beeman 吴联乐
นาย สมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วงศ์สมาโนดน์

ครอบครัวตึ๋งหนืด <๔๙> คิด/ทำอย่าง "เซียนตึ๋งหนืด"


​....เริ่มต้นด้วยเงินกู้เพียง 70,000 บาท ทำกิจกรรมให้เงินทำหน้าที่แทนเราครบ ๑ ปี มีรายได้เพิ่มขึ้นมา 19,642 บาท (เงินต้นยังอยู่ครบ) ผลตอบแทนเท่ากับ 28% ต่อปี (เท่ากับ Personal loan ที่ธนาคารคิดกับเรา)


บันทึกนี้ มีหลักการ ของ "ตึ๋งหนืด"

1. เมื่อได้เงินมา ให้แบ่งเก็บไว้ 10-50 % เหลือแล้วค่อยใช้จ่าย
2. ก่อนกู้เงินมาใช้จ่าย ให้นำเงินไปฝากก่อน และกู้เงินจากเงินที่ตัวเองออมไว้ในรูปแบบต่างๆ
3. ใช้วิชาโยกเงิน เพื่อให้เงินทำงาน/ทำหน้าที่แทนเรา


สินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง

1. หุ้นในสหกรณ์ (ออมทรัพย์) มูลค่าหุ้นในสหกรณ์ออมทรัพย์
2. กรมธรรม์ประกันชีวิต มูลค่าเงินสดในกรมธรรม์ประกันชีวิต
3. บัตรเครดิต ผลตอบแทนจากการใช้บัตรเครดิต (เครดิตเงินคืนฯ)


เหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 2558 ระหว่าง 1 มกราคม ๒๕๕๘ ถึง 31 ธันวาคม ๒๕๕๘ (สมมุติว่าเป็นวันทำการทุกวัน)
(แนะนำการอ่านบันทึก ให้อ่านตามลำดับ #, และลำดับวันที่)
....เริ่มต้นด้วยเงินกู้เพียง
70,000 บาท (มีเครดิต/ไม่ใช้เงินในกระเป๋าเงินเดือน)


1.# 1 มกราคม 2558 ทำสัญญากู้เงิน จากบริษัทประกันชีวิต จำนวน 70,000 บาท โดยมีกรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นหลักทรัพย์คำประกัน สัญญา 1 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6

วันที่ 31 ธันวาคม 2558 เรามีหน้าที่นำดอกเบี้ยจากการกู้เงินกรมธรรม์ไปจ่าย (เงินต้น 70,000 บาท) = 4,200 บาท (-)
ใชับัตรเครดิต B (ใบที่ ๒) ไปรูดจ่ายดอกเบี้ยแทน
(มีค่าธรรมเนียมในการรูดบัตร 1%+Vat 7% = 42 + 2.94 Baht = 45 บาท)
4,200 บาท
(จ่ายเงินสดจริง 45 บาท)
(เงิน 4,200 บาท ปลอดหนี้ 30 วัน)
วันที่ 25 มกราคม 2559 รับเงินปันผลจากสหกรณ์ นำไปจ่ายหนี้บัตรเครดิต B โดยชำระเต็มจำนวน = 4,200 บาท (+)


2.# 1 มกราคม 2558 นำเงินกู้จากบริษัทประกันชีวิตไปซื้อหุ้นสหกรณ์ฯ จำนวน 70,000 บาท ปันผล 6 % ต่อปี
ต่อจากนั้นขอกู้เงินจากสหกรณ์ฯ 70,000 บาท เสียดอกเบี้ยในอัตรา 6.25% แบ่งจ่ายรายเดือน
ซึ่งจะส่งคืนเงินต้นด้วยสัญญา 1 ปี

วันที่ 25 มกราคม 2559 ได้รับเงินปันผลจากสหกรณ์ฯ จากการซื้อหุ้น (1 ม.ค.-31 ธ.ค.58) 70,000 บาท ปันผล 6 % = 4,200 บาท (+)
วันที่ 25 มกราคม 2559 ได้รับเงินเฉลี่ยคืน 20 % จากการเสียดอกเบี้ยเงินกู้สหกรณ์ฯ ต้น 70,000 บาท
เป็นเงินดอกเบี้ย 70,000*6.25%=4,375 บาท เฉลี่ยคืน 4,375*20% = 875 บาท
เสียดอกเบี้ยจริง=4,735-875=3,500 บาท


= 3,500 บาท (-)
-->ส่วนต่างเงินปันผล-ดอกเบี้ย=4,200-3,500 บาท = 700 บาท (+)
หมายเหตุ ซี้อหุ้นก่อนแล้วค่อยกู้เงินตัวเองไปใช้ (โยกเงิน)
มีส่วนกำไร 1% (700 บาท จาก 70,000 บาท)


3.# เงินกู้จากสหกรณ์ 70,000 บาท เรานำไปลงทุนซื้อของมาขาย 70,000 บาท ใช้เวลาขายของ 3 เดือน (ฝากขาย) กำไรหลังหักค่าใช้จ่าย 10% เป็นเงิน 7,000 บาท เก็บกำไรไว้..หมุนเงิน 3 รอบ กำไร 21,000 บาท

รอบ. 1 มกราคม-30 เมษายน 2558 ลงทุนซื้อของมา แบบซื้อมาขายไป 70,000 บาท กำไร 7,000 บ. กำไรสะสม 7,000 บาท
รอบ. 1 พฤษภาคม-31 สิงหาคม 2558 ลงทุนซื้อของมา อีก 70,000 บาท กำไร 7,000 บ. กำไรสะสม 14,000 บาท
รอบ. 1 กันยายน-31 ธันวาคม 2558 ลงทุนซื้อของมา อีก 70,000 บาท กำไร 7,000 บ. กำไรสะสม 21,000 บาท


4. # 31 ธันวาคม 2558 ถึงเวลาจ่ายเงินกู้ที่มีกรมธรรมค้ำประกันแล้ว (ดู 1.#)

31 ธันวาคม 2558 ไปรูดบัตรเครดิต A จ่ายต้นเงินกู้ 70,000 บาท
(เงินที่ใช้จ่ายผ่านบัตรนี้..จะมีวิธีการคืนเงินต้น..ในรอบคิดถัดไป วันที่ 14 กุมภาพันธ์)
ปลอดหนี้ 45 วัน
(เสียค่าธรรมเนียมรูดบัตร 1.5% + VAT 7% = 900+63 บาท)....จ่ายเงินสด = 963 บาท (-)
2 มกราคม 2559 ได้เงินเครดิตเงินคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิต 3% (2% ของ 70,000 บาท)
= 2,100 บาท (+)
รูดบัตร ได้คะแนน 70,000/20 = 3,500 คะแนน, คะแนนแลกเป็นเงินได้ =350 บาท = 350 บาท (+)
สรุป มีรายได้มากกว่ารายจ่าย =2,100+350-963=1,487 =1,487 บาท


สรุป..จากการกู้เงิน 70,000 บาท มาครั้งแรก แล้วไปทำกิจกรรมต่างๆ
1.# รายจ่าย 45 บาท
2.# รายรับ 700 บาท, รายจ่าย 3,500 บาท
3.# กำไรสะสม 21,000 บาท
4.# รายรับ 1,487 บาท
รวมแล้ว มีรายได้จากการทำกิจกรรม 1 ปี เท่ากับ -45+700-3,500+21,000+1,487 =19,642 บาท



หมายเลขบันทึก: 600457เขียนเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2016 20:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 มีนาคม 2016 21:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท