เงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Bitxxxxx ฉบับชาวบ้าน ตามทัศนะส่วนตัวครับ


ด้วยความปราถนาดี เป็นเพียงทัศนะส่วนตัว เขียนขึ้นเพื่อเตือนสติ โปรดใช้วิจารณาในการอ่านน่ะครับ 

 

เงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Bitxxxxx ฉบับชาวบ้าน ตามทัศนะส่วนตัวครับ

 

เงินอิเล็กทรอนิกส์ ในที่นี้ผมจะใช้คำว่า Bit%Toy ฺ Bit%Toy คืออะไร ชัดเจนว่าเป็นสิ่งใช้แทนเงิน ในระบบอินเตอร์เน็ต แต่ก่อนอื่นขอท้าวความระบบการเงินพอสังเขป (ตามทัศนะ) ดังนี้

ระบบการเงินปกตินั้น ทุกๆ ประเทศฯ จะมีคลังที่เก็บทองคำ เพื่อเป็นหลักประกันทรัพย์สินของประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้ใช้คำว่า ประสิทธิผลมวลรวมของประเทศ เป็นหลักประกัน (ในที่นี้จะเรียกว่าคลังทรัพย์) ในการพิมพ์ธรบัตรมาใช้เป็นตัวกลางในการ ซื้อขายสินค้า โดยจะมีจำนวนเท่าไรนั้น จะมีมากน้อยเพียงใดขึ้นกับ คลังทรัพย์ ดังกล่าว

ปัจจุบันได้มีองค์กรหัวใส ได้สร้างองค์การทางการเงินที่เรียกกันว่า เงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Bit%Toy ออกมา และชาวอินเตอร์เน็ตก็กำลังสนใจมากขึ้น ซึ่งเงินนี้จะมีความมั่นคงด้านข้อมูล การจัดการสูงมาก แต่ผมคิดว่าก็มีความเสี่ยงสูงในการสูญเงินมหาศาลเช่นกัน

 

            ก่อนอื่นทำความเข้าใจระบบง่ายๆ กันก่อนครับ ง่ายๆเลยก็เหมือนกับว่าคุณไปทานข้าวที่ ฟู้ดเซ็นเตอร์ ก่อนที่จะเข้าไปซื้อข้าวทาน ก็ต้องนำเงินสดไปแลกเป็นบัตรเติมเงินก่อน แล้วจึงนำบัตรเติมเงินนั้น ไปใช้แทนเงินสดซื้อข้าวมาทาน ถ้าพูดถึงระบบบ่อนการพนัน ก็เหมือนกับว่านักพนันก็ต้องนำเงินสดไปแลกชิพก่อน แล้วนำชิพนั้นมาใช้แทนเงินสด มาเทงพนันล่ะครับ

              Bit%Toy นั้นก็เช่นกัน ใครที่จะใช้เงินสกุลนี้จำเป็นต้องนำเงินสดไปแลก Bit%Toy ก่อน ซึ่งการแลกนั้น เมื่อแลกแล้วได้มาเป็นเพียงตัวเลขทางบัญชี (ผมเรียกบัญชีนี้ว่า “บัญชีอากาศธาติ” เป็นบัญชีเงิน ที่ไม่มีหลักประกันหรือทรัพย์สินใดๆ กล่าวคือ ไม่มีคลังทรัพย์ เหมือนเงินที่ใช้ในประเทศ และนี้คือความเสี่ยงปราการหนึ่ง ที่ผู้ซื้อต้องชั้งน้ำหนักว่าจะซื้อไป เพราะเป็นเพียงตัวเลขลอยๆ อยู่บนระบบอินเตอร์เน็ต ไม่มีใครเป็นเจ้าภาพ หรือทรัพย์สินที่จะนำมาคืนหากเกิดความเสียหาย)

เอาล่ะ มาดูระบบของ Bit%Toy กันขออธิบายแบบชาวบ้าน ตามทัศนะของกระผมน่ะครับ ในระบบจะแบ่งออกเป็นคน 5 กลุ่ม ด้วยกัน

 

