แผนการสอน


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1

สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

Unit 1 Grammer เวลา 6 ชั่วโมง

จุดประสงค์การเรียนรู้

1.ฟัง พูด อ่าน และเขียนคำศัพท์เกี่ยวกับคำคุณศัพท์ที่มีความหมายตรงข้ามกันได้ (K, P)

2. พูดชักชวน ตอบรับหรือปฏิเสธคำชักชวน และพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ชอบมากกว่าได้ (K, P)

3. ใช้ regular verbs ใน Simple past tense ได้ (K, P)

4. ใช้ irregular verbs ใน Simple past tense ได้ (K, P)

5. ออกเสียงคำและไม่ลงน้ำหนักในพยางค์กลางคำได้ (K, P)

6. แสดงบทบาทสมมุติและปฏิบัติกิจกรรมทางภาษาได้ (K, A, P)   

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้


ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม (A) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
• ประเมินการฟัง พูด อ่าน และ เขียนคำศัพท์เกี่ยวกับคำคุณศัพท์ที่มี ความหมายตรงข้ามกัน
  • ประเมินการพูดชักชวน ตอบรับหรือ
  • ปฏิเสธคำชักชวน และพูดแสดง

    ความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ชอบ

    มากกว่า

  • ประเมินการใช้ regular verbs ใน
  • Simple past tense

  • ประเมินการ ใช้ irregular verbs ใน
  • Simple past tense

  • ประเมินการออกเสียงคำที่ไม่ลงน้ำหนักเสียงในพยางค์กลางคำ
  • ตรวจผลงาน/กิจกรรมเป็น
  • รายบุคคล เป็นคู่ หรือเป็นกลุ่ม

    • ประเมินพฤติกรรมในการทำงาน เป็นรายบุคคลในด้านความมีวินัย ความใฝ่เรียนรู้ ฯลฯ
  • มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนภาษา
  • อังกฤษ

    • ประเมินพฤติกรรมในการทำงาน เป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่มในด้าน การสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา

    ฯลฯ

    เนื้อหาทางภาษา

    Communication: Make suggestion; Reading

    Grammar: Articles , Pronouns , Verb to Be,Do,Have , tenses

    Vocabulary: Review of common adjectives: antonyms

    Pronunciation: Dropped vowels in middle syllables

    สื่อการเรียนรู้

    ใบความรู้

    หนังสือแบบฝึกหัด เรื่อง Articles , Pronouns , Verb to Be,Do,Have

    แผ่นซีดี

    แถบประโยค

    บัตรคำ

    ภาพประกอบคำศัพท์

    แนวทางการบูรณาการ

    ภาษาไทย=บอกความหมายของคำคุณศัพท์ที่มีความหมายตรงข้ามกัน

    ศิลปะ=แสดงบทบาทสมมุติ

    คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม

    1. ความมีระเบียบวินัย

    2. ความใฝ่เรียนรู้

    3. ความรับผิดชอบ

    กิจกรรมการเรียนรู้ ครั้งที่ 1

    Warm-Up

    – ครูนำตัวอย่างไปรษณียบัตรจากต่างประเทศมาแสดงให้นักเรียนในชั้นดู (สามารถดาวน์โหลดได้จาก www.gotoknow.com)

    – ให้นักเรียนช่วยกันบอกว่ากิจกรรมหรือสถานที่ใดที่น่าสนใจ และนักเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับไวยากรณ์ดังกล่าวบ้าง

    – ให้นักเรียนช่วยกันระดมความคิดว่า ถ้านักเรียนจะพูดภาษาอังกฤษ จะเลือกสถานที่หรือกิจกรรมใดมาเป็นบทสนทนาเพราะเหตุใด

    Using the Pictures

    – ให้นักเรียนดูภาพประกอบภาษาอังกฤษ

    กิจกรรมที่ 1: Reading

    หลักการใช้article นำหน้านามคือ

    เมื่อกล่าวเป็นการทั่วไป นามนับได้เอกพจน์ จะต้องมี a หรือ an นำหน้าเสมอ

    นามพหูพจน์และนามนับไม่ได้ ไม่ต้องมี article ใดๆ

    เมื่อกล่าวเป็นการชี้เฉพาะ จะต้องใช้ the นำหน้าเสมอไม่ว่าจะเป็นนามเอกพจน์หรือพหูพจน์ เป็นนามนับได้หรือไม่ได้

    Articles แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ

    Indefinite Article ได้แก่ a และ an ใช้นำหน้านามนับได้ ( Countable Nouns ) เอกพจน์ทั่วๆไป ( Singular )

    Definite Article ได้แก่ the ซึ่งใช้นำหน้าคำนามนับได้ ( Countable Nouns ) และนามนับไม่ได้ ( Uncountable Nouns ) ทั้งรูปเอกพจน์Singular ) และพหูพจน์ ( Plural ) เพื่อให้นามนั้นมีความหมายเฉพาะเจาะจง

    – ให้นักเรียนบอกว่ามีศัพท์คำใดบ้างที่ไม่เข้าใจ ครูนำมาสอนก่อนโดยฝึกเทคนิคการเดาศัพท์ การ
    ใช้ภาพ ฯลฯ

    – ครูเขียนคำถามบนกระดาน ตัวไหนที่นักเรียนไม่เข้าใจ

    – ให้นักเรียนอ่านคำถามใน Exercise 1อภิปรายถึงปัญหาที่นักเรียนพบขณะอ่าน ครูกระตุ้นให้นักเรียนตอบปัญหาซึ่งกันและกัน

    กิจกรรมที่ 2: Reading

    Pronouns ( คำสรรพนาม )
    Types (
    ชนิดของคำสรรพนาม)

    Pronoun ( คำสรรพนาม )คือคำที่ใช้แทนคำนามหรือคำเสมอนาม ( nouns- equivalent ) เพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงซ้ำซากหรือแทนสิ่งที่รู้กันอยู่แล้วระหว่างผู้พูดผู้ฟังหรือแทนสิ่งของที่ยังไม่รู้หรือไม่แน่ใจว่าเป็นอะไรคำสรรพนาม (pronouns )

    1.Personal Pronouns ( บุรุษสรรพนาม ) คือสรรพนามที่ใช้แทนบุคคลหรือสิ่งของในการพูดสนทนามี3 บุรุษคือ

    บุรุษที่ 1 ได้แก่ตัวผู้พูด I, we

    บุรุษที่ 2 ได้แก่ผู้ฟัง you

    บุรุษที่ 3 ได้แก่ผู้ ที่พูดถึง สิ่งที่พูดถึง he, she. it , they

    – ให้นักเรียนบอกว่ามีศัพท์คำใดบ้างที่ไม่เข้าใจ ครูนำมาสอนก่อนโดยฝึกเทคนิคการใช้ศัพท์ หรือการ
    ใช้สรรพนาม ฯลฯ

    – ครูเขียนคำถามบนกระดาน ตัวไหนที่นักเรียนไม่เข้าใจ

    กิจกรรมที่ 3: Reading

    การใช้คำกริยาVerb

    Verb มีอยู่ด้วยกัน3 ชนิดคือ 

    1. Verb to be 

    2. Verb to do

    3. Verb to have

    Verb to be

    ได้แก่be, is, am, are, were, was กริยาทั้ง6 นี้เมื่อประกอบกับคำนามหรือสรรพนามซึ่งเป็นประธานของประโยคเช่นI หรือYou หรือThe boy แล้วถ้าเป็นกริยาช่วยก็ไม่มีคำแปลแต่ถ้าเป็นกริยาแท้ก็แปลว่าเป็นอยู่คือเช่น

    I am a handsome man. ฉันเป็นผู้ชายรูปหล่อคนหนึ่ง

    Danai is my father. ดนัยเป็นบิดาของฉัน

    Verb to have

    แปลว่ามีมีในที่นี้หมายถึงมีในปัจจุบันที่ผู้พูดต้องการจะบอกให้ทราบว่ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ในขณะนี้

    Example:

    I have five oranges. ฉันมีส้ม5 ผล

    I have six cars. ฉันมีรถยนต์6 คัน

    She has many umbrellas. เขาผู้หญิงมีร่มหลายคัน

    Mr.Somsuk has a hotel. คุณสมสุขมีโรงแรม

    Miss.Manus has twelve dogs. คุณมนัสมีสุนัข12 ตัว

    Aranya and Rampai have geese. อรัญญาและรัมไพมีห่านหลายตัว

    I ใช้กับhave
    You ใช้กับhave
    We ใช้กับhave
    They ใช้กับhave
    He ใช้กับhas
    She ใช้กับhas
    It ใช้กับhas

    Verb to do

    คำกริยาdo นี้มีความหมายทำนองเดียวกันกับVerb to be คือเป็นทั้งกริยาช่วยและกริยาแท้ถ้าเป็นกริยาแท้แปลว่า "ทำ", "ปฏิบัติ",และ "แสดงท่า"

    Do และมีหลักการใช้ดังนี้คือถ้าเป็นกริยาสำคัญหรือกริยาแท้ในประโยคมีความหมายว่าทำ

    He does his homework..

    They do their homework.

    เป็นกริยาช่วยในประโยคคำถามและปฏิเสธที่มีกริยาแท้อยู่แล้วในประโยคและประโยคนั้นไม่มีVerb to be ( is am are ) .ในประโยคเช่นนี้ do , does จะไม่มีความหมายเป็นเพียงตัวช่วย เช่น

    He does not have any sisters.

    We do not buy a big car.

    do not ใช้รูปย่อเป็น don’t / does not ใช้รูปย่อเป็น doesn’tแยกใช้ไปตามประธานของประโยคดังนี้

    1.ประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 ( He , She , It ชื่อคนคนเดียวสัตว์ตัวเดียวและสิ่งของอันเดียวที่ถูกกล่าวถึง) ใช้Does

    2.ประธานเป็นเป็นพหูพจน์ใช้do ( I , You , We , They ชื่อคนหลายคน สัตว์หลายตัวสิ่งของหลายอย่างที่ถูกกล่าวถึง) ใช้ Do

    – ครูนำตัวอย่างเนื้อหาจากเว็ปมาแสดงให้นักเรียนในชั้นดู (สามารถดาวน์โหลดได้จาก www.gotoknow.com)

    – ให้นักเรียนช่วยกันบอกว่ากิจกรรมหรือสถานที่ใดที่น่าสนใจ และนักเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับไวยากรณ์ดังกล่าวบ้าง

    – ให้นักเรียนช่วยกันระดมความคิดว่า ถ้านักเรียนจะศึกษาภาษาอังกฤษ จะเลือกสถานที่หรือกิจกรรมใดมาเป็นบทสนทนาเพราะเหตุใด

    กิจกรรมที่ 4: Reading

    Present Tense

    1.Present Simple (S. + V.1)

    2. Present Continuous (S. + is/am/are + V.ing)

    3. Present Perfect (S. + has/have + V.3)

    4.Present Perfect Continuous (S. + has/have been + V.ing)

    Past Tense

    1.Past Simple (S. + V.2)

    2. Past Continuous (S. + was/were + V.ing)

    3.Past Perfect (S. + had + V.3)

    4. Past Perfect Continuous (S. + had been + V.ing)

    Futere Tense

    1.Future Simple (S. + will/shall + V.1)

    2.Future Continuous (S. + will/shall be + V.ing)

    3.Future Perfect (S. + will have + V.3)

    4.Future Perfect Continuous (S. + will/shall have been + V.ing)

    – ครูนำตัวอย่างเนื้อหาจากเว็ปมาแสดงให้นักเรียนในชั้นดู (สามารถดาวน์โหลดได้จาก www.gotoknow.com)

    – ให้นักเรียนช่วยกันบอกว่ากิจกรรมหรือสถานที่ใดที่น่าสนใจ และนักเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับไวยากรณ์ดังกล่าวบ้าง

    – ให้นักเรียนช่วยกันระดมความคิดว่า ถ้านักเรียนจะศึกษาภาษาอังกฤษ จะเลือกสถานที่หรือกิจกรรมใดมาเป็นบทสนทนาเพราะเหตุใด

    บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้

    1. ความสำเร็จในการจัดการเรียนรู้ _________________________________________________________

    แนวทางการพัฒนา ___________________________________________________________________

    2. ปัญหา/อุปสรรคในการจัดการเรียนรู้ _____________________________________________________

    แนวทางแก้ไข _______________________________________________________________________

    3. สิ่งที่ไม่ได้ปฏิบัติตามแผน _____________________________________________________________

    เหตุผล _____________________________________________________________________________

    4. การปรับปรุงแผนการจัดการเรียนรู้ _______________________________________________________

    ลงชื่อ __________________ ครูผู้สอน

    _________/ _________/ _________ 

    Unit1 Test

    การใช้ a / an

    จุดประสงค์นักเรียนสามารถใช้ a / an นำหน้าคำศัพท์ได้ถูกต้องคำชี้แจงให้นักเรียนเติม a หรือan ในช่องว่างต่อไปนี้

    1. This is …………ant.
    2. That is …………book.
    3. Is that …………..pen ?
    4. It ’ s ……………..leg.
    5. That is ………….egg.
    6. Is this …………...ear ?
    7. This is …………...head.
    8. That is …………...arm.
    9. It ’ s ……………….bat.
    10. That is…………….umbrella.

    Exercise 1: Fill in the blanks with: have or has

    1.We ………………….. beautiful flowers in our garden.

    2.Jane ………………….. five new English books.

    3.I………………….. an expensive sport car.

    4.They ………………….. a big villa not far from the beach .

    5.My sister………………….. a lot of dolls in her room.

    6.My father ………………….. a computer in his office.

    7.Sandra and I ………………….. five pets .

    8.My mother………………….. a pretty orange bag.

    9.Moris………………….. some friends in Haifa.

    10.You………………….. ten notebooks.

    11.I………………….. a desk and two chairs in my bedroom.

    12.Robert …………………. a tall brother.

    13.These boys ………………….. blue eyes.

    14.Boonna………………….. two pen pals in Australia.

    15.The pupils ………………….. a new computer room .

    16.The dog ………………….. a very big doghouse.

    17.Bill Gates ………………….. a lot of money .

    18.He ………………….. short blond hair .

    19.They ………………….. four tickets to the show .

    20.This girl………………….. birthday in April .

    21. The boy………………….. a ball.

    22. My sister ………………….. a boyfriend. 

    23. I ………………….. two sisters.

    24. My brother ………………….. a red car.

    25. This house ………………….. a very big garden. 

    26. The boys………………….. an important test tomorrow.

    27. My cat ………………….. a long tail. 

    28. The book ………………….. a nice cover. 

    29. You ………………….. a nice voice.

    30. We ………………….. good news for you 

    คำสำคัญ (Tags): #แผนการสอน
    หมายเลขบันทึก: 576661เขียนเมื่อ 23 กันยายน 2014 18:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน 2014 18:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


    ความเห็น (1)

    ขอบคุณครับ ได้ความรู้เยอะเลย(อาจารย์ครับผมขออนุญาตเมลล์หาอาจารย์นะครับ)

    อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท