จากการที่คำศัพท์เดี่ยวๆของภาษาอังกฤษส่วนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำที่ใช้ประจำทั่วไป จะมีความหมาย ที่ครอบคลุมได้กว้างขวาง บ้างก็เด่นชัด แต่บางคำก็คลุมเครือค่อนไปใกล้เคียงกับคำอื่น
การจะทำให้รู้จัก ความหมายที่แท้จริงของคำนั้น ในข้อความใดๆ
พิจารณาได้จาก ความหมายโดยรวมของข้อความนั้น
นั่นคือ คำต่างๆที่ประกอบอยู่ และผนวกรวมเข้ากับคำที่เป็นแกนหลัก
เรียกว่า Collocation = การจัดคำให้เข้ากัน (ตามความนิยม) (พจนานุกรมอังกฤษ-ไทย ของเธียรชัย เอี่ยมวรเมธ)
วลี = Phrase = ถ้อยคำ – โวหาร
อันประกอบด้วยคำมากกว่าหนึ่ง
ถึงแม้เราจะรู้ความหมายของแต่ละคำ ของทุกคำนั้น
และไวยากรณ์ของประโยคนั้น อย่างดี
แต่ความหมายที่แท้จริงของ วลี ก็อาจทำให้สับสนได้
วลีหรือประโยค ประเภทนี้ รวมเรียกว่าเป็น Idiomatic
สำนวน (Idiomatic) เป็นคำที่เกิดขึ้นและใช้กันอยู่ตามความนิยมและเคยชิน ของท้องถิ่น หรือหมู่คณะวิชาชีพหนึ่ง
สำนวนประกอบจากคำกริยารวมกับคำอื่นเรียกว่าเป็น Particle = คำเสริมท้าย
คำที่ประกอบใหม่จะมี ความหมายที่แตกต่างไปจาก
ความหมายเดิมของแต่ละคำที่นำมาประกอบ
ตัวอย่าง เรารู้จักคำ Call, Run, Off และ Out ว่าแต่ละคำมีความหมายอย่างไร
แต่เมื่อนำมารวมกันเป็น
Call off มีความหมายว่า ยกเลิก และ
Run out หมายความว่า ได้ใช้ (บางสิ่ง) หมดแล้ว
คำกริยาที่เป็น วลี = Phrasal verbs
บางครั้งเรียกว่า กริยาสองคำ ก็เป็นการแสดงออกของ วลี
เพราะเหตุว่า ส่วนที่นำมาต่อกับกริยา (อาจเป็นคำวิเศษณ์หรือบุพบท)
เราไม่อาจคาดเดาความหมายได้
ดังตัวอย่าง
ทำไมจึงใช้ว่า call up ในประโยค Call up a friend
ทำไมไม่ใช้ว่า call in a friend หรือ call on a friend
อันที่จริง ทั้งสามคำ มีความหมายที่แตกต่างและไม่อาจคาดเดาได้ เมื่อรวมกัน
และแต่ละคำเมื่อรวมกันแล้วจะมีความหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ตัวอย่าง
คุณสามารถ call up a friend on the telephone,
Call on a friend for a visit และ
call in a friend to come and help you with something.
สำนวนต่างๆ บางครั้งเรียกว่า Fixed phrases= วลีตายตัว
ในโลกของความเป็นจริง วลีที่แสดงความหมาย ผันแปรได้หลากหลาย
จึงยิ่งทำให้ยากต่อการนำมาใช้ และยากที่จะหาได้จากพจนานุกรม
การผันแปร มีมากถึงเจ็ดแบบ และ วลี จำนวนมากผันแปรได้มากกว่าหนึ่งแบบ
สำคัญที่ต้องรู้ ว่าการผันแปรต่างๆ เกี่ยวข้องซึ่งกันและกันอย่างไร
เพื่อที่จะไม่คิดไปว่า วลี เดียวที่ผันแปรได้สามแบบ อาจมีสามความหมาย
โดยรู้ว่า แกน (core) ของวลีที่แสดงนั้น คืออะไร และมันผันแปรได้อย่างไรบ้าง
จะทำให้จำได้และนำการผันแปรนั้นไปใช้ในเนื้อหาอื่นๆที่แตกต่างได้มากขึ้น
ชอบมากค่ะ พ่อเขียนไปเรื่อยๆนะคะ รับรองว่าจะเป็นมรดกที่ดีสำหรับคนเรียนภาษาอังกฤษเลยค่ะ