๗ วิธีเรียนภาษาให้เก่ง!


ทักษะทางภาษานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอนาคต ที่โลกเราจะต้องมีการติดต่อสื่อสารกันข้ามประเทศมากขึ้น คนที่มีทักษะทางด้านภาษาที่ดี ย่อมมีโอกาสในการทำงานและการเรียนที่มากกว่าอย่างแน่นอน หลายๆคนเรียนภาษายังไงก็ไม่เก่งสักที ลงเรียนภาษาตั้งมากมายก็ไม่เก่งขึ้น นั้นอาจะเพราะว่าจับไม่ถูกจุด ฝึกไม่ถูกทางไงละครับ วันนี้ Top-A tutor มี ๗ วิธีการเรียนภาษาให้เก่ง มาฝากทุกๆคนให้ลองนำไปปฏิบัติตามดูครับ

๑. ทุกภาษาเริ่มต้นที่ listening

Listening skill เป็น skill พื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการเริ่มตึ้นฝึกภาษา ถ้าไม่เชื่อลองสังเกตเด็กๆสิ เขาจะสามารถ ฟังได้ก่อน แล้วจึงสามารถพูด อ่าน เขียน ได้ตามมา เพราะการฟังจะทำให้เราเกิดความคุ้นเคยกับภาษา คุ้นกับสำเนียง การวรรคคำ การออกเสียง ทำให้ต่อมาเราจะสามารถเลียนแบบเสียงเหล่านั้นได้ ก็คือสามารถพูดได้ตามมาไง แล้วจึงสามารถอ่าน และเขียนได้ต่อๆไป ดังนั้นเมื่อเริ่มฝึกภาษาควรให้ความสำคัญกับ listening skill ฟังศัพท์ใหม่ๆ ฟังการออกเสียง ฟังสำเนียง ฟังรูปประโยคที่เขาใช้ ฟังร่วมกับบริบทที่เขาพูด แล้วทักษะอื่นๆจะตามมาเอง

๒. ให้ภาษาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน

หลายๆคนเมื่อจะเริ่มฝึกภาษาก็จะมีข้ออ้างกับตัวเองว่าไม่มีเวลา ซึ่งที่จริงแล้วการฝึกภาษานั้นสามารถทำให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันได้ เช่น ฟังเพลงภาษานั้นๆแทนการฟังเพลงไทย ดูข่าวภาษานั้นๆแทนการดูข่าวภาษาไทยอย่างเดียว อ่านหนังสือพิมพ์หรือนิตยาสารภาษาต่างประเทศ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าหลายๆอย่างนั้นสามารถปรับให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นอย่าพูดว่าไม่มีเวลา....สำหรับการฝึกภาษ

๓. หาเพื่อนเรียนด้วยกัน

การเรียนภาษานั้นหลายๆคนเมื่อเรียนไปก็จะรู้สึกท้อ ไม่เก่งสักที ไม่มีคนได้ฝึกด้วยกัน เพราะฉะนั้นการหาเพื่อนเรียนภาษานั้นจะช่วยได้มากเลยละเพราะถ้ามีเพื่อนเรียนด้วยกันก็จะสามารถฝึกภาษาโดยพูดกับเพื่อน แชทกับเพื่อนเป็นภาษานั้นๆ หรือแม้แต่ให้กำลังใจในการเรียนกัน ทำให้การเรียนภาษานั้นสนุก ไม่น่าเบื่อ อีกด้วย ดังนั้นลองหาเพื่อนเรียนภาษาด้วยกันดู

๔. คิดเป็นภาษานั้น

การฝึกภาษาให้ได้ผลอย่างนึงคือต้องคิดเป็นภาษานั้นๆ โดยไม่คิดเป็นภาษาไทย การคิดที่ว่านี้คือตั้งแต่เมื่อได้ยินภาษานั้นๆเลย ไม่ต้องแปลเป็นภาษาไทยในสมอง แล้วคิดคำตอบเป็นภาษาไทย แปลเป็นภาษานั้น แล้วพูดภาษานั้นตอบออกไป ซึ่งทำให้การพูดภาษานั้น ไม่คล่องเสียที เพราะต้องผ่านกระบวนการแปลไป-มา หลายครั้ง ดังนั้นคิดเป็นภาษานั้น อย่าแปลเป็นไทยครับ ฝึกไปเรื่อยๆจะทำได้แน่นอน

๕. มีสมุดติดตัวเล่มเล็กสักเล่ม

ระหว่างที่ฝึกภาษา แล้วพยายามทำให้มีการใช้ภาษาเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันนั้น อยากให้พกสมุดเล่มเล็กๆติดตัวไว้สักเล่ม แล้วคอยจดศัพท์ใหม่ๆที่ได้ยิน จดรูปประโยคใหม่ๆที่ได้เรียนรู้ หรือจะเป็นเทคนิคใหม่ๆในการเรียนภาษานั้น จดอย่าเดียวไม่พอนะ ทุกๆวันต้องกลับมาอ่านสิ่งที่จดลงไปด้วย เพื่อให้สามารถจดจำเนื้อหาเหล่านั้นได้ดีขึ้นไง

๖. การวางเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ

สิ่งหนึ่งที่ควรจะมีการกำหนดในการเรียนภาษานั้นคือการวางเป้าหมาย หลายๆคนฝึกแบบไร้จุดหมาย คิดแค่ว่าก็ฝึกๆไป เดี๋ยวก็คงเก่ง การฝึกแบบนั้นไม่เคยมีใครเก่งขึ้นเลยละ เพราะเมื่อต้องฝึกจริงจังก็จะคิดว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำก็ได้ ยังมีเวลาอีกเยอะ เนื่องจากไม่มีเป้าหมายและระยะเวลาไม่มีกำหนดนั่นเอง ดังนั้นต้องกำหนดเป้าหมาย และระยะเวลาด้วย โดยเป้าหมายนั้นควรจะต้องเป็นสิ่งที่วัดได้ ไม่ใช่คร่าวๆ เหมือนพูดว่าต้องเก่งขึ้นเฉยๆ การกำหนดเป้าหมายเช่น ต้องสอบ TOEFL ให้ได้ มากกว่า ๑๐๐ คะแนน ในระยะเวลา ๖ เดือน ต้องอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเล่มนี้จบภายใน ๒ สัปดาห์ เป็นต้น

๗. Practice makes perfect

คำพูดนี้ยังคงเป็นจริงเสมอสำหรับการเรียนภาษา คือต้องฝึกฝนเยอะๆ หาโอกาสที่จะได้ใช้ ได้ฝึกเยอะๆ ยิ่งฝึกมากเท่าไหร่ ทักษะทางภาษาก็จะมีการพัฒนามากขึ้นเท่านั้น

นี่แหละครับ คือ ๗ วิธีการเรียนภาษาให้เก่ง อยากให้ลองนำไปปฏิบัติตามดูกัน แล้วจะรู้ว่าการเรียนภาษาให้เก่งนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยละ

หมายเหตุ เด็กหญิง ณัฏฐณิชา จันทระ เลขที่๙ ม.๒/๒ (ผู้บันทึก)

หมายเลขบันทึก: 602253เขียนเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2016 18:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2016 18:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท