บันทึกนี้ มีหลักการ ของ "ตึ๋งหนืด"
1. | เมื่อได้เงินมา ให้แบ่งเก็บไว้ 10-50 % | เหลือแล้วค่อยใช้จ่าย |
2. | ก่อนกู้เงินมาใช้จ่าย ให้นำเงินไปฝากก่อน | และกู้เงินจากเงินที่ตัวเองออมไว้ในรูปแบบต่างๆ |
3. | ใช้วิชาโยกเงิน | เพื่อให้เงินทำงาน/ทำหน้าที่แทนเรา |
สินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง
1. | หุ้นในสหกรณ์ (ออมทรัพย์) | มูลค่าหุ้นในสหกรณ์ออมทรัพย์ |
2. | กรมธรรม์ประกันชีวิต | มูลค่าเงินสดในกรมธรรม์ประกันชีวิต |
3. | บัตรเครดิต | ผลตอบแทนจากการใช้บัตรเครดิต (เครดิตเงินคืนฯ) |
เหตุการณ์เกิดขึ้นในปี 2558 ระหว่าง 1 มกราคม ๒๕๕๘ ถึง 31 ธันวาคม ๒๕๕๘ (สมมุติว่าเป็นวันทำการทุกวัน)
(แนะนำการอ่านบันทึก ให้อ่านตามลำดับ #, และลำดับวันที่)
....เริ่มต้นด้วยเงินกู้เพียง 70,000 บาท (มีเครดิต/ไม่ใช้เงินในกระเป๋าเงินเดือน)
1.# 1 มกราคม 2558 ทำสัญญากู้เงิน จากบริษัทประกันชีวิต จำนวน 70,000 บาท โดยมีกรมธรรม์ประกันชีวิตเป็นหลักทรัพย์คำประกัน สัญญา 1 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6
วันที่ 31 ธันวาคม 2558 | เรามีหน้าที่นำดอกเบี้ยจากการกู้เงินกรมธรรม์ไปจ่าย (เงินต้น 70,000 บาท) | = 4,200 บาท (-) |
ใชับัตรเครดิต B (ใบที่ ๒) ไปรูดจ่ายดอกเบี้ยแทน (มีค่าธรรมเนียมในการรูดบัตร 1%+Vat 7% = 42 + 2.94 Baht = 45 บาท) |
4,200 บาท (จ่ายเงินสดจริง 45 บาท) (เงิน 4,200 บาท ปลอดหนี้ 30 วัน) |
|
วันที่ 25 มกราคม 2559 | รับเงินปันผลจากสหกรณ์ นำไปจ่ายหนี้บัตรเครดิต B โดยชำระเต็มจำนวน | = 4,200 บาท (+) |
2.# 1 มกราคม 2558 นำเงินกู้จากบริษัทประกันชีวิตไปซื้อหุ้นสหกรณ์ฯ จำนวน 70,000 บาท ปันผล 6 % ต่อปี
ต่อจากนั้นขอกู้เงินจากสหกรณ์ฯ 70,000 บาท เสียดอกเบี้ยในอัตรา 6.25% แบ่งจ่ายรายเดือน
ซึ่งจะส่งคืนเงินต้นด้วยสัญญา 1 ปี
วันที่ 25 มกราคม 2559 | ได้รับเงินปันผลจากสหกรณ์ฯ จากการซื้อหุ้น (1 ม.ค.-31 ธ.ค.58) 70,000 บาท ปันผล 6 % | = 4,200 บาท (+) |
วันที่ 25 มกราคม 2559 |
ได้รับเงินเฉลี่ยคืน 20 % จากการเสียดอกเบี้ยเงินกู้สหกรณ์ฯ ต้น 70,000 บาท เป็นเงินดอกเบี้ย 70,000*6.25%=4,375 บาท เฉลี่ยคืน 4,375*20% = 875 บาท เสียดอกเบี้ยจริง=4,735-875=3,500 บาท |
= 3,500 บาท (-) |
-->ส่วนต่างเงินปันผล-ดอกเบี้ย=4,200-3,500 บาท | = 700 บาท (+) | |
หมายเหตุ ซี้อหุ้นก่อนแล้วค่อยกู้เงินตัวเองไปใช้ (โยกเงิน) มีส่วนกำไร 1% (700 บาท จาก 70,000 บาท) |
3.# เงินกู้จากสหกรณ์ 70,000 บาท เรานำไปลงทุนซื้อของมาขาย 70,000 บาท ใช้เวลาขายของ 3 เดือน (ฝากขาย) กำไรหลังหักค่าใช้จ่าย 10% เป็นเงิน 7,000 บาท เก็บกำไรไว้..หมุนเงิน 3 รอบ กำไร 21,000 บาท
รอบ. 1 มกราคม-30 เมษายน 2558 | ลงทุนซื้อของมา แบบซื้อมาขายไป 70,000 บาท | กำไร 7,000 บ. | กำไรสะสม 7,000 บาท |
รอบ. 1 พฤษภาคม-31 สิงหาคม 2558 | ลงทุนซื้อของมา อีก 70,000 บาท | กำไร 7,000 บ. | กำไรสะสม 14,000 บาท |
รอบ. 1 กันยายน-31 ธันวาคม 2558 | ลงทุนซื้อของมา อีก 70,000 บาท | กำไร 7,000 บ. | กำไรสะสม 21,000 บาท |
4. # 31 ธันวาคม 2558 ถึงเวลาจ่ายเงินกู้ที่มีกรมธรรมค้ำประกันแล้ว (ดู 1.#)
31 ธันวาคม 2558 |
ไปรูดบัตรเครดิต A จ่ายต้นเงินกู้ 70,000 บาท (เงินที่ใช้จ่ายผ่านบัตรนี้..จะมีวิธีการคืนเงินต้น..ในรอบคิดถัดไป วันที่ 14 กุมภาพันธ์) |
ปลอดหนี้ 45 วัน |
(เสียค่าธรรมเนียมรูดบัตร 1.5% + VAT 7% = 900+63 บาท)....จ่ายเงินสด | = 963 บาท (-) | |
2 มกราคม 2559 |
ได้เงินเครดิตเงินคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิต 3% (2% ของ 70,000 บาท) |
= 2,100 บาท (+) |
รูดบัตร ได้คะแนน 70,000/20 = 3,500 คะแนน, คะแนนแลกเป็นเงินได้ =350 บาท |
= 350 บาท (+) |
|
สรุป มีรายได้มากกว่ารายจ่าย =2,100+350-963=1,487 | =1,487 บาท |
สรุป..จากการกู้เงิน 70,000 บาท มาครั้งแรก แล้วไปทำกิจกรรมต่างๆ
1.# รายจ่าย 45 บาท
2.# รายรับ 700 บาท, รายจ่าย 3,500 บาท
3.# กำไรสะสม 21,000 บาท
4.# รายรับ 1,487 บาท
รวมแล้ว มีรายได้จากการทำกิจกรรม 1 ปี เท่ากับ -45+700-3,500+21,000+1,487 =19,642 บาท
ไม่มีความเห็น