ผมมักจะแวะซื้ออาหารริมถนนระหว่างเดินทางไปที่ทำงานเสมอๆ ทั้งนี้เพราะถือเอาความสะดวกเป็นตัวตั้ง นอกจากนั้น อาหารริมถนนดูจะมีราคาต่ำกว่าอาหารตามห้างสรรพสินค้า ห้องอาหาร ร้านอาหาร และสวนอาหาร เช้านี้เป็นอีกวาระหนึ่ง วาระนี้ผมเลือกเดินไปที่แผงขายอาหารสด แล้วเลือกซื้อข้าว ๕ บาท กับข้าวเป็นผัดหมี่ ๒๐ บาท ระหว่างที่รอแม่ค้าอยู่นั้น เสียงลุงคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า "ตังค์ทอน ๆ รับตังค์ทอนด้วย" ผมเปลี่ยนจากการมองอาหารบนที่วาง หันไปมองเจ้าของเสียง และหันไปมองเป้าหมายของเจ้าของเสียง พบว่า เป็นชายหนุ่มที่กำลังเดินออกไปหลังจากซื้ออาหารของลุงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เข้าใจว่า น่าจะไปเลือกซื้ออาหารเพิ่มอีกร้านหนึ่ง ผมก็พลอยกวักมือเรียกชายหนุ่มคนนั้นด้วย แต่เขาไม่เห็น เสียงของลุงที่ดังก็ไม่เท่าเสียงรถที่ขวักไขว่ไปมาทั้งรถบัส จักรยานยนต์ กระบะ เก๋ง ระหว่างนั้น ได้ยินใครสักคนบอกว่า "เอาไปให้เลย คงไม่ได้ยินหรอก" ลุงก็เลยรีบเดินเอาตังค์ทอนไปให้ จากนั้นจึงเดินกลับมายืนขายของที่เดิม และพูดขึ้นว่า "ถ้าไม่ได้ทอนให้แล้วรู้สึกไม่สบายใจ"
ลักษณะของ "ถ้าไม่ได้ทอนให้แล้วรู้สึกไม่สบายใจ" ผมเห็นว่าเป็นลักษณะของความซื่อสัตย์ เพราะคนบางคนในโลกนี้ หากจะได้สิ่งของมาโดยการเอาเปรียบผู้อื่นแล้วจะรู้สึกไม่ดีกับตนเอง ดังนั้น คนแบบนี้จึงเลือกใช้ชีวิตแบบไม่ขอเอาเปรียบใคร ผมยังคิดเลยไปว่า หากมีคนที่ใช้ชีวิตด้วยการขอทานมาขออาหารจากลุง ลุงก็คงเมตตาให้เช่นกัน
ผมนึกถึงคำว่า "ทอน" หมายถึงอะไร ดูจะได้สองความหมายคือ ทอนในความหมายที่ว่า การทำให้สั้นลง และทอนในความหมายที่ว่า ส่งคืนส่วนต่าง ในข้อเขียนนี้ เป็นการส่งคืนส่วนต่าง ส่วนอีกคำที่น่านำมาพิจารณาคือ "ซื่อสัตย์" ในภาษาพุทธศาสนาน่าจะตรงกับคำว่า "สัจจะ" ที่ตรงกับ "สัตย์" ในสันสกฤต แปลว่า ความจริง อย่างไรก็ตาม เมื่อแปลออกมาแล้ว อาจไม่สอดคล้องกับความหมายของคำว่า "ซื่อสัตย์" แต่เมื่อพิจารณาอรรถของความจริง ก็น่าจะไปร่วมกันได้อยู่กับ ซื่อตรงไปสู่ความจริง ในความรู้สึกของ "ถ้าไม่ได้ทอนแล้วรู้สึกไม่สบายใจ" ดูจะเหมาะกับ "ความตรงไปตรงมาอย่างอ่อนโยน" มากกว่ากระมัง
ไม่มีความเห็น