-- กลุ่มที่ 1 ได้แก่ องค์กรผู้ก่อตั้ง กล่าวคือ กลุ่มคนที่อุปโลกน์ (อุปโลภ) เงินสกุลอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาเฉยๆ ว่า มีอยู่ 20ล้าน Bit%Toy (สมมุติตัวเลข โดยไม่มีคลังทรัพย์ กล่าวคือ ฉันมีสกุลเงินของตัวเอง จำนวน 20ล้าน) เปรียบได้กับ ประเทศ ที่พิมพ์ธรบัตรออกมาใช้ในประเทศ ต่างตรงที่ไม่มี คลังทรัพย์ และยังมีองค์กรแฝงอยู่ในกลุ่มนี้ ผมจะเรียกว่า องค์กรชุดดำ ซึ่งจะกล่าวในภายหลัง

 

-- กลุ่มที่ 2 ได้แก่ องค์กรนายหน้าค้า Bit%Toy กล่าวคือ กลุ่มคนที่มีหน้าที่หน้าด่านรับแลกเปลี่ยนเงินสดจากบุคคล มาเป็นเงิน Bit%Toy ซึ่งปัจจุบันมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในการรับแลก Bit%Toy เปรียบได้กับเค้าเตอร์ที่รับแลกเปลี่ยนเงินตรา ล่ะครับ

 

-- กลุ่มที่ 3 ได้แก่ องค์กรค้ากำไร Bit%Toy กล่าวคือ กลุ่มคนที่ใช้ช่องโหว่ของระบบการเงิน Bit%Toy ในการซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยน เพื่อเก็งกำไร อัตราแลกเปลี่ยนของ Bit%Toy กับเงินจริง เปรียบได้กับคนที่เก็งกำไรสกุลเงินต่างๆ ในโลกความจริง

 

-- กลุ่มที่ 4 ได้แก่ ผู้ให้บริการ Bit%Toy กล่าวคือ กลุ่มคน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มมีทำหน้าที่ให้บริการข้อมูล จัดเก็บ การทำธุรกรรมการเงินในระบบ Bit%Toy จากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งกลุ่มนี้มักเรียกกันว่า "นักขุด" ซึ่งเปรียบ Bit%Toy เป็นสินแร่นั้นเอง นักขุดมีการตั้งเครื่องคอมฯ มากมาย เพื่อทำการขุดหาสินแร่ (Bit%Toy) แต่จริงๆ แล้วคนกลุ่มนี้ก็เปรียบได้กับ เคาร์เตอร์เซอร์วิส ธนาคารฯ บริการรับโอนเงินให้กับลูกค้า ขยายความอีกหน่อยว่า กลุ่มนี้ได้เงินจากการที่ กลุ่มผู้รับบริการ ได้กระทำการโอนเงิน ธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการ ซื้อสินค้า จ่ายค่าแรง ด้วยเงินนี้ ทุกครั้งที่มีการโอนก็จะมีการหักค่าทำเนียมเข้าสู่ระบบ ระบบในที่นี้ก็คือ นักขุด 

     ท้าวความถึงในชีวิตจริงเวลาเราต้องการไปโอนเงินทำธุรกรรมการเงินใดๆ ไม่ว่าจากทาง ATM หรือ เคาร์เตอร์ธนาคาร หรือเคาร์เตอร์ผู้ให้บริการ แม้จ่ายโดยบัตรเคดิต ธนาคารเจ้าของบัตรเคดิตก็จะเรียกเก็บกับผู้ขาย ผู้ให้บริการที่กล่าวมานั้น จะเรียกเป็นค่าทำเนียม แตกต่างกันตรงที่ ชีวิตจริงนั้นผู้โอน หรือผู้ทำธุรกรรม ผู้ใช้บริการสามารถเลือกว่าจะไปจ่ายกับผู้ให้บริการคนไหนก็ได้

      แต่ในระบบ  Bit%Toy เพื่อให้ดำรงไว้ ซึ่งระบบจำเป็นต้องมีกลุ่มคนนี้อยู่จำนวนมาก เมื่อมีจำนวนมากแล้วใครล่ะจะเป็นผู้ให้บริการ ระบบ Bit%Toy จึงสร้างเงื่อนไขบางประการเพื่อเลือกผู้ให้บริการ โดยการใช้ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ ทุกครั้งที่มีการทำธุรกรรมข้อมูลธุรกรรมนั้นจะถูกเข้ารหัสด้วยฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ แล้วจะให้ค่าทำเนียมนั้นกับผู้ให้บริการที่ถอดรหัสธุรกรรมนั้นได้ก่อน 

