อาชีพนักเขียนนิยาย รวยกว่าที่คุณคิด อาชีพนักเขียนนิยาย …เขียนเล่นๆ รวยไม่รู้เรื่อง


อาชีพนักเขียนนิยายเป็นอาชีพหนึ่งที่นอกจากจะสร้างความสุขให้กับผู้เขียนจากการได้ถ่ายทอดจินตนาการแล้ว ยังสร้างรายได้งามใหกับผู้เขียนอีกด้วย ในขณะที่การทำงานก็มีความเป็นอิสระไม่ต้องเข้าออฟฟิศ ไม่ต้องเริ่มงานตรงเวลาทุกวัน นึกอยากจะทำงานที่ไหนก็หิ้วโน้ตบุ้คสักเครื่องไปทำ เดินทางเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ค้นหาแรงบันดาลใจในการเขียนได้ตลอดเวลา

ครั้งนี้ไมโครแบรนด์มีโอกาสพูดคุยกับคุณพีนักเขียนอิสระที่มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ครั้งแรกของเธอบนถนนการเขียนย้อนไปหกปีก่อนจนถึงขณะนี้ เธอมีงานเขียนแล้วหกเรื่อง ความยาวสิบเล่มคงต้องยอมรับว่าเธอมีชื่อเสียงและมีกลุ่มคนที่ติดตามผลงานของเธออยู่ไม่น้อย และรายได้จากการตีพิมพ์และจำหน่ายรวมๆกันแล้วเป็นหลักแสน จากงานอดิเรกในยามว่างที่เธอเขียนเล่นๆกลับสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้อย่างน่าภาคภูมิใจ และก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องราวของเธอน่าสนใจจนไมโครแบรนด์หยิบยกมานำเสนอในครั้งนี้

เริ่มจากเขียนเล่นๆก่อน แล้วคนอ่านบอกให้รวมเล่ม ก็เลยรวมกับโรงพิมพ์ของเพื่อนที่รู้จัก แต่รูปแบบไม่ถูกใจตอนหลังเลยเปลี่ยนโรงพิมพ์ไปใช้ของอีกที่ ทำเองหมด ตั้งแต่เขียน ตรวจอักษร รับเงิน ทำบัญชี แล้วก็ห่อของ ส่งของ ธุรกิจในครัวเรือนสุดๆ ขั้นตอนห่อของ ส่งของเนี่ย (พูดปนหัวเราะ สีหน้ามีความสุข) การพิมพ์หนังสือเดี๋ยวนี้ง่ายมากนะ เพราะมีโรงพิมพ์ที่รับพิมพ์หนังสือขั้นต่ำอยู่ หรือที่เรียกว่า Print on demand เราไม่ต้องลงทุนควักเนื้อก่อนเพราะสามารถพรีออเดอร์ คือพอเขียนเสร็จก็บอกให้จองและโอนเงินมาก่อนได้เลย สมมติเขียนเสร็จ บอก จองได้ 1 เดือน พอครบ 1 เดือน เราก็ส่งรายละเอียดการโอนเงินไปให้คนที่จอง บอกว่า โอนได้ 1 เดือน ประมาณนี้ แล้วก็รับเงินอย่างเดียว ระหว่างนั้นเราก็จัดการเขียนไป ตรวจอักษรไป ทำตอนพิเศษเพิ่มไป จ้างคนวาดปก จากนั้นก็ส่งไฟล์ให้โรงพิมพ์ ทั้งเรื่องทั้งปก โอนเงินมัดจำ แล้วโรงพิมพ์จะส่งตัวอย่างเล่มมาให้ เราก็เอามาตรวจดู พอใจแล้วโอนเงินอีกส่วนที่เหลือ จากนั้นรอรับของอย่างเดียว สรุปว่าเราไม่ต้องลงทุนอะไร เช่น ทุนมาต่อเล่ม 200 บาท เราขาย 300 บาท ก็เท่ากับได้กำไร 100 บาท ง่ายๆแค่นั้น 100 บาทนั้น ถือเป็นค่าหัวสมอง

เรื่องการตั้งราคาล่ะคิด คำนวณยังไงว่าตั้งขายเท่าไหร่

คนเขียนที่เห็นๆกันมา มักจะตั้งราคาอยู่ที่ หน้าละ 1 บาท เช่น มี 400 หน้า ก็ขาย 400 บาท หรือต่ำกว่าหน่อย เช่น 370 หรือ มากกว่าหน่อย เช่น 430 เป็นต้น แต่เราขายต่ำกว่าจำนวนหน้าเป็นร้อยนะ

ขนาดขายในราคาที่ถูกว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นยังได้กำไรเป็นแสน ถ้าอย่างนั้นคำพูดที่ว่า “นักเขียนไส้แห้ง” ที่เคยได้ยินคนพูดกันคงใช้ไม่ได้แล้วมั้ง

นักเขียนไส้แห้งยังใช้ได้นะ (หัวเราะ) ทีนี้มันขึ้นกับคำว่า เราจำหน่ายผลงานทางไหน ถ้าขายเอง ก็ยังขึ้นอยู่กับความนิยมในตัวผู้เขียนด้วย บางคนอาจขายได้ 50 ชุด ก็จะได้ไม่เท่าคนที่ขายได้เป็นร้อยๆชุด บางคนอาจออกผลงานไม่กี่ชุด เทียบกับคนที่ออกผลงานหลายๆชุด หรือเป็นซีรีส์ รายได้ก็ไม่เท่ากันแล้ว หรือเทียบกับคนที่ออกกับสนพ. รายได้ก็ไม่เท่ากันอีก สมมติสนพ. ให้ 10% ของยอดขาย หรือให้ค่าต้นฉบับด้วย ก็มีสิทธิ์ที่จะได้เงินน้อยกว่าคนที่ขายเอง ออกทุนเอง และขายได้เป็นหลายร้อยชุดอยู่ดี เพราะฉะนั้น คำว่า ไส้แห้ง ต้องขึ้นอยู่กับช่องทางจัดจำหน่ายด้วย แต่คิดว่ายังใช้ได้อยู่

ทราบว่าคุณไม่เคยทำงานประจำมาก่อน อยากทราบว่าทำไมถึงคิดเช่นนั้น มีใครทักท้วงหรือไม่ แล้วโดยส่วนตัวคุณมีความคิดยังไง

ไม่เคยทำงานประจำเพราะยังเรียนป.โทอยู่ แต่จบมาแล้วจะทำแน่นอน เพราะการเขียนหนังสือ เอาเข้าจริงก็ไม่สามารถทำได้ตลอดไป คิดว่ามันยังไม่มั่นคงพอ ที่เขียนอยู่คือเป็นงานอดิเรกมากกว่า จะยึดเป็นอาชีพเลยคงยาก เพราะสมัยนี้นักเขียนเยอะ พล็อตเรื่องแบบที่เราเขียน อาจมีคนอื่นเขียนก็ได้ แปลว่านักอ่านมีทางเลือกอื่น การอ่าน การขายก็อาจทำได้น้อยลง ไม่สามารถมีอะไรรับประกันได้ว่าเราจะเป็นดาวค้างฟ้าที่ไม่ว่าออกมากี่เรื่องต่อกี่เรื่องก็มีคนอ่านรุมกันซื้อ บางคนอาจดังกระหึ่มเรื่องเดียวจบ ผลงานเรื่องอื่นๆอาจมีคนอ่านสนใจน้อยลง หรือบางคนอาจดังแผ่วๆ แต่ขายได้เรื่อยๆ เป็นต้น จะเห็นได้ว่ามันไม่ค่อยมั่นคงนัก ถ้าเทียบกับการทำงานประจำแล้วเอาการเขียนเป็นงานอดิเรก แบบนี้จะมั่นคงกว่า (สายตาของเธอจริงจังเมื่อพูดถึงแผนการในอนาคต)

แสดงว่าทุกวันนี้คุณมีรายได้จากงานเขียนเป็นหลัก พอจะเรียกได้ว่าตัวเองเป็นนักเขียนอาชีพ พอใจไหมกับจุดที่เป็นอยู่ตอนนี้

