มองหลัง
กระจกมองหลังในรถทั้งสามบาน ช่วยสะท้อนสิ่งที่ตามมา และสิ่งที่ผ่านไป
หลังเลิกงานพบว่า เจ้าหัวขโมย ยืมกระจกด้านขวาไปใช้อย่างไร้ร่องรอย
การมองหลัง รู้สึกถึงความไม่สมบูรณ์แห่งการระแวดระวัง
รีบให้ช่างเปลี่ยนกระจกบานใหม่...เพื่อเติมความรู้สึกที่ขาดหาย
...........................
หลายวันต่อมา...กระจกก็ทำหน้าที่สะท้อนภาพอันระทึก!!!
บนเส้นทางกลับบ้านที่ลดเลี้ยวหลายมุมโค้ง....ผ่านหลายชุมชนและทุ่งนากว้าง
ผมขับรถกลับบ้านอย่างไม่เร่งร้อน....เผื่อวินัยการจราจรที่หย่อนยานของผู้ขับขี่บางคน
ก่อนถึงทางโค้ง...ผมเหลือบเห็นรถกระบะสีขาวค่อนข้างใหม่ จอดย้อนศรอยู่ทางขวา
ระหว่างเข้าโค้ง...ผมเห็นรถกระบะบุโรทั่งวิ่งกินเลนตรงรี่เข้ามาข้างหน้ากระทันหัน...!!!
สติเตือนให้ผมแตะเบรค และหักพวงมาลัยชิดซ้ายสุดขอบทางโค้ง...ไม่มีเสียงชนหลักกั้น
รถกระบะบุโรทั่ง วิ่งเฉียดกระจกด้านขวาไปหวุดหวิด...สัมผัสเสียงเฉียดได้
ผมแวบดูกระจกมองหลังทั้งสามบานด้วยสัญชาตญาณ....
คุณพระช่วย!!!....ผมเห็นรถกระบะบุโรทั่งชนเข้ากับรถกระบะสีขาวคันที่ที่จอดอยู่...จนกระดอนกลับ!!!
ผมลังเลอยู่ชั่วครู่ว่า...จะย้อนกลับไปช่วยเหลือผู้ขับรถกระบะบุโรทั่งหรือไม่???...เขาน่าจะบาดเจ็บ??
มีรถกระบะสวนมาอีกสองคัน ....ชายฉกรรจ์นั่งหลังหลายคนส่งเสียงตะโกนโหวกเหวก...
เขาคงมีตัวช่วยแล้วซินะ.... เขาคงบาดเจ็บไม่มาก...
นาทีนั้น ...ผมตัดสินใจขับรถกลับบ้านทันที......
แต่ว่า...ในใจยังว้าวุ่น....วินัยการขับขี่...เห็นแก่ตัว....มนุษยธรรม....?????
ถึงบ้าน....ผมเหลือบดูกระจกด้านขวา ปรากฏเจ้าแมงมุมตัวเขื่องเกาะอยู่เมื่อไหร่ไม่รู้...
“หยุดมองหลังซะทีเถอะน่า!!...” แว่วเสียงเจ้าแมงมุมในสัมผัสที่หก......
วินัยจราจรบ้านเราไม่ค่อยดีนะครับ
บางทีคิดว่าจะเลี้ยวก็ไม่เปิดไฟเลี้ยว
น่ากลัวมาก
ที่สำคัญชอบสวนเลน
แปลกมากๆๆ