     ระบบเป็นการส่งแบบกระจายให้กับทุกคนที่ให้บริการ ถ้าเกิดปัญหาบางประการ เช่น ถ้าถอดรหัสได้พร้อมๆ หรือเวลาไล่เลี่ยกัน ใครจะได้รับค่าทำเนียม ตัวระบบจะมีการเลือกผู้ให้บริการที่ใช้สูตรในการถอดรหัสนั้นน้อยที่สุด ได้รับค่าทำเนียมนั้นไป กล่าวง่ายๆ ก็คือ ผู้รับบริการสั่งโอนเงินไป ไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนเดินเรื่องนำ Bit%Toyไปให้ผู้รับโอน Bit%Toy ผู้ให้บริการก็แย่งกันเองว่าใครจะได้ลูกค้าคนนี้ไป ซึ่งก็จะได้ค่าทำเนียมนั้นด้วย

 

-- กลุ่มที่ 5 ได้แก่ กลุ่มผู้รับบริการ ใช้จ่าย Bit%Toy กล่าวคือ บุคคล และร้านค้าที่ลงทะเบียนเพื่อใช้เงิน Bit%Toy แทนเงินสดๆ นั้นเอง เปรียบได้กับคนธรรมดา และร้านค้าขายของผ่านอินเตอร์เน็ต สามารถจ่าย Bit%Toy หน้าร้านที่รับจ่าย Bit%Toy เลยก็มีแล้ว โดยผู้รับบริการจะต้องนำเงินสดไปแลกเป็น Bit%Toy ก่อน เพื่อให้มีบัญชีอากาศธาตุ จากการเข้าไปใช้บริการที่คนกลุ่มที่ 2 ในการลงทะเบียน แล้วซื้อ Bit%Toy ไว้ในบัญชีอากาศธาตุ ขอย่ำว่าที่ไม่มีหลักประกันวงเงิน เปรียบได้กับไปเปิดบัญชีธนาคารที่ไม่มีทรัพย์สินเงินคงคลังใดๆ

 

            จากที่กล่าวมาก็ดูเหมือนว่าดี แต่ขอบอกเลยว่าตัวระบบถูกเขียนขึ้นมาเป็นระบบประมวลผลแบบกระจาย และมีการจัดเก็บข้อมูลเดียวในหลายๆ แห่ง จึงยากที่จะถูกแก้ไข(โดยทุจริต) เพราะถ้ามีการแก้ไข ต้องแก้ไขในระบบ ที่เป็นลูกโซ่ ถือว่ามีความมั่นคงในระบบข้อมูลสูง จัดเก็บข้อมูลนี้สูญหายยาก

****ขอกล่าวถึง กลุ่มที่ 1 ที่ติดค้างไว้ กลุ่มองค์กรชุดดำ ต้องท้าวความก่อนว่า ในรายละเอียดที่ได้รับมานั้น ผู้จัดทำระบบ ได้อุปโลกน์ Bit%Toy เป็นของระบบอยู่ 1 ล้าน Bit%Toy ไว้ (ประมาณว่าก็เป็นคนพิมพ์แบ็งค์เอง) คำถามคือ เพื่ออะไร ? สามารถตั้งข้อสังเกตุได้ดังนี้

 

      ++ ประการที่ 1 เงินที่อุปโลกน์ เมื่อระบบเดินไประยะหนึ่ง จะมีการเกงกำไรค่าอัตราแลกเปลี่ยนขึ้น ค่าของ Bit%Toy ก็จะขึ้นไปเรื่อยๆ ฉะนั้น Bit%Toy ที่เก็บไว้อยู่ๆ ก็มีค่าขึ้นมา หากกลุ่มคนกลุ่มนี้ เมื่อระบบเดินไประยะหนึ่ง เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ นักขุด หรือผู้บริการแลกเปลี่ยนเงินจริงกับ Bin%Toy [อาจมีความเสี่ยงที่บุคคลนี้ได้นำ Bit%Toy ที่สร้างขึ้นเองนี้ไปแลกเป็นเงินสด แล้วหายตัวไป]

 

      ++ ประการที่ 2 เงินนี้มีไว้เพื่อให้ระบบคงอยู่ []สร้างความน่าเชื่อถือ และความเสถียรภาพ] กล่าวคือ เมื่อเวลาผ่านไป ในระบบจะอ้าวว่าจะมีการทำระบบ หรือจัดเก็บข้อมูลของระบบใน 9-12 นาที แล้วแต่ความเก่งของนักขุด ว่าจะแย่งลูกค้าได้เร็วแค่ไหน ถ้าเร็วไปก็จะส่งการเข้ารหัสที่ยากออกมา เพราะให้หาได้ช้าขึ้น หากช้าไปก็จะส่งรหัสง่าย ออกมา เหมือนควรคุมระดับน้ำตามบ้านล่ะครับ ให้ปั้มน้ำเมื่อระดับน้ำถึงตรงไหน และจะหยุดเมื่อถึงระดับไหน แต่การกล่าวอ้าวในแบบนี้ ในทางคณิตศาสตร์แล้วไม่น่าจะทำได้ ทัศนะของผมก็คือ การใช้เงิน 1 ล้าน Bit%Toy ในระบบน่ะแหละครับ ทำการโอนเงินด้วย Key (ID) อาจสร้างขึ้นเอง สัก 1 ล้าน Key โอนไปโอนมาระหว่าง Key ที่กันไว้ (อัดยายขนมยาย) เพื่อให้เกิดการทำธุรกรรมขึ้น เพื่อหล่อเลี้ยงนักขุด ให้มีรายได้ไว้ จะได้ไม่ปิดตัวลง

       ทำไมคิดอย่างนั้น รายได้จาก Bit%Toy ได้จากการทำธุรกรรมการเงิน โอนย้ายถ่ายเท นักขุดมีรายได้ส่วนแบ่งจากสิ่งนี้จึงสร้างแม่ข่ายให้บริการ แล้วคุณคิดดู จะมีด้วยหรือว่า ทุกๆ เวลาจะมีผู้ทำธรุกรรมเฉลี่ยแล้ว มีจำนวนการทำธุรกรรมทุกๆ เวลาเท่าๆ กันครับ สมสมุติง่ายๆ วันปีไหม่ไปเค้าดาวกันใครจะไปกดซื้อกดขาย ทำธุรกรรมกันครับ ระบบถึงได้สามารถ assume ได้ในขนาดนั้นว่า 9-12 นาที และยังปรากฏเหตุการประหลาด ธุรกรรมพร้อมกัน ธุรกรรมแบบที่เป็นไปไม่ได้ ที่นักคอมพิวเตอร์เอง บอกต้องเป็นเครื่องเทพ ซุปเปอร์เทพ ถึงทำได้ ก็เพราะระบบเมื่อเห็นว่าการทำธุรกรรมน้อยกว่าค่าที่ควรจะเป็น ก็ต้องสุ่มทำธุรกรรมออกมาให้ระบบทีค่าเฉลี่ยความยากง่ายเท่าๆ กัน และนี้คือหน้าที่ของกลุ่มชุดดำ แต่ก็มีนักคอมฯ ว่า ระบบมีการเขียนโค๊ดป้องกันไว้

       สำหรับผมนั้นคือ คุณเห็นเฉพาะสิ่งที่เข้าอยากให้คุณรู้ ทุกระบบมีประตูหลัง ทั้งนั้นครับ ทางระบบจะอธิบายชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อความน่าเชื่อถือ แต่อาจบอกไม่หมด ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เค้าอยากให้ท่านเห็นเท่านั้น เหมือนคนเล่นกล การเล่นกลหายตัว ต่างๆ มีทริกทั้งนั้นถ้าคุณรู้ก็ไม่ประหลาดใจเท่านั้นแหละครับ เช่น หนังภาพยนต์ หาสมบัติหลายเรื่อง กว่าจะเข้าไปเจอสถานที่เก็บสมบัติ ต้องผ่านกับดักมากมาย พบลำบากเจอกับอุปสรรคยื่งนัก แต่ตอนจบก็ออกมาจาก สถานที่เก็บสมบัติ เดินออกมาธรรมดา แบบง่ายๆ ทำไมคนไม่คิดล่ะครับ ว่าทำไมไม่เข้าทางออกตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องไปเจอทางเข้าที่มีแต่อันตรายกัน….

 

       ++ ประการที่ 3 อย่างร้ายที่สุด ถ้าดูให้ดีแล้วความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม 1 ผู้ให้ Bit%Toy และกลุ่ม 2 ผู้รับ Bit%Toy ไปเป็นนายหน้าขาย Bit%Toy เนื่องจากไม่ทราบเลยว่าคนกลุ่มที่ 1 มีใครเป็นใคร ถ้ากลุ่มนี้ มีเงินสำรอง หรือ คลังทรัพย์ แค่ไหน หรือไม่มีอะไรเลย ปิดตัวเองลง หายไป ระบบจะไม่สามารถแลกเงินกลับมาได้เลย จะเอาผิดใครก็ไม่ได้ ทำไงครับ ยิ่งซ้ำร้าย ผู้สร้างระบบ [ตัวเอง] พิมพ์ตัวเลขเงิน Bit%Toy เอง ให้ Bit%Toy ตัวเอง ก็เอามาซื้อสินค้า กับผู้ขายสินค้าที่รับ Bit%Toy แล้วเอาไปขายต่อตัดราคา ซื้อด้วย Bit%Toy แล้วนำสินค้าที่ซื้อไปขายเป็นเงินจริงในราคาถูกกว่าโรงงาน เก็บใว้ใช้เองบาง จะตรวจสอบอย่างไรทำไงครับ

 

       ++ ประการที่ 4 ผมยังไม่เห็นโค๊ดโปรแกรม แต่เนื่องจากเป็นโอเพิลซอร์ส ใครๆก็ดูได้ แก้ได้ แล้วหาช่องโหว่ได้ง่าย แน่นนอนในระบบมีการทำระบบอย่างรัดกุม ไม่ให้เกิดการทุจริตในแง่การทำธุรกรรม แก้ไขข้อมูล ค่าตัวเลข โอนฺ Bit%Toy ให้ตัวเองโดนการแฮ๊กทำได้ยากมากก็จริง 

     +++แต่อย่าลืมว่าก็มีคนบางกลุ่มไม่ได้ต้องการทุจริตผลประโยชน์เพื่อใช้เงินในระบบ คนกลุ่มนี้แค่อยากวินาศกรรมระบบ ทำให้ระบบล่ม เป็นการสนองความต้องการตัวเอง ทำเพื่อความสนุก ความโด่งดัง ก็มี

 

แม้ระบบเป็นแบบกระจายก็จริง แต่การใช้ระบบนี้ก็มีช่องโหว่มากด้วย มีความเสี่ยงสูงมากที่จะล่ม โดยเฉพาะ ถ้าทำโดยคนกลุ่มที่ 1 ล่มอย่างไม่มีความผิดเอาผิดไม่ได้ ทำเสมือนว่า โดนแฮ็กเกอร์ทำระบบล่ม จะเรียกความรับผิดชอบจากใคร ?????

 

-+-+ อนึ่ง นักโปรแกรมเมอร์มีทั้งสายดำ สายเทา สายขาว ถ้าใครจะล่มระบบนี้ ผมว่าใช้เวลาไม่เกิน 72 ชม. เท่านั้น ก็สำเร็จ (กรุณาอย่าท้าระวังน่ะครับคนเก่งๆ ในโลกมีเยาะ) และเช่นเดียวกัน คนที่อธิบายระบบให้คุณ ก็บอกเท่าที่อยากบอก เท่าที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเขา คุณจะรู้ทั้งหมดได้อย่างไรครับ .... จริงไหม

 

******** แต่ใช้ว่า bitCoin จะเกิดจริงไม่ได้ เดี่ยวหาว่ามีแต่ติ วิธีทำทำอย่างไร เป็นความคิดส่วนบุคคล กล่าวคือ ถ้ามีธนาคารใด ธนาคารหนึ่ง(สถาบันการเงินต่างๆ) ที่อยู่ตลาดหลักทรัพย์ ทำการแปลงหุ้นของตัวเอง (จะกระจายหุ้น หรือเพิ่มทุน) แปลงหุ้นของธนาคารฯ ที่มีมูลค่าจริง มีสินทรัพย์จริงอยู่ก่อนแล้ว ในตลาดหลักทรัพย์เป็นสกุลหุ้น ฺBit Trades. การถือหุ้นของธนาคารก็จะเป็นหุ้นทาง อิเล็กทรอนิกส์ทันที มีมูลค่าที่ซื้อขายได้อย่างเงินจริง….ท่านคิดดูเองน่ะครับ ว่าจะทำอย่างไร จะแก้กฎหมาย หรือทำได้เลย ขอฝากน่ะครับท่านๆๆ

หมายเลขบันทึก: 630251เขียนเมื่อ 24 มิถุนายน 2017 15:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2022 16:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท