ่อนหลังประตู่ก่อนจะส่งเสียงออกไป

“เข้ามา...” เจ้าของส่งเสียงเชิญให้เข้า เพลิงที่ไม่คิดอะไรมาก ก็เปิดประตู่เข้าไป แขนเพลิงถูกดึงจากใครสักคนที่อยู่หลังประตู่ และผลัดเขาให้แนบชิดกับผนังห้อง มืออีกข้างของคนนั้นก็ล็อกประตู่ห้องอย่างรวดเร็ว เพลิงพยายามดิ้นด้วยการจะเยียบเท้าแต่ผู้ที่ล็อกประตู่นั้นไว้ตัวทันเลยหลีกได้ หน้าของผู้นั้นค่อยๆเข้าหาเพลิงที่ละนิด

“คุณกริชครับ คุณจะทำอะไรหราครับ”

“ทำอะไรๆที่เธออยากได้ไง” คำตอบของกริชชัยทำให้เพลิงโมโหจัด หน้าของกริชชัยยังพยายามเข้าหาเพลิง เพลิงก็เลยเอามือทั้งสองไว้บนไหลของกริชชัยแล้วปากของกริชชัยค่อยๆจะแตะปากของเพลิงที่เธออยากจูบมานาน เพลิงใช้หัวเขาของตัวเองพุ่งไปที่เป๋าของกริชชัย กริชชัยตกใจมากเพลิงรีบผลัดกริชชัยออก แล้วรีบวิ่งไปอีกด้านหนึ่งของห้อง

“ทุเรศ” เพลิงตะโกนออกมา

“ทุเรศหรา? มันก็ทุเรศพอๆกันกับคุณนั้นแหละ คุณเพลิง” กริชชัยสวนกลับ

“คุณรู้แล้วหรา?” เพลิงใจหายวูบหนึ่ง

“คุณใจร้ายมาก คุณมาหลอกผมทำไม่?” กริชชัยพยายามเดินเข้าหาเพลิงที่ละก้าวอย่างช้าๆ “คุณหลอกให้ผมเชื่อคุณ ไว้ใจคุณ” กริชชัยพยายามถือโอกาสนี้ที่จะพูดความในใจ แต่เพลิงตะโกนต่อรองไว้ก่อน ใจร้อนสมเป็นเพลิงจริงๆ

“ฉันขออธิบาย แต่คุณต้องสัญญาว่า จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ” เพลิงพยามยามต่อรอง

“เชิญ... ผมก็อยากรู้เหมือนว่าคุณมีเหตุผลอะไรที่มาหลอกผม” กริชชัยทิ้งตัวเองนั่งบนเตียง และส่งสายตาให้โอกาสเพลิงอธิบาย ก่อนจะเตือน “แต่ถ้าครั้งนี้คุณยังเลือกที่จะโกหกอีกละก็ คุณจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีก” ด

ตอนที่ตะโกนต่อรองก็คิดที่เบี่ยงแบนไปก่อน แต่พอกริชชัยเตือน เพลิงยืนคิดทบทวนทั้งสิ้นทั้งหมด เลยตัดสินใจเล่าความจริง เพราะเขาเชื่อว่า คนอย่างกริชชัยไว้ใจได้และไม่ทำลายคนบริสุทธิ์

.................................................................................................................................................................................

“คุณเลยเลือกที่จะเป็นเด็กผู้ชายติ่งต๋องงั้นหรา” กริชชัยถามเพื่อความแน่ใจ

“แล้วคุณรู้ได้ไงว่า ฉันเป็นผู้หญิง? และรู้ได้ไงว่า ฉันคือเพลิง?” ตาของเพลิงถามกริชชัย กริชชัยยิ้มหวาน จับมือดึงมานั่งบนตักตัวเอง มือที่จับมือค่อยๆลูบขึ้นไปเรื่อยๆ เพลิงที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์แบบนี้ ก็ได้แต่เรียนรู้มันด้วยการเอามือตัวเองจับคอกริชชัยแล้วลูบไปยังเส้นผม หน้าของทั้งคู่ค่อยๆเข้าหากันโดยอัตโนมัติ ปากของทั้งคู่เตะกัน กริชชัยดึงดูดความร้อนที่แสนอบอุ่น ก่อนจะว่างตัวเพลิงลงบนเตียง เพลิงได้สติก็รีบผลัดกริชชัยออกจากตัวเอง กริชชัยยิ้มน้อยๆ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกลัวเพราะขาดประสบการณ์

“คุณยังไม่ตอบฉันเลย ตกลงรู้ได้ไง” เพลิงพยายามเก็บความรู้สึก

“ง่ายมาก... ตอนที่ผมรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิง ผมก็พยายามเรียบเรียงสิ่งที่เคยเกิดขึ้น คุณเป็นคนที่เก่งมาก กล้าเข้าห้องผ่าตัด มีความรู้มากกว่าที่เธออ้าง ทำอาหารเก่ง แถมชอบชมคุณเพลิงไฟอะไรของคุณ และที่สำคัญที่สุด ต้อนที่คุณคุยกับคุณมารุต แววตาของคุณมารุตส่อให้เห็นว่า เขาเป็นห่วงเธอมากกว่าอดีตลูกแน่นอน และพอเขาบอกว่า คุณเก่งภาษา...ผมยิ่งมันใจ เพราะคุณเพลิงอยู่ต่างประเทศมาตลอด” กริชชัยอธิบายแนวการคิดของตัวเอง

“ทำไม่คุณไม่คิดบ้าง ว่าฉันอาจเป็นสิบแปดมงกุฎ หรือคนของคุณไฟของได้” เพลิงสงสัย

กริชชัยยืนขึ้น จับแขนเพลิงดึงเบาๆลากตัวเธอแล้วทิ้งไว้บนเตียง กริชชัยคุกเข่าทิ้งตัวเองลงบนพื้นก่อนที่จะตอบคำถามของเพลิง

“อย่างที่ทราบ... คุณเก่งและกล้ามาก และที่สำคัญคุณทำทุกอย่างเพื่อผมได้ ผมเลยตัดประเด่นสิบแปดมงกุฎได้เลย ยิ่งป้าน้อยก็เป็นคนที่ดี จริงใจ ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังกับการดูแลบ้านของผม ส่วนเป็นคนของคุณไฟนั้น อย่างที่ผมบอก แววตาของคุณมารุตเห็นเขาเป็นห่วงคุณมากกว่าลูกจ้าง และข้อมูลเด็ดของผม ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก มีอะไรช่วยกันตลอด และไฟจะสนิทกับลมมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ซึ่งผมมันใจว่า คุณมารุตไม่ทิ้งคุณแน่นอน และคนที่อยู่ตรงหน้าผม คือ... คุณเพลิงหรือไฟ”

