ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 มกราคม ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ ผบก.ตม.2 แถลงจับกุมนายแฮมซา เบ็นดิลลาดจ์ อายุ 24 ปี สัญชาติแอลจีเรีย ตามหมายจับศาลอาญาที่ 7/2556 ลงวันที่ 4 มกราคม 2556 ในข้อหาหมายจับผู้ร้ายข้ามแดน พร้อมของกลางโน้ตบุ๊กซัมซุง 1 เครื่อง แม็คแอร์ 1 เครื่อง ไมโครซอฟท์แท็บเล็ต 1 เครื่อง โทรศัพท์ผ่านดาวเทียม 1 เครื่อง เอ็กเทอร์นอลฮาร์ดดิสก์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรายการ โดยจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
พล.ต.ท.ภาณุเปิดเผยว่า นายแฮมซาเป็น 1 ใน 10 ผู้ต้องหาที่สำนักงานตำรวจสืบสวนกลางสหรัฐอเมริกา (เอฟบีไอ) ต้องการตัวมากที่สุดและติดตามล่าตัวมากว่า 3 ปี หลังจากได้หนีหมายจับศาลแขวงสหรัฐ แห่งรัฐจอร์เจีย ในข้อหาฉ้อโกงเงินผ่านทางธนาคารและฉ้อโกงธนาคาร นายแฮมซาเจาะเข้าระบบโครงสร้างทางการเงินการธนาคารและบริษัทต่างๆ ทั้งในสหรัฐและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
เจ้าหน้าที่คาดว่ามีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสของนายแฮมซากว่า 217 แห่งทั่วโลก ยมูลค่าความเสียหายจำนวนหลายล้านเหรียญสหรัฐ
ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายแฮมซาเดินทางไปพักผ่อนกับครอบครัวที่ประเทศมาเลเซีย แล้วบินมาเปลี่ยนเครื่องที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสายการบินอียิปต์แอร์ เพื่อเดินทางไปกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ จึงจับกุมตัวดังกล่าว ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเริ่มกระทำความผิดมาตั้งแต่ปี 2551 โจรกรรมข้อมูลทางการเงินมาแล้วหลายครั้งนับไม่ถ้วน
จากการสอบสวน นายแฮมซารับสารภาพว่า จบด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ได้เกรดเฉลี่ย 3.9 0kdมหาวิทยาลัยชื่อดังในสหรัฐ หลังจากเรียนจบมาเป็นแฮกเกอร์ โดยไม่เจาะจงแฮกกลุ่มใดเป็นพิเศษ แต่จะเน้นที่ธนาคาร สถาบันการเงินและบริษัทด้านการเงินต่างๆ ทั่วโลก เคยได้เงินสูงสุดในการโจรกรรมครั้งหนึ่งสูงถึง 10 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเงินไปใช้ท่องเที่ยวและใช้จ่ายทั่วไป
เบื้องต้นตำรวจจะส่งพนักงานอัยการเพื่อดำเนินการตามกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1...
ไม่มีความเห็น