ในครั้งนี้นะครับทางกลุ่มจะแนะนำวิธีการใช้เชื้อแบคทีเรียบีทีในการกำจัดแมลงซึ่งมีข้อมูล ดังนี้
เชื้อแบคทีเรียบีที ฆ่าแมลงได้อย่างไร
เชื้อบีทีแตกต่างจากสารเคมีฆ่าแมลงที่ส่วนใหญ่มักจะถูกตัวตาย แต่เชื้อบีทีกำจัดแมลงศัตรูพืชนั้นแมลงจะต้องกินเชื้อบีทีเข้าไปถึงจะออกฤทธิ์ทำลายแมลงได้ โดยทั่วไป เชื้อบีทีจะทำลายเฉพาะตัวอ่อนของแมลงเท่านั้น เช่น ตัวหนอน หรือ ลูกน้ำยุง จะไม่ทำลายศัตรูพืชระยะที่เป็นไข่หรือตัวเต็มวัย ยกเว้นบีทีบางสายพันธุ์ที่ สามารถทำลายได้ทั้งตัวอ่อน และตัวเต็มวัยของด้วงปีกแข็งบางชนิดเมื่อแมลงกินสารพิษ และสปอร์เข้าไปในกระเพาะ น้ำย่อยในกระเพาะมีคุณสมบัติเป็นด่างค่อนข้างสูงจะย่อยสารพิษซึ่งอยู่ในรูป Protoxin ให้เป็น active toxin (สารพิษแท้จริง ซึ่งจะเข้าทำลายเซลล์เยื้อบุผนังกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการย่อยอาหารและระบบทางเดินอาหารถูกทำลาย ระดับความเป็นเป็นกรด3 ด่างภายในลำตัวขอแมลงเปลี่ยนไป ส่งผลให้แมลงเป็นอัมพาตหรือเคลื่อนไหวช้าลง ทำให้แมลงไม่สมารถกินอาหารได้ ขณะเดียวกันเมื่อผนังของกระเพาะอาหารถูกทำลาย สปอร์ของบีทีและเชื้อโรคที่อยู่ในกระเพาะสามารถไหลผ่านจากรูแผลบนผนังกระเพาะเข้าสู่ระบบเลือดของแมลง จะขยายทวีจำนวนมากเพิ่มขึ้น ทำให้โลหิตเป็นพิษ แมลงจะตายในเวลา ต่อมาโดยทั่ว ๆ ไปเชื้อบีทีจะทำลายแมลงโดยใช้ระยะเวลา 2-3 วัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของแมลง และ ปริมาณเชื้อของบีทีที่แมลงกินเข้าไป
ชนิดของแมลงศัตรูพืชที่สำคัญที่สามารถควบคุมด้วยเชื้อบีที
1.หนอนใยผัก
2.หนอนคืบกระหล่ำ
3.หนอนกระทู้ผัก
4.หนอนกระทู้หอม
5.หนอนร่านกินใบปาล์ม
6.หนอนแปะใบ
7.หนอนเจาะลำต้นข้าวโพด
8.หนอนแก้วส้ม
9.หนอนกินสนสามใบ
วิธีการใช้เชื้อบีที
- ควรอ่านฉลากข้างภาชนะบรรจุเสียก่อน เพื่อให้ทราบว่าเชื้อบีทีชนิดนี้สามารถควบคุมแมลงศัตรูพืชชนิดใดได้บ้างเชื่อแมลงศัตรูพืชที่ต้องการกำจัดระบุอยู่บนฉลากหรือไม่ ทั้งนี้ ในท้องตลาดมีบีทีหลายสายพันธุ์ประสิทธิภาพในการควบคุมแมลงจะแตกต่างไป
- เชื้อบีทีเป็นสิ่งมีชีวิต จะถูกทำลายโดยรังสีอุลตร้าไวโอเลต จากแสงแดดนั้น จึงควรพ่นบีทีหลังบ่ายสามโมงเย็นไปแล้ว จะช่วยยืดอายุเชื้อบีทีบนต้นพืชให้มีประสิทธิภาพอยู่ใต้นานขึ้น
- แมลงต้องกินเชื้อเข้าไป บีที จึงจะสามารถทำลายแมลงได้ แมลงศัตรูผักบางชนิด เช่น หนอนใยผัก หนอนคีบกะหล่ำ มักอาศัยกัดกินอยู่ด้านล่างขอบใบ ดังนั้น การพ่นบีทีควรครอบคลุมบริเวณส่วนล่างของใบพืชด้วยจึงจะสามารถควบคุมหนอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การปรับหัวฉีดเครื่องพ่นสารให้ละอองเล็กที่สุดจะช่วยให้ละอองยาเกาะผิวใบได้ดี และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมหนอนได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ดีขึ้น
- ควรผสมสาจับใบในการพ่นเชื้อบีทีทุกครั้งตามอัตราแนะนำการใช้ที่เข้าขวด
- การพ่นเชื้อบีทีควรพ่น เมื่อสำรวจพบหนอนตัวเล็ก ซึ่งเป็นหนอนวัยแรกๆ(วัย 1-3) จะให้ผลในการควบคุมดีกว่าการพ่นเชื้อเมื่อพบหนอนตัวใหญ่(วัย 4-5)
- ไม่ควนผสมเชื้อบีทีกับสารป้องกันกำจัดโรคพืชเมื่อพ่นในคราวเดียวกันทั้งนี้เนื่องจากสารป้องกันกำจัดโรคพืชบางชนิดทำให้เชื้อบีทีเสื่อประสิทธิภาพได้
- เนื่องจากเชื้อบีทีออกฤทธิ์ช้าใช้เวลา 2-3 วัน แมลงถึงจะตายดังนั้นการใช้อัตราสูงกว่าคำแนะนำไม่ช่วยให้แมลงตายเร็วขึ้นการใช้อัตราต่ำกว่าคำแนะนำจะส่งผลทำให้แมลงไม่ตายและทำความเสียหายแก่ผลผลิตจึงควรใช้เชื้อบีทีตามอัตราที่แนะนำ
- เมื่อพบการระบาดของแมลงรุนแรงควรพ่นเชื้อบีทีตามอัตราแนะนำโดยพ่นติดต่อกัน 3 ครั้งระยะห่างกัน 3-4 วันจะช่วยลดความเสียหายจากแมลงได้ดีกว่าการพ่นครั้งเดียว