โดยส่วนตัว รายได้ไม่ถือเป็นการวัดว่าเป็นมืออาชีพหรือไม่มืออาชีพ คำว่ามืออาชีพ คิดว่าวัดจากเนื้อเรื่อง ความนิยม ความถี่ในการออกผลงาน ความรับผิดชอบต่อการเขียน ความแพร่หลายของการอ่าน ความสม่ำเสมอของคุณภาพ (ถ้าไม่ดีขึ้นก็ไม่ควรจะดาวน์ลง) มากกว่า ถามว่าพอใจมั้ย ก็ต้องตอบว่า ยังไม่พอใจ เพราะเรายังเป็นนักเขียนมือสมัครเล่น เวลากลับไปอ่านที่เขียน มีความรู้สึกว่า ตรงนี้ยังไม่ดี ตรงนั้นยังบกพร่อง ไม่ลื่นไหล ไม่สมเหตุสมผล ก็จะอยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เลยยังไม่คิดพอใจง่ายๆนัก

แล้วทิศทางในอนาคตล่ะเป็นอย่างไร คุณตั้งใจว่าจะเขียนไปนานแค่ไหน หรือจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น

ทิศทางในอนาคต ก็คิดว่าจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ เหมือนที่เขาบอกว่า ถ้าคุณทำในสิ่งที่คุณรัก คุณก็จะไม่คิดว่ามันเป็นการทำงาน ที่เขียนอยู่มาจากความรัก เป็นเหมือนงานอดิเรก เป็นสิ่งที่เมื่อได้ทำก็มีความสุข อะไรที่วางพล็อตค้างๆไว้ ตั้งใจจะเขียนให้จบ ซึ่งไม่รู้ว่าจะใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ แต่จะเขียนต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดพล็อตที่วาง ตอนนี้ตั้งใจไว้แค่นั้นเอง แต่เรื่องงานอย่างอื่น ต้องทำอยู่แล้ว

ตอนนี้ในวงการมีนักเขียนรุ่นใหม่ๆ จำนวนมาก ส่วนใหญ่อายุน้อย เขียนเป็นงานอดิเรกควบคู่ไปกับการเรียน หรือประกอบอาชีพอื่น คุณอยากฝากอะไรถึงพวกเขาบ้าง

ตอนนี้ก็อยู่ในเกณฑ์คนเขียนรุ่นใหม่เหมือนกัน (ยิ้มๆ) เขียนไปด้วย เรียนไปด้วย ไม่มีอะไรจะฝากถึง นอกจากต้องบอกว่า ขอให้รักในสิ่งที่ทำ แล้วทุกอย่างก็จะราบรื่นไปได้ด้วยดีเอง

ถ้ามีคนอยากเป็นแบบคุณ ประสบความสำเร็จแบบคุณ คุณจะแนะนำให้ทำอย่างไร ต้องเริ่มต้นอย่างไร

อยากเป็นนักเขียน ต้องเริ่มจากการอ่าน อ่านให้เยอะ ศึกษาให้มาก ถ้าจะเขียนอะไรก็วางจุดเริ่มและจุดจบให้ดี ถ้าเขียนไปคิดไปอาจเลิกกลางคัน ทำอะไรต้องมีการวางแผน ศึกษาสำนวนภาษา การใช้คำศัพท์ต่างๆ มีความรับผิดชอบต่องานที่ทำ พักได้ ท้อได้ แต่อย่าเพิ่งล้มเลิกกลางคัน เพราะจะทำให้เรื่องไม่จบ ถ้าเรื่องไม่จบ ผลงานเราก็ไม่เสร็จ คนอ่านเจอบ่อยๆก็อาจจะเบื่อแล้วเลิกติดตามเราได้ ที่สำคัญ ต้องให้ใจคนอ่าน อย่าหักหลังคนอ่าน อย่าถือทิฐิมากไปว่าเป็นคนเขียน จะทำอะไรก็ได้ อยู่กันฉันท์มิตร มีอัธยาศัยต่อกัน จะทำให้ดึงคนอ่านไว้อยู่ แค่นั้นเอง ^^

อ้างอิง:http://www.microbrand.co/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2/

คำสำคัญ (Tags): #katai
หมายเลขบันทึก: 577486เขียนเมื่อ 29 กันยายน 2014 11:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน 2014 11:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท