-ขอนำเสนอเรื่องราวต่อจากบันทึกนี้ รากแก้วของชีวิต...นาดำ..ดำนา... มาให้ผู้อ่านได้ร่วมติดตามไปพร้อม ๆ กันเลยนะครับ...สำหรับวันนี้ผมจะขอนำเสนอเรื่องราวของ"จุลินทรีย์สังเคราห์แสง"ครับ ผู้อ่านบางท่านอาจจะเคยทำความรู้จักกับ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"กันมาบ้างแล้วก็เป็นได้ แต่สำหรับผมแล้วได้รู้จักและทำความคุ้นเคยกับเจ้า"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"มาสักพักใหญ่ๆ แล้วล่ะครับ และด้วยความสงสัยในประโยชน์ของ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"นั้นมีค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงต้องขอนำเอาไปใช้ในพื้นที่การเกษตรของตนเองก่อน พร้อมกับเรียนรู้ประสบการณ์จากผู้ใช้ผ่าน Internet ที่สามารถสืบค้นข้อมูลได้อย่างมากมาย มาถึงวันนี้พร้อมผมพร้อมแล้วครับ ที่จะนำเอาเรืื่องราวของ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"มาบอกต่อและเล่าเรื่องราวของประสบการณ์ที่ได้เกิดขึ้นกับตนเองมาแบ่งปัน ณ พื้นที่ออนไลน์ G2K แห่งนี้ครับ..เอาเป็นว่าพร้อมแล้วตามผมไปเรียนรู้เรื่องของ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"ไปพร้อมๆ กันได้เลยคร้าบ!!!!!
1.และนี่ก็คือหน้าตาของ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"หรือบางคนอาจจะเรียกว่า"จุลินทรีย์สีแดง"หรือมีชื่อเรียกอื่นๆ อีกก็เป็นได้ครับ....สำหรับผมแล้วได้ทำความรู้จักกับเจ้า"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"มาประมาณ 1 ปีเศษ โดยมีคนข้างกาย"มดตะนอย"ได้นำหัวเชื้่อมาจากพี่นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร นามว่า"ลุงไก่ หรือ นายเชาว์ริก ครุธอินทร์ ครับ ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ที่สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองกำแพงเพชรครับ....ในตอนแรกนั้นเธอได้บรรยายสรรคุณของ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"ให้ผมได้ฟัง พร้อมทั้งบอกวิธีต่อเชื่อ"จุลินทีย์สังเคราะห์แสง"ให้ผมได้รับรู้ด้วย ซึ่งในตอนนั้น ตัวผมเองก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะยังไม่ได้นำไปทดลองใช้นั่นเองครับ แต่ก็เฝ้าสังเกตุความเปลี่ยนแปลงของสีในขวดที่เธอได้วางเอาไว้ตรงลานหน้าบ้าน และในช่วงเช้าและเย็นเธอก็เดินไปเขย่าขวดและก็ตากแดดไว้ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ น้ำในขวดก็เปลี่ยนสีเป็นสีแดงเข้มขึ้นเรื่อยๆ ครับ และด้วยความสงสัยใน"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"ตัวผมเองจึงได้ลองสืบค้นข้อมูลดูใน Internet จึงทำให้ได้รู้จัก"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งได้ลองนำไปทดลองใช้กับการกำจัดกลิ่นเหม็นของน้ำในบ่อเลี้ยงกบ ซึ่งผลออกมาปรากฎว่า"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"สามารถกำจัดกลิ่นเหม็นของน้ำในบ่อเลี้ยงกบได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ....และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการใช้ประโยชน์จาก"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"ของผมครับ....และหลังจากนั้นตัวผมเองก็เริ่มเรียนรู้ด้วยการนำเอา"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"ไปใช้ในพื้นที่การเกษตรของตนเอง ซึ่งคำแนะนำต่างๆ ก็มาจากผู้ที่เคยใช้และนำมาบอกเล่าเอาไว้ใน Internet นั่นเองครับ...โดยคลังข้อมูลเกี่บกับ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"มีมากมายเลยล่ะครับ แต่สำหรับวันนี้ผมจะขอนำเอาข้อมูลจากที่นี่ จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง โดยเอกพงศ์ มุสิกะเจริญ มาให้ได้ศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจต่อไปก็แล้วกันนะครับ..เอาเป็นว่าข้อมูลตามหลักวิชาการต่างๆ นั้นขอรบกวนท่านได้เข้าไปติดตามต่อได้จากลิ้งค์ที่แนบมาได้เลยนะครับ...
2.หลังจากที่ได้ทำการทดลองใช้และศึกษาถึงข้อดีและข้อจำกัดของ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"แล้ว มาถึงวันนี้ครอบครัวเล็กๆ ของเราก็ได้เริ่มส่งต่อ"จุลินทรีย์ฺสังเคราะห์แสง"ไปยังผู้ที่มาเยี่ยมเยียนและเกษตรกรที่สนใจใน"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"ครับ...โดยเท่าที่ได้รับรู้ถึงวิธีการต่อเชื้อจากสื่อต่างๆ มีหลายแหล่งที่ได้บอกสูตรเอาไว้แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็พอจะสรุปได้พอให้เข้าใจก็คือ เป็นการเพิ่มอาหารให้กับเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Photosybthetic bacteria (PSB)ครับ ขออ้างอิงตามนี้ครับ แบคทีเรีย PSB เขียนโดย เอกพงศ์ มุสิกะเจริญ และสูตรอาหารที่เราได้ส่งต่อไปยังผู้ที่สนใจนั้นทำได้ง่ายๆ ครับ เพียงนำไข่ไก่ 1 ฟอง ชูรส 1 ช้อน เพียงเท่านี้ก็ได้อาหารสำหรับเลี้ยงเชื้อแล้วล่ะครับ สำหรับวิธีการต่อเชื้อก็ทำได้ง่ายๆ คือ ตอกไข่ใส่ถ้วยและตีให้ไข่แดงแตกพักไว้ แล้วก็นำเปลือกไข่มาตำให้ละเอียด เสร็จแล้วก็นำมาผสมกัน โดยเติมผงชูรสลงไปผสมให้เข้ากัน แล้วก็เติมหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงลงไปคนให้เข้ากัน เพียงเท่านี้เราก็ได้หัวเชื้อ"จุลินนทรีย์สังเคราะห์แสง"แล้วล่ะครับ เมื่อได้หัวเชื้อแล้วก็นำเอามาใส่ลงในขวดพลาสติกที่มีความโปร่งใส ที่บรรจุน้ำเปล่าเอาไว้ เติมหัวเชื้อประมาณ 2-3 ช้อน แล้วก็ปิดฝาพร้อมกับเขย่าขวดน้ำให้เข้ากัน นำไปตากแดดจัด เขย่าเช้า-เย็น ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ สีของน้ำในขวดก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มขึ้นเรื่อยๆ ครับ..ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 วันเราก็จะได้"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"ไปใช้ประโยชน์แล้วล่ะครับ สำหรับวิธีการใช้และประโยชน์ของ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"นั้น ผมคิดว่าขอให้ผู้อ่านที่สนใจลองเข้าไปสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Internet ได้เลยนะครับ ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นกับการนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปนั่นเองครับ...
3.ด้วยบทบาทของตัวผมเองในฐานะของผู้ปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ ในสังกัดของ"กรมส่งเสริมการเกษตร"หรือมีชื่อเรียกสั้นๆ เข้าใจในความหมายสำหรับพี่น้องเกษตรกรในนาม"เกษตรตำบล"แล้วนั้น จึงทำให้มีโอกาสนำเอา"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"ไปนำเสนอและส่งต่อไปยังพี่น้องเกษตรกรที่สนใจครับ ทั้งนี้ยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก"ผู้ช่วยพิทักษ์ มาน้อย "เกษตรกรรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ผมได้มีโอกาสแบ่งปันเรื่องของ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"เอาไว้ให้ลองนำไปใช้ประโยชน์ และมาถึงวันนี้"ผู้ช่วยพิทักษ์ มาน้อย"สามารถพิสูจน์ทราบในคุณประโยชน์ของ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ ดังนั้นทุกครั้งหากเรามีเวลาตรงกันผมก็มักจะขอเชิญให้"วิทยากรเกษตรกรคนเก่ง"นามว่า"ผู้ช่วยพิทักษ์ มาน้อย"มาให้คำแนะนำและสาธิตวิธีการทำ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"ให้กับเกษตรกรที่สนใจด้วยล่ะครับ...
4.และสิ่งที่ครอบครัวเล็ก ๆของเรารู้สึกยินดีในทุกครั้ง นั่นก็คือการที่ได้ร่วมแบ่งปันเรื่องราวดี ดี เกี่ยวกับ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"และการดำเนินชีวิตแบบ"วิถีพอเพียง"บนพื้นที่เล็กๆ แห่งนี้ออกไปยังผู้คนที่แวะเข้ามาแวะเยี่ยมเยียนเรา ให้นำกลับไปใช้และขยายผลต่อครับ...ถือเ ป็นความตั้งใจของครอบครัวเล็กๆ ของเราที่จะสานต่อและขอร่วมส่งต่อแนวทางการดำรงชีพแบบพอเพียงเช่นนี้ออกไป สิ่งที่คาดหวังมิได้เพื่อชื่อเสียงหรือคำชื่นชมใดๆ จากผู้คนที่แวะเวียนเข้ามา แต่สิ่งที่เราได้รับมากมายเหลือเกินกับสิ่งที่กำลังทำอยู่นั่นก็คือ"ความสุข"ครับ...และหวังใจเอาไว้ว่าผู้คนที่ผ่านเข้ามาแวะเยี่ยมเยียนและเรียนรู้วิถีแบบนี้ไปกับครอบครัวเล็กๆ ของเราก็จะได้"พลังใจ"กลับไปสานต่อในพื้นที่ของตนเองต่อไป เพียงเท่านี้กก็"สุขใจ"และ"อบอุ่นใจ"มากๆ แล้วล่ะครับ....
สำหรับวันนี้...ขอนำเสนอเรื่องราวของ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"เอาไว้เพียงเท่านี้ก่อน ทั้งนี้สำหรับวิธีการและคุณประโยชน์ของ"จุลินทรีย์สังเคราห์แสง"ยังมีอีกมากมาย และเราก็ัยังคงต้องช่วยกันพิสูจน์ทราบและศึกษากันต่อไปนะครับ เพราะผมมักจะบอกกับใครๆ อยู่เสมอว่า"การเกษตรไม่มีสูตรสำเร็จ"ดังนั้นเราก็คงต้องลงมือ ลงแรง ศึกษาและเรียนรู้ไปด้วยตนเอง แล้วเราก็จะพบกับคำตอบที่ต้องการนั้นแน่นอนครับ และการเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิิบัติจริง หรือภาษาอังกฤษเขียนเอาไว้แบบเท่ห์ๆ ว่า Learning by doing ก็ยังคงเป็นสิ่งที่เราต้องยึดถือเอาไว้เสริมสร้าง"พลังใจ"ให้กับตนเองเพื่อสู้ต่อไปนะคร้าบ...
สวัสดีครับ
เพชรน้ำหนึ่ง+มดตะนอย
Hi Hug House
23/08/2560
ปล.ขอขอบคุณข้อมูลที่ใช้ในการอ้างอิงบันทึกนี้จากที่นี่ www.clinictech.most.go.th จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง เขียนโดย นายเอกพงศ์ มุสิกะเจริญ มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ..
วันนี้ วันที่ 25 สิงหาคม 2560 ขอบันทึกเพิ่มเติมข้อมูลการส่งต่อ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"ไปยังน้องๆ นักเรียนของโรงเรียนบ้านใหม่เขานิยม กันสักหน่อยก็แล้วกันนะครับ...
-ในช่วงบ่ายของวันนี้ตัวผมเองได้รับการติดต่อจาก"ครูคุณาพจน์ คำบรรลือ"หรือชื่อที่น้องๆ เรียกขานกันอย่างสนิทใจนั่นก็คือ"ครูไก่"ครับ...โดย"ครูไก่"ได้ส่งรูปภาพกิจกรรมการสอนให้น้องๆ นักเรียนต่อเชื้อ"จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง"ซึ่งก่อนหน้านี้"ครูไก่"ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนบ้านไร่ของผมพร้อมกับได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการเกษตรต่างๆ มากมาย และในวันเดียวกันนี้ผมได้มอบเชื้อ"จุลินทรีย์สีแดง"ให้"ครูไก่"กลับไปต่อเชื้อด้วย โดย"ครูไก่"บอกกับผมว่า"จะใช้สูตรการต่อเชื้อโดยการ"ใช้ผงปรุงรส(รสดี)"แทน"ผงชูรส ครับ ซึ่งก็เป็นสูตรต่อเชื้ออีกแบบหนึ่งที่สามารถทำได้เหมือนกันครับ....มาถึงวันนี้"ครูไก่"ได้นำเอา"จุลินทรีย์สีแดง"มาสอนให้กับน้องๆ นักเรียนด้วย พร้อมทั้งได้ให้น้องๆ เรียนรู้เรื่องการเพาะต้นดอกดาวเรืองพร้อมกับการ"เพาะชำแบบควบแน่น"ด้วยล่ะครับ ผมได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ดังนั้นจึงขอนำเอาภาพกิจกรรมมาบันทึกเอาไว้เพิ่มเติมในบันทึกนี้ เพื่อส่งต่อไปยังผู้ที่สนใจและร่วมแบ่งปันเรื่องราวดี ดี จากที่นี่ "โรงเรียนบ้านใหม่เขานิยม หมู่ที่ 7 ตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ครับ..
1.น้องๆ นักเรียนได้ฝึกการต่อเชื้อจุลินทรีย์สีแดงด้วยตนเอง โดยการสอนจาก"ครูคุณาพจน์ คำบรรลือ หรือ ครูไก่"ครับ...
2.การเพาะชำดอกดาวเรือง ของน้องๆ ครับ
3."การเพาะชำมะกรูดแบบควบแน่น"ของน้องๆ นักเรียนครับ...สำหรับกิจกรรมนี้คงต้องรอดูผลกันต่อไปครับ แต่เท่าที่ผมได้ลองปฏิบัติการขยายพันธุ์โดยวิธีนี้แล้วก็เป็นการขยายพันธุ์พืชที่ได้ผลเป็นอย่างดีเหมือนกันครับ..แบบนี้ก็คงต้องให้กำลังใจน้องๆ ด้วยนะคร้าบ....
-สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณ "ครูไก่"ที่ช่วยสานต่อพร้อมกับส่งต่อความรู้แบบนี้ไปยังเด็กๆ ด้วยนะครับ และขอขอบคุณภาพและเรื่องราวที่ส่งมาให้ผมได้"ปลื้มใจ"และนำมาบันทึกเพิ่มเติมในสมุดออนไลน์เล่มนี้ด้วยนะคร้าบ...
สวัสดีครับ เพชรน้ำหนึ่ง
บันทึกเพิ่มเติม 25/08/2560
เป็นความรู้ใหม่ที่น่าสนใจ
และเป็นประโยชน์ยิ่งจ้ะน้องเพชร
ขอบคุณมาก ๆ จ้ะ
พี่อยากได้วิธีกำจัดเพลี้ยแป้ง
แบบที่ใช้ชีวภาพ หรือสารอินทรีย์ มีบ้างไหมน้อง
มันกำจัดยากมาก ๆ เลยจ้ะ
-สวัสดีครับพี่ครูมะเดื่อ
-ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะครับ
-สำหรับวิธีการกำจัดเพลี้ยแป้งนั้น ลองใช้น้ำหมักจากยาสูบดูนะครับ
-วิธีทำไม่ยากครับ นำยาสูบที่มีกลิ่นฉุนๆ มาแช่น้ำไว้ 1 คืน แล้วนำมาผสมน้ำรดพืชผักก็จะช่วยได้ครับ
-ลองดูนะครับพี่ครู
-ขอบคุณครับ
เราอยู่ประเทศมาเลเซีย PSB ที่นี่แพงมากเลย ราคาประมาณ ขวด1 ลิตร /1200 บาท ชาวสวนที่นี่ใช้ organic PSB น้อยมาก พอเราได้ สูตรจากคุณเราทำเองเลย ได้ผลดีมากเลยค่ะ ขอบขอบคุณมากเลยนะคะ.
เราอยู่ประเทศมาเลเซีย PSB ที่นี่แพงมากเลย ราคาประมาณ ขวด1 ลิตร /1200 บาท ชาวสวนที่นี่ใช้ organic PSB น้อยมาก พอเราได้ สูตรจากคุณเราทำเองเลย ได้ผลดีมากเลยค่ะ ขอบขอบคุณมากเลยนะคะ.