ที่มา http://teen.mthai.com/variety/3529.html
ประสบการณ์ของรุ่นพี่คนหนึ่ง ที่เคยรับน้องมาแล้ว
กับการรับน้องนอกสถานที่
ที่เคยเจอ สมัยเรียน ป. ตรี (ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อมหาวิทยา แต่ไม่ใช่สวนสุนันท์)
1. ยืนตากฝนเข้าแถว ตอนที่ฝนตกหนัก
2. ให้ผู้ชายเลียผ้าอนามัยทากะปิ
3. เอาเหรียญเล็กๆใส่ในกางเกงในผู้ชายแล้วให้ผู้หญิงล้วงลึก จนกว่าจะเอาออกมาได้ ...(ได้ยินว่าบางที่จะให้เพศที่สามล้วง)
4. ให้แก้เอากางเกงในมาใส่นอกกางเกง และแสดงอภินิหารเดินฝ่าดงหนาม(ที่สูงพ้นหัวในป่า โดยไม่มีอุปกรณ์อะไรมีแต่เนื้อกับหนาม)
5. ให้ทำท่าทุเรศทุรังต่างๆ เพื่อแลกชื่อ(ลายเซ็น)รุ่นพี่ (ในมหาลัยจะเป็นแบบเบาๆ แต่นอกมหาลัยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง)
ฯลฯ
ในขณะที่ฝนตกหนักทุกวัน แต่รุ่นพี่ก็ยังให้รุ่นน้องไปรับน้อง หรือเข้าแถวร้องเพลงตากฝน
สมัยนั้นข้าพเจ้ายังหนุ่มอยู่เมื่อไปรับน้องนอกสถานที่ครั้งนั้น ก็ไม่สบายถึงสามครั้งเป็นหายๆ ดีที่ร่างกายแข็งแรงก็เลยรอดชีวิตมาถึงทุกวันนี้
แต่ได้ยินข่าวว่าคนที่ไม่แข็งแรงเมื่อป่วยมากอยู่ในป่าไม่มียา หาหมอไม่ทันก็ตายในป่าเพื่อนและรุ่นพี่ขนศพออกมาไม่ได้ก็ต้องทิ้งไว้ในป่านั้น หลายวันจึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมาเอาศพไปให้ญาติ (ข่าวนี้ได้ยินหลังจากที่ผมขึ้นปีสอง ป. ตรี )
ที่มา http://www.komchadluek.net/detail/20120131/121781/...
สิ่งที่ผมได้จากการรับน้องนอกสถานที่ ขอบอกผมไม่ได้ต่อต้านการรับน้องเลย เพราะคนอื่นเขาอาจจะได้อะไรบ้างฤาไรไม่รู้?
แต่ผมเป็นพวกเชื่อในสิทธิมนุษยชนสูง นับถือคนที่ความดี ไม้ได้นับถือใครเพราะถูกบังคับให้เชื่อ
หลังจากที่ผมกลับจากการรับน้องนอกสถานที่ จึงรักรุ่นพี่พวกนั้นน้อยลง ส่วนความเคารพก็ยังมีให้เพราะผมเป็นคนมีมารยาท ครอบครัวอบรมมาดีตั้งแต่ก่อนไปรับน้องอยู่แล้ว
ความเคารพผู้อาวุโสไม่ควรผูกกับการรับน้อง
เพราะก่อนมีการรับน้องในสังคมไทย เด็กไทยเคารพผู้อาวุโสอยู่แล้วเป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อสมัยนี้มีการรับน้อง เด็กรุ่นใหม่กลับเคารพผู้อาวุโสน้อยลง คือไหว้ครูน้อยลงไหว้แต่รุ่นพี่
(ไม่จัดว่าเป็นวัฒนธรรมที่ดีงามของสังคมไทย เป็นประเพณีมหาลัยเท่านั้น เพราะรุ่นน้องที่เคารพรุ่นพี่เป็นอย่างดีในมหาลัย เมื่อออกไปที่ถนนเห็นคนแก่ข้ามถนนก็อาจจะไม่มีน้ำใจ เห็นครูก็ไม่ไหว้เป็นเรื่องปกติแทบทุกมหาวิทยาลัย )
หลังจากผ่านมาหลายสิบปี...จึงไม่ทราบว่าผมได้อะไรจากการรับน้องนอกสถานที่ หรือว่าจะเป็นประสบการณ์เฉียดตาย? (ซึ่งผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นประโยชน์อะไรกับการดำเนินชีวิตของผมในปัจจุบันนี้เลย)
สุดท้ายขอย้ำว่าผมไม่ได้ต่อต้านการรับน้อง
แต่ขอเปลี่ยนให้มันเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์สร้างประโยชน์กับสังคมไปพร้อมกับการเพิ่มสัมพันธภาพน้องพี่ดีกว่าไหม? เช่นร่วมกันไปทำบุญที่วัด หรือไปเยี่ยมคนชรา ไปเยี่ยมเด็กตาบอด ฯลฯ
ให้มันกลายเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่ากับชีวิตด้วย ไม่ใช่พี่ฆ่าน้องดังที่พ่อแม่ผู้ปกครองกลัวในปัจจุบัน
ถึงแม้ในหลายสถาบันจะไม่รุนแรงอย่างนั้น และก็มีกิจกรรมสร้างสรรค์อยู่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ การรับน้องขึ้นบัญชีดำในใจของคนไทยหลายคนคนอื่นๆแล้ว คิดว่าถ้าการรับน้องไม่ตอบโจทย์ที่สร้างสรรค์ให้สังคมบ้าง ในอนาคตประเพณีรับน้องในมหาลัยก็ย่อมสูญสิ้นไปเอง ดังนั้นผมจึงไม่มีความรู้สึกดำขาว ดีไม่ดีกับการรับน้อง เพียงเฝ้ามองรออยู่ให้มันพิสูจน์ตนเอง
ขอบคุณค่ะ ... บันทึกดีดีนี้ค่ะ