“หมายความว่า ฉันพลาดมาตลอดนั้นสิ” เพลิงทำท้างอน

“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ผิดหรอกนะ” กริชชัยยอน ก่อนจะปล่อยหัวเราะเบาๆออกมา เมื่อเห็นคนนั่งอยู่บนเตียงแบกปาก “อ่าๆ คุณพยายามเกินไป ก็ได้” กริชชัยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเข้าประเด่น “ส่วนเรื่องพินัยกรรมของคุณ ผมจะช่วยเอง”

“แล้วคุณอรทัยละคะ” เพลิงถามเพื่อความแน่ใจ

“อรทัยเขาเป็นคนที่เอาใจก็จริง แต่เขารักความถูกต้อง ตอนนี้ผมกับเขาห่างกันสักพัก เขาก็จะไม่รู้เรื่องนี้ แต่ถ้าเขารู้ผมมันใจว่าเขาต้องเข้าใจ” คำตอบของกริชชัยทำให้เพลิงรู้สึกได้ว่า กริชชัยรู้จักและรักอรทัยมาก

“แล้วคุณไม่โกรธฉันบ้างเลยหรา ที่ฉันโกหกคุณตั้งเยอะ” เพลิงถามด้วยน้ำเสียงน้อยใจ แต่กริชชัยไม่สังเกต

“ที่จริงก็โกรธนะ แต่คุ่ม” กริชชัยยิ้มน้อยๆก็จะเอามาจับปากตัวเอง เพลิงเริ่มเข้าใจ

“บ้า...” เพลิงยิ้มเขินๆ ก่อนจะดึงมือตัวเองออกจากกริชชัย แต่ท้าทางคนที่จับมือจะไว้ตัวทัน เลยจับมืออีกข้างแล้วผลัดตัวให้นอนบนเตียง หน้าประชิดเข้า เพลิงเริ่มรู้สึกร้อนแพลๆ จังหวะที่กริชชัยเอาหน้าเข้าหาเพลิง ปากค่อยๆเข้าหา “หยุด” เพลิงรีบส่งเสียงออกมา “คุณมีแฟนแล้ว ไม่ควรทำแบบนี้”

“คุณกลัวหรา?” กริชชัยพยายามต่อรอง

“มันไม่ถูกต้องตั่งหาก” เพลิงตอบด้วยน้ำเสียงน้อยใจที่กริชชัยไม่คิดถึงความรู้สึกของอรทัย

“แต่ผมกับเขากำลังห่างกัน” กริชชัยค่อยๆเอาปากเข้าหาอีกครั้ง เพลิงรีบยกมือขึ้นกันปากกริชชัย แล้วผลัดออกไป ตัวเธอก็รีบลุกออกจากเตียง “เราเพิ่งรู้จักกัน”

“งั้นคุณโทร.หาเพื่อนของคุณได้เลย พรุ่งนี้เราไปหาพินัยกรรมของคุณกัน” กริชชัยพูดจบก็รีบว่างตัวลงบนเตียง ยิ้มน้อยๆให้เพลิง เพลิงรับยิ้มนั้นด้วยการยิ้มเศร้าๆไป ก่อนจะออกไปจากที่นั้น

เพลิงกลับไปที่ห้อง คว้าโทรศัพท์มือถือ กดกล่องข้อความ

พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทของคุณกริช แปดโมงเช้า ห้ามช้า แล้วกดส่งออก

 

มารุตซึ่งไปค้างที่คอนโดปฐวี

มารุตกำลังดูทีวี ส่วนก็นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกำลังพิมพ์งาน เรื่อง โครงการเดินป่าเชิญอนุรักษ์ เพื่อที่จะเสนอทางผู้ใหญ่

‘ตริ่ง’ เสียงข้อความจากโทรศัพท์ของปฐวีที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอาหาร ปฐวีรีบคว้ามันดู

“ไฟส่งข้อความมา” ปฐวีรีบบอกมารุต

“ไม่ต้องตื่นขนาดนั้นก็ได้ เพราะของฉันก็ส่งมา” มารุตสวนกลับ

“ไอ้เลว อุตสาห์บอกแล้ว ยังจะต่อว่าอีก... ว่าแต่มีเรื่องอะไรว๊ะ”  ปฐวีด่ามารุตก่อนจะถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย

“พรุ่งนี้ก็รู้แหละ” มารุตผู้ที่ไม่คิดมากตอบ ทั้งที่จริง คำถามที่ปฐวีถาม เขาเองก็อยากรู้ไม่น้อยไปกว่ากันฃ

 

วันรุ่งขึ้นแดนนี่ไปรับอรทัยที่ห้องเพื่อพาไปเที่ยว

แดนนี่เดินไปถึงที่ห้องอรทัย อรทัยก็ออกมาพอดี แดนนี่ยิ้มดีใจที่เห็นอรทัยออกมา

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณอรทัย” แดนนี่ทักทายตามมารยาท

“อรุณสวัสดิ์คะ คุณแดนนี่” อรทัยรับคำทักทาย แดนนี่ยิ้มบาง ในใจดีใจที่ได้ไปเที่ยวกับอรทัย แต่ต้องสะดุด “เราไปกันเลยไม่คะ”

“ครับ”

ทั้งสองไปเที่ยวที่หาดนราทัศน์ ซึ่งเป็นทะเลที่โด่งดั่งแห่งหนึ่งในจังหวัดนราธิวาส มีคนขายอาหารหลักหลายตลอดทาง มีเรือที่ไปมา อรทัยรู้สึกสบายใจ อบอุ่น ที่ได้อยู่ใกล้ๆแดนนี่ แดนนี่พาอรทัยเล่นบานานาบูด แดนนี่ดูแลอรทัยอย่างดี ทั้งวันที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน อรทัยรู้สึกว่าเวลาผ่านเร็วมาก

ณ.บริษัทของกริชชัย

ปฐวี นที และมารุต เข้ามาถึงเขตบริษัทของกริชชัย

ทั้งสามลงจากรถก็เขาไปในตึกทันที กริชชัยกับเพลิงเพิ่งแล่นรถเข้ามาในเขตบริษัท รถที่มาด้วยความเร็วสูงก็รีบเข้าทีจอดรถ

“เพื่อนๆของฉันแล้วละคะ” เพลิงบอกกริชชัยเมื่อเห็นรถส่วนตัวของปฐวีกับรถส่วนตัวของนที “แต่รถลมไม่อยู่นะคะคุณกริช”

“ผมถามอะไรคุณหน่อยได้ไม่” กริชชัยไม่พอใจที่เพลิงพูดถึงมารุต “คุณชอบคุณลมหรา”

“คิดอะไรบ้าๆ ลมเป็นเพื่อนฉัน ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้แน่นอน” เพลิงตอบอย่างมันใจ

“แต่คุณสนิทกับคุณลมมากกว่าคุณปฐวีกับนทีไม่ใช่หรา ไม่น่าที่จะไม่ชอบเลยนะ คุณลมออกจะหล่อขนาดนั้น” กริชชัยหลอกถาม

“ก็ลมเขาตามใจฉันมากกว่าดินกับน้ำนิ และอีกอย่าง ลมเขาทำงานสานต่อกิจการของครอบครัว งานทุกอย่างมักจะลงตัวอยู่แล้ว แต่น้ำ เขาต้องทำงานหนักนิดหนึ่ง เพราะเขาเพิ่งเปิดสาขาใหม่ บริหารเองทั้งหมด เลยไม่มีเวลาให้ฉัน ส่วนดิน ก็อย่างที่คุณทราบ เขาเป็นข้าราชการคนหนึ่งก็ว่าได้ แถมทางบ้านก็มีธุรกิจโรงแรมอีก ในสามคนนี้ คนที่มีเวลาให้ฉันมากที่สุดก็คือลม ฉันเลยสนิทกับลมมากกว่า” คำตอบของเพลิงทำให้กริชชัยรู้สึกหึงขึ้นมาทันที่ จังหวะที่เพลิงจะเปิดประตู่รถ กริชชัยรีบคว้าร่างเพลิงมาไว้บนตักตัวเอง ก่อนจะยิ้มอย่างมีเหล่

“คุณอย่านะ” เพลิงรีบยกมือขึ้นกันปากตัวเองออกมา พยายามดิ้นแล้วรีบออกจากรถอย่างเร็วที่สุด กริชชัยก็ตามออกจากรถก็ส่งยิ้มน้อยๆให้เพลิง เพลิงทั้งเขินทั้งโมโห “ทำกับสาวๆบ่อยสิท่า เห็นคล่องมากเลย”

“นี้...” กริชชัยเดินไปใกล้ๆเพลิง ก่อนจะกระซิบเบาๆ  “ในชีวิตผม นอกจากอรทัยแล้วผมไม่เคยคบมาก่อนเลย แล้วคุณก็น่าจะรู้ดีว่า ผมกับอรทัยนานๆเจอกันครั้งหนึ่ง แล้วถ้าคุณหาว่าผมทำกับสาวๆบ่อย ผิดครับ เพราะคุณคือคนแรกที่จูบด้วยความรู้สึก”

เพลิงรีบออกห่างจากกริชชัย “เชื้อก็แปลกแล้ว คล่องสะขนาดนั้น” ก่อนจะเดินเข้าไปในตึก กริชชัยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินตามไป

 

มารุตเห็นเพลิงเข้ามา ก็รีบไปหา ส่วนป่องเทพเห็นกริชชัยเดินเข้ามาก็รีบไปแจ้งข่าว

“คุณกริชครับ คุณอรนีจะมารับรูปภาพที่เขาจะซื้อกลับคืนนั้นบ่ายนี้ครับ”

“บอกคุณอรนีว่า ผมไม่สะดวก แล้วพรุ่งนี้ ผมมีนัดกับหมอณัฐพล ให้เขามารับวันทัดไปนะ บอกคุณอรนีเขาตามนี้นะ”

 ช่วงเวลาที่กริชชัยสั่งงานให้กับป่องเทพ  เพลิงก็แจ้งให้กับเพื่อนๆของเขาทราบคราวๆว่า กริชชัยรู้เรื่องหมดและพร้อมที่จะช่วยเหลือเธอ

กริชชัยเดินเข้ามาหาเพลิง ปฐวี จองหน้าพยายามอ่านสายตากริชชัยว่าจะเชื้อถือได้หรือป่าว นทีที่เห็นท่าทีของปฐวีก็รู้แล้วว่าเพื่อกำลังคิดที่จะทำอะไร ตนเลยรีบทวนเวลาไว้ ด้วยการยกมือไหว้ขอโทษ

“พวกเราขอโทษคุณด้วยนะครับ สำหรับการหลอดล่วงคุณที่ผ่านมา”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ เพราะว่ามันคุ่ม” กริชชัยยิ้มน้อยๆ เพลิงอึ้งกับคำตอบของกริชชัย เลยหันไปมองหน้ากริชชัยอย่างอัตโนมัติ เพราะรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร “ผมหมายถึง ถ้าผมเป็นพวกคุณ ผมก็อาจจะทำแบบพวกคุณเหมือนกัน”

“ผมต้องขอบคุณคุณกริชชัยมากที่จะช่วยพวกเรา” ปฐวีที่เงียบไปนานเริ่มเปิดปากขอบคุณ

“ผมทำเพื่อความถูกต้องครับ” กริชชัยตอบด้วยร้อยยิ้ม “เชิญไปที่ห้องเก็บภาพเลยไม่ครับ”

“ครับ” ปฐวีตอบรับ มารุตรีบจับมือเพลิงแล้วเดินไปด้วยกัน ก่อนที่คนที่เหลือเดินไปยังห้องเก็บภาพอย่างพร้อมกัน โดยมีกริชชัยที่นำทาง เพลิงยิ้มหน้าบางไม่หูบเลย เมื่อมารุตจับมือตัวเองแบบไม่ปล่อย เพราะได้เห็นหน้ากริชชัยที่แสดงอาการที่ไม่พอใจอย่างมาก

เมื่อไปถึงห้องเก็บภาพ มารุตที่เงียบไปตั้งนานก็เริ่มเปิดปากถามเพลิง

“ไฟ ภาพเยอะขนาดนี้ ไฟรู้หราว่า พินัยกรรมอยู่ในภาพไหน”

“เอาแบบจริงๆเลยนะ ไม่ไฟรู้หรอก แต่ถ้าให้เดา ไฟว่า ไฟเดาได้นะ” เพลิงตอบคำถามมารุตด้วยร้อยยิ้ม

“งั้นดีเลย ไฟคิดว่าภาพไหนบ้างล่ะ” มารุตถามขึ้นมาอีกรอบ

“ดินว่าไง” เพลิงหันไปยังปฐวี

“ใช่ ผมเห็นแล้ว” ปฐวีเดินไปหยิบรูปโค “รูปนี้ใช่ป่าวไฟ”

“คะ” เพลิงตอบด้วยร้อยยิ้มมุมปาก

ปฐวีที่ถือรูปโคก็เดินไปยังโครมไฟที่ตั้งอยู่มุ่มห้อง แล้วเอาภาพที่ถือนั้นไปที่แสงโครมไฟ ปฐวียิ้มบางๆ เมื่อเห็นตัวอักษรที่ปรากฏ “ไม่ผิดแน่ น้ำจัดการหน่อยสิ”

“ได้” นทีรีบตอบรับ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์แล้วกดโทร.ออก

“สวัสดีครับคุณอา”

“สวัสดีครับหลานรัก” เสียงรับสาย

“คุณอาอยู่ไหนแล้วหราครับ”

“กำลังจะเข้าไปแล้วครับ” เสียงตอบรับของโทรศัพท์ จากนั้น นทีกดว่างสาย

“สักครู่นะครับ” นทีก็รีบออกไปรับคนที่อยู่ในสาย

“ขออนุญาตนะครับคุณกริชชัย ผมขอรบกวนห้องหนึ่งห้องครับ” ปฐวีที่ถือรูปภาพในมือพูดขึ้นมา

“ได้ครับ งั้น เชิญไปที่ห้องทำงานของผมเลยครับ”

“ไม่ได้... ลมเป็นคู่แข็งทางธุรกิจของคุณ ดิฉันไม่อยากให้มีปัญหาในภายหลัง” เพลิงพูดก่อนจะส่งร้อยยิ้มให้มารุต

“ได้ครับ... งั้นไปที่ห้องรับรองแขก” กริชชัยพูดด้วยน้ำเสียงโมโหที่เห็นเพลิงยิ้มให้มารุตบ่อยๆ

ทุกคนไปที่ห้องรับรองแขก สักครู่นทีก็พาผู้ชายวัยกลางคนเข้ามา

“ขอโทษนะครับ นี้ คุณอาปีมงคล เป็นทนายความประจำตระกูลของพวกเราทั้งสาม” นทีแนะนำทนายความแล้ว เพลิงก็งงๆ “ไฟ จำคุณอาปีได้ไม่” ไฟยืนขึ้นรีบไหว้พร้อมคำขอโทษ

“ขอโทษด้วยนะคะ หนูจำคุณอาไม่ได้คะ”

“ไม่เป็นไรจ้าหนูเพลิง” ทนายปีมงคลยิ้มให้ “อาเป็นเพื่อนกับคุณพ่อหนูเพลิง ถึงอาจะไม่เคยดำเนินตำแหน่งของตระกูลหนู แต่อาจำลายมือของคุณพ่อหนูเพลิงได้จ้า”

เพลิงยิ้มดีใจ แล้วยกมือไหว้ขอบคุณ “ขอบคุณนะคะคุณอาปี ที่สละเวลามา”

ปีมงคลยิ้มตอบรับ “เราเปิดภาพเลยดีไม่ครับ”

ทุกคนพากันนั่งประจำที่ มารุตติดกับเพลิงพร้อมจับมือเพลิงไม่ปล่อย ปฐวีเริ่มแกะภาพโคนั้นออก แล้วมีตัวอักษรที่เขียนหลังภาพนั้น ปฐวีค่อยๆยืนให้ปีมงคล ปีมงคลรับพร้อมอ่าน

 

                    ข้าพเจ้า นายอุทยาน อานนต์ ขอทำคำสั่งครั้งสุดท้ายของข้าพเจ้าไว้ในพินัยกรรมฉบับนี้  เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่ความตายแล้ว ข้าพเจ้าขอยกทรัพย์ของข้าพเจ้าทุกอย่าง เเด่ นางสาวเพลิง อานนต์  บุกสาวคนเดียวของข้าพเจ้าเพียงผู้เดียว

หมายเหตุ        

- หากมีพินัยกรรมฉบับอื่นนอกจากฉบับนี้ ถือได้ว่าพินัยกรรมฉบับอื่นนั้นโมฆะ

- ผู้ใดที่ได้พบหรือได้ครอบครองภาพนี้ โปรดส่งคืนต่อลูกสาวของข้าพเจ้าหรือทายาทของข้าพเจ้า

* ในช่วงเวลาที่ข้าพเจ้าป่วย นางสาวอรนี อานนต์ ภรรยาที่ข้าพเจ้ามิได้จบทะเบียนด้วย ได้บังคับให้ข้าพเจ้ากินยาเกินขนาดและยาพิษมาโดยตลอด                                   

 

อุทยาน

นายอุทยาน อานนต์

 

“ผมยืนยัน นี้เป็นลายมือของคุณอุทยานครับ” ปีมงคลยืนยัน หลังจากที่ได้อ่านและตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน

“คุณพ่อ!” เพลิงรำพึงขึ้น  มารุตซึ่งยังจับมือเพลิงไม่ปล่อย ก็รีบกอดให้กำลังใจ

“หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ เอาผิดคุณอรนีได้ไม่ครับคุณอาปี” นทีเริ่มถาม

“ได้แน่นอนครับ แต่ต้องให้ทางตำรวจ ตรวจสอบอีกครั้ง” ทนายปีมงคลตอบ

“งั้น... คุณอาปีจัดการเลยครับ” ปฐวีออกคำสั่ง

“ได้ครับ” ทนายปีมงคลตอบรับ

“เดียวก่อน ผมขอเวลาหนึ่งวัน” กริชชัยที่เงียบนานพูดขึ้น “ ผมขอเวลาบอกเรื่องนี้กับอรทัยก่อน”

“ได้ครับ คุณกริชชัยช่วยให้อะไรๆของพวกเราง่ายขึ้น แค่วันเดียวทำไม่จะไม่ได้” ปฐวีตอบ

 

แดนนี่พาอรทัยเทียวทั่วนราธิวาส  อรทัยมีความสุขมาก และเริ่มมันใจมากยิ่งขึ้นมาตัวเองไม่ได้รักกริชชัยอีกแล้ว

‘ตลิ่งๆๆ’ เสียงโทรศัพท์ของอรทัยดั่งขึ้น อรทัยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นเบอร์ของกริชชัย อรทัยรับสายทันที่

“กริชโทร.มาก็ดีแล้ว อรทัยมีเรื่องจะพูด”

“อะไรหราอรทัย” กริชชัยรอคำตอบจากอีกฝ่าย

“อรทัยรักกริชชัยมากนะ รักที่สุด แต่ อรทัยรักกริชชัยเหมือนเพื่อนไม่มากกว่านั้น เราเลิกเป็นแฟนแล้วมาเป็นเพื่อนรักเถอะนะ” 

“ได้สิ” กริชชัยเสียงเศร้า “อรทัยครับที่ผมโทร.หาคุณ ผมมีเรื่องจะบอกเกี่ยวกับพี่สาวของคุณ”

“อะไรหรากริช” อรทัยเสียงสดใส่ได้อีก

“ก่อนที่ผมจะพูด ผมขอถามคุณก่อนว่า คุณเชื่อผมมากน้อยแค่ไหน” กริชชัยพยายามเรียกสติของตัวเองมากที่สุด

“อรทัยเชื่อใจกริชชัยมากพอคะ กริชชัยสัญญาอะไรมักจะทำตามสัญญาได้ตลอด ยกเว้นติดงาน” อรทัยตอบด้วยน้ำเสียงที่ต่างไปจากเมื่อกี้

“พี่สาวของคุณฆ่าคุณอุทยาน สามีของตัวเอ...”

“ไม่จริง อรทัยไม่เชื่อ กริชโกรธที่อรทัยบอกเลิกใช้ไม่ ถึงได้พาลขนาดนี้” อรทัยพาล

“ไหนคุณบอกว่า คุณเชื่อใจผมไง” กริชชัยย้อน “ตอนนี้ตำรวจออกหมายจับแล้วนะคุณ”

อรทัยตัดสายไม่อยากฟังสิ่งที่กริชชัยพูด กริชชัยนั่งกลุ้ม เครียดอย่างบอกไม่ถูก สักครู่ ปฐวีก็เข้ามา

“คุณปฐวีครับ จัดการได้เลยครับ ผมบอกอรทัยแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องรอ”

“ครับ” ปฐวีตอบรับก่อนที่จะออกไป

 

ตำรวจไปบุกบ้านของคุณอรทัย โชว์หมายจับ พร้อมจับคุณอรนีกับไทไก๋ และลูกน้องของไทไก๋อีกหลายคน

ข้อหาค้ายาเสพติด ปลอมแปลงเอกสาร พยายามฆ่า คุณอรนีโวยวาย ตำรวจลากคุณอรนี ไทไก๋ และลูกน้องขึ้นเพื่อไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจ

 

ตกดึกข่าวก็ออก อรทัยเห็นข่าวแทบจะเป็นลม แต่เอกกี้ก็ดูแลอรทัยมาตลอด จนกลับถึงกรุงเทพ ในวันรุ่งขึ้น

นักข่าวพากันแหเข้ามาสัมภาษณ์อรทัย แต่เอกกี้กันไว้

 

“ข้อกล่าวหาของเรายังไม่ส่งให้ตำรวจอีกเลยนะครับคุณดิน” ปีมงคลพูดในโทรศัพท์

“นั้นสิครับคุณอา” ปฐวีตอบ

“แล้วจะเอายังไงครับ” ทนายปีมงคลถามปฐวีอีกครั้ง

“ผมจะลองคุยกับไฟก่อนครับ”

 

ปฐวีนัดกริชชัยออกมาพบที่ร้านกาแฟเล็กๆ ผนังสีชมพู่ ตกแต่งด้วยภาพการ์ตูนญี่ปุ่นน่ารักๆ ที่อยู่แถวๆบริษัทกริชชัย เพื่อคุยเรื่องของคุณอรนี  กริชชัยเดินเข้ามาในร้านกาแฟก็เริ่มคิดในใจ ‘คุณดินคิดอะไรอยู่ถึงชวนเรามาร้านน่ารักๆแบบนี้’ สายตากริชชัยกวาดมองปฐวีภายในร้าน แต่ก็ไม่พบ แล้วมีพนักงานเสิร์ฟเข้ามาทักถาม

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับ” กริชชัยตบ

“ขอโทษนะครับ คุณคือคุณกริชชัยหรือป่าวครับ” พนักงานเสิร์ฟคนนั้นถามอีกครั้ง

“ครับ ผมกริชชัย” กริชชัยตอบอย่างงงๆ

“งั้นเชิญทางนี้ครับ” พนักงานเสิร์ฟคนนั้นพากริชชัยไปที่ห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ซึ่งห้องนั้นมีการตกแต่งที่แตกต่างจากห้องด้านนอก ห้องไม่ใหญ่มาก ผนังสีฟ้า มีภาพการ์ตูน *SAO ตกแต่งที่ผนังทั้งสี่ด้าน มีทั้ง *คิริโตะ *อาสึนะ *ไคลน์ แต่ภาพที่สี่แตกต่างจากภาพอื่นเพราะเป็นภาพการ์ตูนยอดนักสืบที่โด่งดั่งทั่วโลก กริชชัยมองภาพที่แตกต่างจากพวกนั้นครู่หนึ่ง ปฐวีเดินมาจากด้านหลัง

“แตกต่างจากพวกใช่ไม่ครับ” เสียงดั่งจากด้านหลัง ทำให้กริชชัยหั่นไปมองเจ้าของเสียงนั้น ที่ยืนยิ้ม

“ครับ?” กริชชัยตอบอย่างเบลอๆ

“ก็ภาพที่คุณเห็นมันแตกต่างจากเพื่อนใช่หรือป่าวครับ” ปฐวีถามอีกครั้ง

“ครับ แตกต่างจากเพื่อน แถมห้องนี้ก็แตกต่างจากด้านนอกด้วย” กริชชัยตอบก่อนจะพูดสิ่งที่เธอสงสัย

“ร้านนี้เป็นร้านของลมครับ และห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวทั้งสี่ครับ ไม่มีใครเข้ามาได้ หากพวกเราไม่อนุญาตครับ”

“หมายความ ภาพการ์ตูนทั้งสี่คือ พวกคุณทั้งสี่คนงั้นหราครับ?” กริชชัยถามอีกครั้ง

“ครับ ภาพยอดนักสืบโคนันตอนโตหรือชื่อจริงของเขาคือ ชินิจิ คูโด หมายถึงตัวของผมเองครับ” ปฐวีตอบด้วยรอยยิ้มที่ลึกลับทำให้กริชชัยอ่านไม่ออก

“คุณหมายความว่าไงหราครับ?” กริชชัยพอที่จะเข้า แต่ถามเพื่อความแน่ใจ

ปฐวีเดินไปนั่งบนโซฟา มุมปากที่ยิ้มมีพิษกล “ผมจะไม่ออมคอมนะครับ” ปฐวีจริงจังเพื่อเข้าประเด็น “คุณมีแฟนแล้ว มายุ่งกับไฟทำไม่ ผมทราบดีครับว่า ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากคุณ อะไรๆก็คงไม่ดีและรวดเร็ว และพวกเราก็คงยังไม่ทราบความจริง แต่ผมมันใจในความสามารถของผม ต่อให้ไม่มีคุณ พวกผมก็จะเปิดโป่งความจริงให้ไฟได้ ถึงไม่มีใคร แต่อย่าลืมสิครับ ไฟยังมีพวกเราทั้งสาม”

กริชชัยที่ยืนอยู่ก็ยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆปฐวี “คุณปฐวีครับ ผมกับอรทัยเราเลิกกันแล้วครับ อรทัยบอกเลิกผมในวันที่เราเปิดพินัยกรรม ก่อนที่ผมจะพูดความจริงกับเขา เรื่องพี่สาว แล้วก่อนหน้านั้นพวกเราก็ห่างกันอยู่แล้ว และผมก็ตัดสินใจว่าผมจะเป็นเกย์ เพราะผมรักและมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆโอง”

ปฐวีอึ้งเบาๆ กับคำตอบของกริชชัย “งั้นเรื่องของคุณอรนี ผมจะขอความเห็นของคุณ ในฐานะที่คุณเคยเป็นแฟนคุณอรทัย คุณจะเอาอย่างไร เพราะเท่าที่มีข้อหาตอนนี้ คุณอรนีไม่รอดแน่ เพราะผมยังไม่ได้เอาเรื่องของคุณอรนีไว้เลย”

“ถ้าคุณจะให้ช่องว่างสำหรับผม ผมขอให้ช่องว่างสำหรับอรทัยดีกว่าครับ” กริชชัยตอบ

“ผมเดาไว้ไม่ผิด คุณตอบแบบนี้จริงๆด้วย” ปฐวียิ้มลึกลับอีกครั้ง ก่อนจะลุกและเดินออกไปจากห้องนั้น กริชชัยที่งงๆกับท่าทางของปฐวีก็เดินตามไป

ด้านนอกอรทัยกำลังนั่งกับผู้ชายรูปร่างดีคนหนึ่ง เหมือนกำลังรอใครสักคน ปฐวีเดินเข้าหา ก่อนจะทักทาย

“สวัสดีครับคุณอรทัย”

“สวัสดีคะคุณปฐวี สวัสดีกริช” อรทัยตอบอย่างเสียงเศร้า

“สวัสดีคับอรทัย” กริชชัยทักทายด้วยความเป็นหวง ก่อนจะมองหน้าไปยังชายรูปร่างดีคนนั้นที่ลุกขึ้นด้วยหน้าตาที่ตอนรับ

“สวัสดีครับ คุณกริชชัย ผมแดนนี่คนที่กำลังตามจีบคุณอรทัยอยู่ แต่ทำยังไงเขายังไม่เปิดยอมรับผมอีกเลย” ชายรูปร่างดีคนนั้นแนะนำตัว

“ครับ” กริชชัยตอบด้วยความโล่งใจ

ทั้งสี่เข้านั่งประจำที ก่อนที่ปฐวีจะเปิดประเด็น

“อย่างที่คุณทราบ พวกเรามีหลักฐานที่ว่า พี่สาวของคุณบังคับให้อุทยาน ซึ่งเป็นสามีของเขากินยาฆ่าตัวตาย คุณเป็นคนสำคัญของคุณกริชชัย และคุณกริชชัยก็เป็นคนที่ค่อยช่วยเหลือพวกเรามา ทั้งที่ทราบเรื่องและไม่ทราบเรื่อง ผมเห็นแก่คุณกริชชัยเลยยังไม่ได้เอาเรื่องพี่สาวของคุณ ผมจะถามคุณก่อนครับ ถ้าคุณจะรับปรับกัน ว่าถ้าทางเราไม่เรื่อง พวกเราจะต่างคนต่างอยู่ได้”

อรทัยนั่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตอบออกไปว่า “ฉันกลัวชื่อเสียงของฉันพังก็จริง แต่ฉันรับประกันความปลอดภัยของคุณเพลิงไม่ได้ คนทำผิด ย้อมต้องได้รับโทษ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม ขอบคุณมากสำหรับช่องว่างที่ทางคุณให้กับเรา แต่ทางเรารับไว้ไม่ได้ เพราะมันคือชีวิตของคุณอุทยาน”

กริชชัยยิ้มด้วยความภูมิใจ ที่อรทัยเข็มแข่งมากกว่าที่เขาคิด ส่วนปฐวีก็พยับหน้าเบาๆ แสดงถึงความเข้าใจ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ แล้วโทร.หาปีมงคล เพื่อสั่งให้จัดการส่งหลักฐานให้กับทางตำรวจเพื่อพิสูจน์หลักฐานต่อไป

 

ไทไก๋ ยอมรับสารภาพว่า เป็นคนสั่งการทุกอย่างที่เกี่ยวกับคดียาเสพติด คุณอรนีไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ถ้าเรื่องการตายของคุณอุทยาน ไทไก๋ให้การว่า เป็นการว่างแผ่นของคุณอรนีทั้งหมดรวมถึงการสั่งฆ่าเพลิงด้วย หลักจากที่ไทไก๋ให้การกับเจ้าหน้าที่ ไทไก๋ก็กลับไปที่คุก และมีชายคนหนึ่งเข้ามาพร้อมเชือกผูกคอไทไก๋ ทำให้ไทไก๋ตายในที่เกิดเหตุ จากการให้การของไทไก๋ทำให้คุณอรนีโดนโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วนคดีที่ไทไก๋ก็ถูกฆ่าในคุก ตำรวจสันนิฐานว่า เป็นการฆ่าปิดปากจากแก๊งค้ายาเสพติดที่ไทไก๋รวมกลุ่มด้วย ข่าวเรื่องนี้ทำให้วงการสังคมไฮโซสะเทือนใจอย่างมาก” ป่องเทพรายงานข่าวที่ปีมงคลส่งมาให้เจ้านายฟัง “ว่าแต่ คุณกริชครับ บ้านที่คุณกริชซื้อมาจะเอายังไงหราครับ” กริชชัยนั่งนิ่ง ก่อนจะคว้าคุณแจรถออกไปหาเพลิงที่บ้านมารุต

 

ตอนกริชชัยไปถึงเพลิงสวมชุดวายน้ำ เสื้อชันในสีส้มสายเดียว กับกางเก่งชั้นในสีส้มที่ปิดแค่เป้าสายเดียวผูกโบ้ไว้ข้างๆ  เพลิงกับมารุตกำลังจะลงวายน้ำกันอยู่ เพราะมารุตรู้จักเพลิงดี ตอนที่เขาไม่สบายใจก็ต้องวายน้ำ แต่ละรอบเพลิงจะแพ้มารุตตลอด ทำไงได้เรื่องอื่นมารุตปล่อยได้ ยกเว้นเรื่องความสามารถต้องเอาจริง เพลิงจะได้ไม่ชะลาดใจ  กริชชัยไม่พอใจมากที่เพลิงใส่ชุดแบบนั้นต่อหน้าผู้ชายคนอื่น

“ลมชนะอีกแล้ว” เพลิงตะโกน เมื่อได้ขึ้นจากสระ

“แน่นอน ไฟใช้อารมณ์เป็นหลักตลอด ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเล็กน้อย” มารุตตอบกลับ “ตอนที่ไฟไปเป็นคนใช้ ลมยังห่วงอยู่เลย กลัวบ้านคุณกริชชัยจะพัง”

“ลมพูดงี้ไม่ถูกนะ” เพลิงหันเอาผ้าขนหนู เลยเห็นกริชชัยอยู่ข้างๆสระ “คุณกริชชัย!” เพลิงตะโกนออกไปก่อนจะคว้าเสื้อปิดตัวคลุ้มตัวไป แล้ววิ่งตามกริชชัยไป

“คุณกริชชัย! คุณกริช รอฉันก่อน” เพลิงตะโกนเรียก กริชชัยก็ไม่ยอมหยุด “คุณเป็นอะไรของคุณ”

กริชชัยผงะหยุด แล้วหันไปทางเพลิง “คุณถามผมแบบนี้ได้ไงคุณเพลิง”

“แล้วคุณหนีฉันทำไม่” คำถามของเพลิง ทำให้กริชชัยฟุ่ดความโมโห กริชชัยเดินตรงไปทางเพลิง จับเอวเพลิงแล้วผละไปทางผนัง ตัวขอเพลิงติดที่ผนังตัวกริชชัยทับเพลิง หน้าของกริชชัยค่อยๆเข้าหาเพลิงที่ละนิด คนที่ขาดประสบการณ์ก็ถามขึ้นมา

“คุณจะทำอะไร”

“ผมจะลงโทษคุณไง” กริชชัยตอบ

“ลงโทษเรื่องอะไร” เพลิงงง

“ยังมีหน้ามาถามอีกหรา คุณโปแบบนี้ต่อหน้าผู้ชายคนอื่นได้ไง” กริชชัยพยายามเอาปากของตัวเองเตะปากเพลิง

“ผู้ชายคนอื่นที่ว่านั้นคือ เพื่อนฉันนะ และเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย จะมาโกรธอะไรฉันเนี๊ยะ” เพลิงถามกลับ

“ใครก็ไม่ได้ ยกเว้นผมคนเดียว” กริชชัยดูดความอบอุ่นจากปากเพลิง แล้วค่อยๆถอดออกมา “เป็นแฟนกันนะ”

เพลิงอึ่ง ก่อนจะตอบอะไร กริชชัยจองหน้าเพลิง เพลิงค่อยๆผละกริชชัยออกจากตัวเอง ก่อนจะตั้งสติ แล้วตอบกลับ “นี้...คุณมาขอกันง่ายไปปะ”

“ไม่เห็นจะอยากเลย ในเมื่อเราสองคนก็รักกัน” กริชชัยสวนกลับ

“ฉันยังไม่ได้พูดเลยว่าฉันรักคุณ” เพลิงหน้าแดง

“งั้นก็พูดมาสิ เราจะได้เป็นแฟนกันไง” กริชชัยสวนกลับด้วยรอยยิ้มมุมปาก

“ฉันต้องกลับไปเรียนต่อให้จบก่อนนะ คุณรอฉันได้หรือป่าวละ?” เพลิงถามก้มหน้าถาม

“กี่ปีล่ะ” กริชชัยถามด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“อีกปีเดียว รอได้ป่าว” เพลิงถามด้วยสีหน้าที่ไม่มันใจ

“ผมมีเวลาทั้งชีวิตเพื่อคุณ เพราะผมรักคุณ รักมาก รักที่สุด รักจนยอมคิดที่จะเป็นเกย์เพื่อได้รักคุณ” กริชชัยพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“ถ้างั้น คุณรอฉันหนึ่งปี แล้วฉันจะกลับมาให้คำตอบ” เพลิงลองใจ

“ไม่ครับ รอหนึ่งปีนั้น กลับมาแต่งงาน ไม่ใช่กลับมาตอบว่าจะเป็นแฟนหรือป่าว” กริชชัยหัวเสีย

“ไม่บอกว่า มีเวลาทั้งชีวิตให้ ฉ...” เพลิงเล่นมุกอีกครั้ง

“ผมไม่คุยกับคุณล่ะ” กริชชัยพูดจบแล้วเดินจากไป

 

อรนีจะรับไม่ได้รับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่เธอโดนจำคุกตลอดชีวิตและเรื่องไทไก๋ ผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดต้องจากเธอไป ทำให้จริตใจของเธอไปสงบ ทางตำรวจเลยส่งอรนีไปบำบัดจิต ส่วนอรทัยก็มักจะไปเยี่ยมพี่สาของตัวเองบ่อยๆ ไปอ่านหนังสือให้ฟังบ้าง ไปคุยเล่นๆบ้าง และแน่นอนคนที่เคียงข้างเธอไม่พ้นจากแดนนี่ 

วันหนึ่งหลังจากที่อรทัยเยี่ยมพี่สาวเธอ แดนนี่กับอรทัยก็เดินเคียงข้างกัน พอถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ แดนนี่หยุดเดิน อรทัยสงสัยว่าแดนนี่หยุดเดินทำไม่

“แดนนี่ คุณหยุดทำไม่” อรทัยถาม แต่แดนนี่ไม่ตอบ ทำท้าไม่ไหว “คุณเหนื่อยหราคะ”

“ป่าว ผมไม่เคยเหนื่อย เวลาที่ได้อยู่กับคุณ” แดนนี่ตอบแต่สีหน้ายังไม่เปลี่ยน

“หรา... งั้น แดดร้อน หรือว่า ลมแรงไป” อรทัยถามอีกครั้ง

“ป่าว”

“แล้วคุณหยุดทำไม่ละ” อรทัยถามด้วยความหงุดหงิด เพราะถามอะไรก็ป่าวหมด

“ผมหยุดเพราะว่าผมเดินคนเดียวต่อไปไม่ไวแล้ว คุณ... เป็นแต่งงานกับผมนะครับ”

กริชชัยพูดจบก็คุกเข่าพร้อมโชว์แหวนวงหนึ่งขึ้นมา เมื่ออรทัยได้ยินคำพูดและการคุกเข่าของแดนนี่ ทำให้อรทัยอึ่ง พูดอะไรไม่ออก แถมยังหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม

“นี้...คุณ เล่นอะไรของคุณ ฉันตกใจหมด”

“แล้วคุณจะว่าไงล่ะ” แดนนี่ลุ้น

“ฉันมีพี่สาวที่จะต้องดูแล ชื่อเสียงของฉันก็ป่นปี่ไปหมดแล้ว แต่ถ้าคุณไม่รังเกียจและยอมรับในตัวฉันที่เป็นแบบนี้...” อรทัยพูดไม่ทันจบ แดนนี่ก็แทรก

“ผมยอมรับคุณได้ทุกอย่าง เพราะผมรักคุณ”

“งั้นตกลงคะ” อรทัยตอบโดยไม่ลังเลเลย “แต่ คุณต้องรักฉันคนเดียวนะ ฉันไม่ชอบแบ่งคนรักกับใคร”

“ไม่หาใหม่แน่นอนจ้า กว่าจะได้คุณแทบตาย” แดนนี่ลุกขึ้น แล้วสวมแหวนให้กับอรทัย แล้วทั้งสองก็เจูบมือเดินไปด้วยกัน

 

เพลิงนั่งรอกริชชัยมาตามงอที่บ้านมารุต แต่ก็ไม่เห็นจะมา ปฐวีเดินเข้ามา

“ไปงอเขาสิ” ปฐวีทัก

“โฮว...ไฟเล่นแค่นิดเดียวเอง ทำเป็นงอนไปได้” เพลิงทำท้างอน

“นี้ พรุ่งนี้จะเดินทางแล้วนะ คุณกริชชัยรู้หรือยัง” ปฐวีถาม

“ไฟบอกป้าน้อยแล้ว ป้าน้อยบอกว่า ป้าเขาบอกคุณกริชแล้ว”

“เออ พูดเรื่องป้าน้อย ป้าเขาจะทำงานกับคุณกริชต่อไปหรา” ปฐวีเริ่มถามเรื่องป้าน้อย

“ใช่ คุณกริชบอกป้าน้อยว่า อยากให้ทำงานกับเขาต่อไปอ่าดิน” เพลิงตอบ

“คุณกริชชัยของไฟนี้ จอมแผ่นดีเหมือนกันนะ ไฟว่าไม่” ปฐวีเริ่มเข้าใจ ว่าทำไม่เขายังจะให้ป้าน้อยอยู่ต่อ

“ยังไงอ่าดิน” เพลิงงงๆ

“ป่าว... เออไฟ ไม่อยากไปลาป้าน้อยก่อนหรา” เมื่อปฐวีเข้าใจ ว่ากริชชัยให้ป้าน้อยอยู่เพื่อให้เพลิงกลับไปอยู่ด้วยแล้ว เธอก็เลยใช้โอกาสช่วยกริชชัยสมหวัง และเธอก็มันใจ ถึงเพลิงรอต่อไป กริชชัยก็ไม่มีทางมาหา เพราะกริชชัยรู้อยู่แล้วว่า เพลิงต้องมาลาป้าน้อย

“ไม่อ่า เดียวคุณกริชคิดว่า ไฟไปงอเขาอีก” เพลิงตอบด้วยท่าทางงอน

“นี้...ป้าน้อยช่วยไฟตั้งมากมาย เสี่ยงชีวิตกับไฟมาตลอด มาเยอะตอนนี้ได้ไม่  ส่วนเรื่องคุณกริชชัยก็คุณกริชชัยสิ อย่ามาเม้ารวมกัน มันไม่ถูก” ปฐวีสะกิจความรู้ของเพลิง

“ได้...ไฟจะไปหาป้าน้อยเขาตอนนี้เลย” พูดจบเพลิงก็เดินหันหลัง ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อ ไม่สนใจปฐวี

“ใช้อารมณ์ไม่เปลี่ยนเลย” ปฐวีรำพึงเบาๆ

บ้านกริชชัย

 เพลิงเลนรถเข้าผ่านประตู่ใหญ่บ้านกริชชัย เลนเข้ามาเรื่อยๆ แล้วจอดรถตรงหน้าประตู เพลิงออกจากรถ มองซ้ายมองขวามอง แต่ก็ไม่พบคนที่เธอมองหา เพลิงเดินเข้าไปอย่างมันใจตรงเข้าไปในครัว

“ป้าน้อยคะ ป้าอยู่ไหนคะ” เพลิงเรียกอย่างเบาเสียง

กริชชัยกำลังริมน้ำเข้าแก้ว อยู่หน้าตู้เย็น ก็ผงะเมื่อได้ยินเสียงเพลิง กริชชัยดื่มน้ำมากๆหายใจลึกๆ เพลิงเดินเข้ามาพอดี ตะลึงเมื่อเห็นกริชชัยอยู่ตู้เย็น

“คุณกริชชัย! ไม่ไปทำงานหรา”

“เรื่องของฉัน... แล้วเธอมาแจกการ์ดแต่งงานหรา ไหนละ?” กริชชัยแกล้งประชด

“นี้คุณ! จะงอนอะไรนักหนาฮะ ฉันเล่นแค่นิดเดียวเอง” เพลิงทำท้าเบื่อ

“เรื่องความรู้สึก ใครเขาเล่นๆกันบ้าง!” กริชชัยเดินหนีไป เพลิงตาม

“นี้คุณ... ลองใจแค่นี้ จะโกรธอะไรหนักหนา” เพลิงตามไปพูดไป “ถ้าไม่หยุด คุณโดนฉันแน่”

กริชชัยยอมหยุด “มีอะไรครับคุณเพลิง” กริชชัยทำเสียงประชด

“ฉันรักคุณ”

“อะไรนะ” กริชชัยอึ่งกับประโยคที่ออกจาดปากเพลิง “คุณบอกรักผมหรา?”

“ของดีมีครั้งเดียวในโลก ฟังทันก็โชคดีไป ฟังไม่ทันช่วยไม่ได้” เพลิงหันไปทางอื่น ซ่อนความเขินไว้

กริชชัยมาจากด้านหลังก็กอดเพลิงด้วยรอยยิ้มที่แสนสุข

“ผมฟังทัน และผมก็รักคุณมากด้วย” กริชชัยค่อยๆก้มหอมแก้มเพลิงเพื่อแสดงความรัก ก่อนจะถาม “ว่าแต่ เราเป็นแฟนได้แล้วใช่ไม่?”

“อืม” เพลิงตอบก่อนจะหอมแก้มกริชชัยตอบ

“ผมจะรอคุณ... แล้วคุณก็อย่าลืมว่ามีคน รอคุณอยู่ คนที่รักคุณมากที่สุด” กริชชัยหอมแก้มเพลิงอีกครั้ง

“และเขาก็รักคุณมากเช่นกัน” เพลิงตอบ

ทั้งสองกอดกัน

 

จบบริบูรณ์

 

 ติดตาม ตอนต่อไป... ความรักจาก ปฐวี 

รักตอนเด็กจะมันคง หรือไม่ หรือเพียงความรักของเด็กๆเท่านั้น

 

หมายเลขบันทึก: 637982เขียนเมื่อ 28 กันยายน 2017 11:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 กันยายน 2017 11:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท