(145) วิทยากร Low cost สาย strong
วันพที่ 25 พฤษภาคม
วันนี้วันพระใหญ่ข้างแรม ผู้ป่วยจิตเวชเยอะมาก คุยกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ก็รีบสะสางเคลียร์งานกันจนเรียบร้อย มาสะสางงานบทความวิจัยต่อ และพิจารณาผลงาน R2R
มาถึง ณ เวลานี้ได้มีโอกาสมาไตร่ตรองและใคร่ครวญในตนเองถึงเส้นทางชีวิตการทำงาน หากจะนับเวลาการมาทำงานจริงๆ ก็ปีนี้เข้าปีที่ 11 จำได้ว่าเมื่อปี 2548 ถูกตั้งคำถามว่า "จบดอกเตอร์มาจะมาทำอะไรได้ที่โรงพยาบาลเล็กๆ" จากคำถามนั้นทำให้เกิดการสร้างงานที่ถนัด คือ การสร้างคนให้มีความรู้วิจัยในงานประจำ
เพราะอยากอยู่บ้าน จึงทำ ทำเพราะสมัครใจ
ชีวิตของการเป็นวิทยากรกระบวนการก็เริ่มต้น แต่เป็นการเริ่มต้นจากการตั้งปณิธานทำเพื่อเป็นวิทยาทาน ไม่อยากให้เกิดคำครหาว่าเป็นนักวิชาการเชิงพาณิชย์ ดังนั้นเงินทุกบาทจากการเป็นวิทยากรจึงทำบุญหมดเลย วิบากกรรมต่างๆ ที่ตามไล่ล่าจึงรอดพ้นมาได้ตลอด
ด้วยความตั้งใจทำเป็นวิทยาทาน เงื่อนไขจึงน้อยมาก แต่เหตุการณ์ลบๆ ก็เกิดขึ้นเยอะมากมาย อาทิ...เช่น
"อาจารย์คะ เรามีงบไม่เยอะค่ะ จ่ายอาจารย์เท่านี้ได้ไหมคะ ครั้งก่อนเราเชิญอาจารย์ท่านหนึ่งมาใช้เงินเยอะมากค่าสอนเป็นแสนแต่ไม่ได้งาน รอบนี้ท่านผู้บริหารจึงตัดงบค่ะ" --เหตุการณ์เช่นนี้เกิดบ่อยมาก
"อาจารย์คะ เราตั้งเบิกค่าเครื่องบินไม่พอขอจ่ายเท่านี้ได้ไหมคะ" ได้เสมอ ส่วนเกินออกเพิ่มเอง
"อาจารย์คะ เราไม่ได้จองโรงแรมไว้ให้ พักอพาร์ตเมนต์ได้ไหมคะ" ปรากฏว่าไม่มีหมอนและผ้าห่ม หรือบางครั้งที่พักแย่มากๆ จนรอบหลังจึงต้องระบุขอ "สะอาด สงบ และปลอดภัย"
เพราะ...บางแห่งดึกๆ คู่กิ๊กมาทะเลาะตบตีกันแทบตายก็มี
บางแห่งจ่ายเงินเพิ่มส่วนต่าง "ถ้าอาจารย์จะพักคนเดียวอาจารย์ต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มเองนะคะ" ค่าวิทยากรที่ได้มาก็มาจ่ายเพิ่ม win-win
"อาจารย์นั่งแท็กซี่มาเองได้ไหมคะ ไม่ได้ขอรถไปรับค่ะ"
"ค่ารถจากยโสธรเบิกค่าน้ำมันไม่ได้นะคะ อาจารย์ต้องนั่งรถโดยสารมาสนามบินค่ะ"
"อาจารย์คิดค่าอ่านเปเปอร์เท่าไรคะ เราตั้งงบไม่เยอะแทบไม่มีเงินเลยค่ะ เคยจ่ายอาจารย์ท่านก่อนแพงมาก" แต่นิภาพร อ่านฟรี
เยอะ...เก็บเรื่องลบๆ เหล่านี้ไว้นานมากเลยนะนี่
แต่นิภาพร ไม่เคยบ่น ไม่เคยต่อว่า และไม่เคยเล่าให้ใครฟัง จะทราบเฉพาะวิทยากรผู้ช่วยที่ติดตามไปด้วยในบางครั้ง
...
เป็นวิทยากรที่ง่ายมาก "มักง่ายหรือเรียบง่าย"เคยถามตนเอง เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยบ่นแต่ได้ฝึกความอดทน ผู้จัดสบายไม่ต้องมาเลี้ยงข้าวต้อนรับตอนเย็น มื้อเที่ยงก็ไม่ต้องเลี้ยงอาหาร เพราะทานมื้อเดียว บางครั้งจัดที่พักให้เป็นที่พักที่มีอาหารเช้าเป็นข้าวต้ม ผู้จัดใจดีบอกว่า "อาจารย์ทานไม่อิ่มสั่งเพิ่มได้นะคะ" ปรากฏว่าวันนั้นทั้งวันใช้แรงจากข้าวต้มดำเนินชีวิต
เอกสารมาให้เซ็นต์แจ้งผู้จัดว่าให้กรอกข้อมูลมาให้ครบ เพราะรักษาศีลไม่อยากทำผิดและมีเศษกรรม แต่ก็พลาดพลั้งหลายครั้งเพราะผู้จัดไม่ได้ตระหนักอะไรเลยในสิ่งที่เราบอก. จึงบอกตนเองว่า "มันเป็นวิบากกรรมตนเอง อดทนรับไป"
ทบทวนมองตนเองรู้สึกว่าตนเองน่าเวทนามากๆ หรือเปล่านะ
แต่เมื่อมองเข้ามาในใจนี้...อิ่มปิติที่เราผ่านเรื่องราวเหล่านี้มาได้อย่างไร อยากจะเป็นคนที่มีอัตตาเยอะๆ เป็นคนเรื่องมาก...บ้างเหมือนกันก็ดี อยากจะมีเงื่อนไขมากๆ
สองเดือนที่ผ่านมาเจอเหตุการณ์ถูกเชิญไปเป็นวิทยากร ณ องค์กรแห่งหนึ่ง จัดหรือไม่ก็ไม่มีใครประสานมา ทีมผู้ช่วยวิทยากรที่ไปด้วยยังต้องทำงานประจำแบบขึ้นเวรลงเวร ก็ได้เปลี่ยนเวรไว้เพื่อไม่เบียดเบียนผู้อื่นมากนัก อยู่ๆ ก็ได้รับการยกเลิกก่อนถึงวันงานหนึ่งวัน ก็ได้แต่ขอโทษน้องๆ วิทยากรผู้ช่วยไป ต่อมาเชิญมาอีกโชคดีว่ามีการคอนเฟิร์มก่อนล่วงหน้า 6 วันได้รับหนังสือเชิญก่อน 4 วันแต่เป็นชื่ออาจารย์ท่านอื่นเป็นวิทยากร ก็คิดใคร่ครวญอยู่นานจึงทักท้วงไป ได้รับคำตอบมาว่า "ทำเพื่อให้นายเซ็นต์เบิกเอาเงินโครงการออกมาก่อน" งงเด้ งงเด้
ถ้าไปคนเดียวก็คงปล่อยตามเลย แต่นี่มีทีมไปด้วย ไม่มีชื่อเลยสักคน
การทักท้วงดำเนินไปหลายรอบมากจนก่อนถึงวันงานหนึ่งวัน ก็ยังเหมือนเดิม พอโวยวายสไตล์กะปุ๋ม กลายเป็นว่า "ดอกเตอร์กะปุ๋มไม่มีเมตตาธรรม ไม่สงสารน้องผู้ประสานงาน เรื่องมาก อัตตาสูง ..." มองเห็นในใจตนเองเลยว่าอยู่ในลักษณะ "ตามองบนตายแพร๊บ"
แต่สุดท้ายก็ต้องไปเช่นเดิม
บันทึกไว้รอยชีวิตอีกครั้งที่เรียนรู้
25-05-2560
บางครั้งเราทำจนเหนื่อย แต่เรายังทำต่อไปค่ะ
เป็นกำลังใจเสมอคะ และคอยเป็นผู้ช่วยเสมอเมื่ออาจารย์เมตตาคะ