"หม้อห้อม ไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลื่อเลืองแพะเมืองผี คนแพร่นี้ใจงาม" นี้คือคำขวัญจังหวัดแพร่ปัจจุบัน( 8 มีนาคม พศ.2560)ที่บ่งบอกเอกลักษณ์ความภาคภูมิใจความโดดเด่นของจังหวัดแพร่ ที่ชาวแพร่ภูมิใจ และทราบความหมายของคำขวัญเป็นอย่างดี แต่อาจไม่รู้ที่มาที่ไปของคำขวัญ
คำขวัญประจำจังหวัดเกิดขึ้นครั้งแรกโดยรัฐบาลของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่กำหนดให้ปี พ.ศ. 2530 เป้นปีท่องเที่ยวไทย และเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและของดี ของเด่นแต่ละจังหวัด รัฐบาลจึงมีคำสั่งให้แต่ละจังหวัด คิดคำขัวญประจำจังหวัดของตนเอง โดยคำขวัญจะต้องสื่อถึง สิ่งสำคัญและเอกลักษณ์ของจังหวัดนั้นๆ จึงมีการจัดการประกวดคำขวัญขึ้นกันทุกจังหวัด คำขวัญของจังหวัดแพร่ ในสมัยแรกคือ "แอ่วเวียงพระลอ ไหว้พระธาตุช่อแฮ นุ่งม่อฮ่อมแต้ ซิ่นแหล้งามตา ชมผานางคอย ส้มอร่อยวังชิ้น"
สำหรับคำขวัญประจำจังหวัดแพร่ที่ใช่อยู่ในปัจจุบันนั้น อาจารย์วรพร บำบัด รองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดแพร่ เล่าให้ฟังว่า เมื่อปี พ.ศ.2538 สมัยท่านผู้ว่าทรงวุฒิ งามมีศรี ได้จัดให้มีการประกวดคำขวัญจังหวัดแพร่ขึ้นใหม่ โดยมีนายสุวิทย์ วงศ์วรกุลและคณะกรรมการอีกหลายท่าน คัดเลือกคำขวัญจากจำนวน 200 กว่าสำนวนที่ส่งเข้าประกวด แต่ยังไม่มีคำขวัญที่ถูกใจและตรงใจกรรมการ ซึ่ง อ.วรพร ร่วมเป็นกรรมการตัดสินในขณะนั้นด้วย คณะกรรมการจึงได้รวมกันนำถ้อยคำ ตัดทอนคำขวัญของผู้เข้าร่วมประกวด มาใส่ลงในคำขวัญต่างๆ ให้สวยงาม ไพเราะ จนได้คำว่า “หม้อห้อม ไม้สัก ถิ่นรัก พระลอ ช่อแฮศรืเมือง ลื่อเลืองแพะเมืองผี” แต่สำนวนก็ยังไม่ครบถ้วน จึงช่วยกันคิดว่าสิ่งใดคือเอกลักษณ์ ที่สำคัญและทำให้นึกถึงเมืองแพร่ ซึ่งนายสุวิทย์ฯได้เสริมว่า ถ้าต้องนึกถึงคนแพร่ ก็จะคิดว่าคนแพร่เป็นคนใจคอดุดัน ใจคอดุดัน มุทะลุ เราควรจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้คนแพร่ จึงเสริมคำขวัญด้วยคำว่า "คนแพร่นี้ใจงาม" ทำให้คำขวัญของจังหวัดแพร่ คือ
"หม้อห้อม ไม้สัก
ถิ่นรัก พระลอ
ช่อแฮศรืเมือง
ลื่อเลืองแพะเมืองผี
คนแพร่นี้ใจงาม"